บทที่ 173 เล่ห์เหลี่ยม 1 (2)

คาร์ลได้เข้ามามีส่วนร่วมกับสิ่งที่ไม่คาดคิดอีกครั้ง เขาได้ยินเสียงของราอนที่ลอดเข้ามาในหัว

~ มนุษย์!.เขาจะไปกับเราด้วยหรือเปล่า? ~

‘ไม่!..ทำไมเขาจะต้องไปกับเราด้วย?’

คาร์ลไม่ต้องการไปยุ่งเกี่ยวกับผู้อื่นโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร

สำหรับคนอย่างเขาที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณครบองค์ประกอบธาตุทั้งหมดจำเป็นต้องมีผู้ใช้พลังแห่งธาตุติดตามไปด้วยงั้นหรือ? แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องจำเป็น!

‘แม้ว่าฉันจะไม่มีองค์ประกอบธาตุทั้งหมดจริงๆก็ตาม’

คาร์ลแตะไปที่สร้อยดูดซับที่บรรจุวารีสยบเพลิงอยู่ด้านใน จากนั้นเขาก็นึกถึงบทสนทนาที่เขามีต่ออดิทเมื่อครั้งยังอยู่ในหมู่บ้านเอลฟ์

‘เจ้ารู้หรือไม่ว่าผู้พิพากษาคือใคร?’

‘ผู้พิพากษาหรือเจ้าคะ?’

‘ใช่แล้ว..มีข่าวลือหนาหูว่ามีผู้พิพากษาคนหนึ่งหนีไปยังทวีปตะวันออก’

ผู้พิพากษาคนนี้เป็นคนเดียวกับกับที่ต้นไม้โลกต้องการให้เขาหาให้พบ คาร์ลตั้งใจจะนำไปถามการ์ชานและรอนทีหลังเพราะทั้งคู่มาจากทวีปตะวันออกแต่เขาก็ตัดสินใจถามอดิทขึ้นมา

. อดิทยกมือเกาศีรษะและเริ่มส่ายหน้าเบาๆ

‘ไม่เคยเจ้าค่ะ..ข้าน้อยไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน’

‘อย่างนั้นรึ?’

คาร์ลคิดว่าตัวเองคาดหวังกับอดิทมากเกินไป

‘เจ้าค่ะ..แต่ข้าน้อยเคยได้ยินเรื่องวารีพิพากษาเจ้าค่ะ!’

‘อะไรนะ?’

สุดท้ายคาร์ลก็ได้ยินสิ่งที่ไม่คาดคิดอีกจนได้

อดิทดูเป็นกังวลเมื่อเธอเริ่มพูดต่อ

‘วารีพิพากษาเป็นพลังศักดิ์สิทธิ์โบราณเจ้าค่ะ’

อดิทรีบไปหยิบกระดานชนวนเก่าๆที่อยู่ในห้องสมุดประจำหมู่บ้านแทนที่จะรีบอธิบายเรื่องนี้ให้คาร์ลฟัง

‘ข้าน้อยจำมันได้ดีเพราะข้อมูลที่อยู่ในกระดานชนวนนี้มัน..น่าตกใจ!’

‘…ข้าขอยืมมันได้หรือไม่?’

‘กระดานชนวนนี้หรือเจ้าคะ?’

อดิทจ้องมาที่คาร์ลราวกับจะถามว่าเขาเอาจริงอย่างนั้นหรือ?ก่อนที่จะพยักหน้ารับในเวลาต่อมา

‘ได้เจ้าค่ะ..เชิญท่านตามสบาย’

คาร์ลเริ่มเข้าใจว่าทำไมอดิทถึงตกใจเมื่อเห็นข้อความบนกระดานชนวนนี้

มีข้อความจำนวน 3 บรรทัดอยู่บนกระดานชนวนและนี่คือบรรทัดแรก

<จดหมายลาออก!>

ตามด้วยบรรทัดที่สอง

<เจ้าต้นไม้โลกจอมโง่เง่า!..ตอนนี้ข้าเป็นอิสระแล้ว!>

มันเป็นประโยคที่รุนแรงพอควร

วารีพิพากษาดูเหมือนจะบ้าระห่ำพอสมควร คาร์ลมั่นใจหลังจากอ่านบรรทัดสุดท้ายจบ

<วารีพิพากษา?..ตอนนี้จิตวิญญาณของข้าเป็นอิสระแล้ว!!!>

‘ฉันอาจต้องรับเอาสิ่งแปลกใหม่เข้ามาอีกครั้ง’

นั่นคือสิ่งที่ผุดเข้ามาในใจของคาร์ลหลังจากอ่านข้อความทั้งหมดจบ

เขาคว้าแก้วไวน์ยกดื่มอึกใหญ่เพื่อบรรเทาความอึดอัดใจ จากนั้นก็ลอบสังเกตซัลลี่และลูกไฟที่มองไม่เห็นอย่างพิจารณาบางอย่าง

‘ฉันควรมาเจอพวกเขาอีกครั้งหรือไม่?’

ธาตุไฟดวงนี้มีโอกาสที่จะเติบโตและพัฒนาตัวเองจนมีพลังทำลายล้างสูง ในขณะที่ซัลลี่ก็อาจเปลี่ยนจากหนุ่มใสซื่อเป็นชายหนุ่มผู้มีไหวพริบ ไหนจะยายของเขาที่ดูฉลาดไม่เบา

คาร์ลคิดว่าตัวเองในอนาคตจะไม่วิ่งหนีพวกเขาอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่สามารถได้ยินสิ่งที่ธาตุไฟลูกนี้พูด มันลอยข้ามไหล่ของซัลลี่ไปมาพร้อมกับความตกใจและสับสนอย่างปิดไม่มิด

-สายฟ้าฟาดรุนแรง..น่ายำเกรงยิ่งนัก…ทะเลเพลิง..ก็ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน-

รูปร่างของธาตุไฟเริ่มเปลี่ยนไปช้าๆเมื่อมันพึมพำสิ่งนั้นออกมา อย่างไรก็ตามสภาพของมันก็เป็นเพียงเปลวเพลิงที่ทุกคนไม่สามารถเดารูปร่างของมันในอนาคตได้

ที่สำคัญมันไม่คิดที่จะขยับห่างจากตัวซัลลี่เลย

คาร์ลไม่มีทางรู้เรื่องนี้เพราะไม่สามารถมองเห็นและได้ยินธาตุได้

.

.

.

“ในที่สุด..เราก็มาถึงสักที!”

เชวฮันมองฝ่าประตูเมืองเข้าไปด้านในทันที

หลังคาทรงแหลมถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวสะอาดตา หลังคาบ้านเรือนที่กลายเป็นสีขาวทำให้มันดูเหมือนอาณาจักรหิมะ

เชวฮันซึ่งสวมชุดคลุมนักบวชสีขาวเหลือบไปมองด้านข้างของตนเล็กน้อย

มีชายหนุ่มผมสีขาวยืนอยู่ข้างๆเขา แน่นอนว่าชายผู้นี้คือคาร์ล เขากำลังจัดชุดนักบวชที่ตนใส่อยู่ให้เรียบร้อยก่อนจะแต้มยิ้มอ่อนโยน

“ปลายทางของเราอยู่ไม่ไกลแล้ว..เร่งมือกันเถอะ”

คาร์ลและคณะได้ก้าวเข้าสู่เมือง‘บาโก’อันเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรพารันแล้ว

พวกเขาไม่มีปัญหาในการเดินทางเข้าเมืองในขณะที่ต้องปลอมตัวเป็นนักบวชเพราะมีป้ายประจำตัวที่องค์ชายอัลเบิร์กสั่งทำให้เป็นพิเศษ

ราอนตะโกนเข้ามาในหัวของคาร์ล

~ มนุษย์!.ที่นี่มีงานเทศกาลเหรอ? ~

หลังคาสีขาวและหิมะขาวโพลน อาคารต่างๆที่มองเห็นจากระยะไกลๆถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม

โรสลินก็เอ่ยถามคาร์ลเช่นกัน

“ท่านนักบวช..ทั่วเมืองบาโกถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม..พวกเขากำลังจะจัดงานเทศกาลงั้นรึ?”

เธอกวาดสายตาไปมองรอบๆ ดูเหมือนจะมีชาวเมืองจำนวนมากเดินเข้าออกประตูเมืองรวมถึงถนนในเมืองหลวงก็คลาคล่ำไปด้วยผู้คนทั้งๆที่มีหิมะปกคลุมจนเย็นเยือกไปทั่วบริเวณ

เชวฮันก็สงสัยเช่นกันเขาจึงหันมามองคาร์ลเพื่อรอคำตอบ ในขณะนั้นพาสตันก็เอ่ยขึ้น

“..พวกท่านเดินทางมาที่นี่โดยไม่รู้อะไรเลยหรือ?”

“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ?”

โรสลินอาจเป็นอดีตองค์รัชทายาทแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่เธอจะมานั่งจำประเพณีหรืองานเทศกาลของอาณาจักรต่างๆเช่นอาณาจักรทางตอนเหนือสุดแห่งนี้

พาสตันหันไปมองคาร์ลหลังจากได้ยินคำถามของโรสลิน

คาร์ลจึงเริ่มเอ่ยเสียงเรียบ

“ในช่วงเดือนมกราคม..อาณาจักรพารันจะจัดเทศกาลสำคัญที่ไม่เหมือนใครขึ้นมา”

เมี้ยววว!!

ฮงสะกิดแขนคาร์ลเบาๆเพื่อกระตุ้นให้คาร์ลพูดต่อ คาร์ลจึงลูบขนของมันเล่นเมื่อเริ่มพูดต่อ

“พวกเขาได้นำเครื่องบูชามาที่ทะเลสาบซึ่งควรจะมีน้ำตาพระเจ้าอยู่ที่นั่น..พวกเขาต่างสวดอ้อนวอนเพื่อให้พระเจ้ามอบน้ำตากลับคืนมาให้และพวกเขาได้จัดพิธีนี้เป็นประจำทุกๆปี..มีการจัดงานเฉลิมฉลองทั่วทั้งเมืองบาโกเช่นกัน”

เชวฮันสะดุ้งเมื่อได้ยินสิ่งที่คาร์ลอธิบาย

มันฟังดูเหมือนจะเป็นเทศกาลที่สำคัญและมีความหมายต่อชาวเมืองยิ่งนักแต่พวกเขากำลังจะจุดไฟในทะเลสาบนั่นแทน

เชวฮันหันไปมองคาร์ลทันที คาร์ลเองก็พอจะเดาท่าทีของเชวฮันออกจึงก้มลงไปกระซิบบางอย่างเงียบๆเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นได้ยิน

“เราไม่ต้องการที่จะทำร้ายใครดังนั้นเราจะไม่ลงมือในวันที่พวกเขาทำพิธี..แต่ในคืนสุดท้ายพวกเขาทั้งหมดจะมารวมตัวกันที่จัตุรัสกลางเมืองเพื่อร่วมฉลองเต้นรำ”

คืนสุดท้าย! เหล่าชาวเมืองจะมารวมตัวกันที่จัตุรัสกลางเมืองเพื่อส่งท้ายงานเทศกาล พวกเขาจะร่วมสังสรรค์ร้องเล่นเต้นรำกันตลอดทั้งคืน

คงไม่มีใครอยู่ในทะเลสาบยกเว้นทหารยามที่มีเวรเฝ้าบริเวณนั้นพอดี มันจะง่ายต่อการลงมือโดยไม่คิดทำอันตรายต่อทหารยามพวกนั้น

คาร์ลกระตุกยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยถามสมาชิกในกลุ่ม

“เราไม่ควรส่งท้ายงานเทศกาลด้วยการจุดพลุฉลองหน่อยรึ?”