บทที่ 174 เล่ห์เหลี่ยม 2 (1)

ความเงียบเข้าปกคลุมสมาชิกในกลุ่ม

อาร์ชีและพาสตันสูญเสียคำพูดของตัวเองไปทันที ในขณะที่โชวฮันและโรสลินดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ออนลูกแมวขนสีเงินเลี่ยงการสบตากับคาร์ลด้วยท่าทางที่บ่งบอกว่ามันคิดไว้อยู่แล้วว่าคาร์ลจะพูดเช่นนี้

อย่างไรก็ตามคาร์ลไม่ได้สนใจความเงียบนั้นเมื่อมีเสียงที่สะท้อนเข้ามาในหัวของเขา

~ มนุษย์!.สมแล้วที่เจ้าเป็นมนุษย์ของเรา! เราไม่สามารถปล่อยให้คนอื่นๆได้รับบาดเจ็บหากเราต้องแสดงพลุไฟให้พวกเขาได้เห็น ~

น้ำเสียงของราอนดูตื่นเต้นมาก ต่อให้มันจะเป็นมังกรที่มีสัญชาตญาณร้ายกาจเพียงใดแต่ตอนนี้มันก็เป็นเพียงแค่เด็ก 6 ขวบเท่านั้น คาร์ลสายหน้าน้อยๆก่อนหันไปมองเชวฮันและโรสลิน

เชวฮันหันมาสบตากับคาร์ลและเริ่มพูด

“กระผมต้องทำอะไรบ้างขอรับ?”

เสียงของคาร์ลยังสะท้อนอยู่ในใจของเขา

‘เราไม่ต้องการที่จะทำร้ายใคร…’

เชวฮันไม่แปลกใจเลยเพราะคาร์ลมักมีความคิดเช่นนี้เสมอแม้ว่าเขาจะทำตัวเป็นจอมวายร้ายก็ตาม

“เอาไว้..เราค่อยคิดด้วยกัน”

จากนั้นเขาก็ยิ้มให้กับคำตอบของคาร์ล สำหรับคนอย่างเชวฮันที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาตลอด 10 ปีและพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอด คำว่า‘ด้วยกัน’เป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเมื่อได้ยินมันเสมอ

คาร์ลละสายตาไปมองโรสลินซึ่งกำลังส่งยิ้มให้เขาอยู่

“ฟังดูแล้ว..มันต้องเป็นแผนการที่มีประสิทธิภาพและเวลาในการลงมือก็ดูเหมาะสมเช่นกัน”

“ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าท่านจะต้องพูดเช่นนี้..ท่านโรสลิน”

วาฬทั้งสองดูเหมือนจะสับสนยิ่งกว่าเดิมแต่คาร์ลไม่คิดที่จะสนใจเมื่อหันไปสั่งพาสตันแทน

“ท่านพาสตัน..ไปหาที่พักกันก่อนเถอะ”

“อ่า..ใช่แล้ว!”

“จากนั้นเราค่อยไปเที่ยวชมรอบๆทะเลสาบกัน”

ทะเลสาบ

คำนั้นทำให้ขาของพาสตันชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเริ่มเดินนำทางสมาชิกในกลุ่มของคาร์ลเข้าสู่เมืองหลวงของอาณาจักรพารัน

เหล่าชาวเมืองไม่สามารถเก็บอาการของพวกเขาไว้ได้และหันมามองกลุ่มของคาร์ลอย่างพร้อมเพรียง

กลุ่มของพวกเขาสวมเสื้อคลุมเหมือนกับนักเดินทางทั่วๆไปซึ่งยากต่อการมองเห็นใบหน้าของพวกเขาได้ถนัด นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกแต่การที่มีกลุ่มคนสวมชุดคลุมพร้อมฮู้ดปิดบังใบหน้าเดินล้อมรอบคล้ายกับกำลังอารักขาคนผู้หนึ่งทำให้เหล่าชาวเมืองอดแปลกใจไม่ได้

นักบวชผมสีขาวคือคนที่ได้รับการอารักขาและทุกสายตาของชาวเมืองกำลังจ้องไปที่นักบวชผู้นี้

คาร์ลรู้สึกถึงสายตาที่กำลังจ้องมาที่เขาและเริ่มยิ้มออกมาทันที

~ มนุษย์!.ทำไมเจ้าถึงยิ้มแบบนั้นล่ะ?..เราไม่ได้อยู่ต่อหน้าองค์ชายรัชทายาทสักหน่อย?~

สำหรับความคิดเห็นของราอน คาร์ลก็แค่เพิกเฉยกับมันตามปกติ

.

.

.

ตึก!ตึก!ตึก!ตึก!

เสียงฝีเท้าที่เหยียบลงบนหิมะสะท้อนเป็นเสียงเบาๆ

คาร์ลหันไปมองรอบๆและได้เห็นเพียงคนจำนวนหนึ่งที่อยู่บริเวณนี้ ผู้คนที่เดินผ่านเขาไปมาพูดคุยกันเพียงเบาๆแต่ดูเหมือนจะมีความสุขเป็นอย่างมาก บรรยากาศโดยรอบดูเงียบสงบแต่ไม่ได้วังเวง

ท่าทางการเดินของคาร์ลราวกับออกมาเดินเล่นในสวนสาธารณะก็ไม่ปาน เสียงของราอนแว่วเข้ามาในหัวของเขา

~ มนุษย์!.นอกจากทหารยามที่เฝ้าทางเข้าไว้แล้ว..ยังมีทหารยามเดินลาดตระเวนไปทั่วเลย!~

ราอนเก่งที่ลงมือทำสิ่งต่างๆโดยที่เขาไม่ได้สั่งให้มันทำ คาร์ลพอใจที่ได้เห็นราอนคิดทำสิ่งต่างๆด้วยตัวเองแม้ว่ามันจะมีอายุเพิ่มมาแค่ 1 ปีเท่านั้น ทันใดนั้นเชวฮันก็เข้ามากระซิบบางอย่างใกล้ๆหูของคาร์ล

“พวกเขาบอกว่าเราไม่สามารถขึ้นไปทางทิศเหนือของทะเลสาบได้เพราะมีการเตรียมทำพิธีถวายให้กับพระเจ้าแต่เส้นทางอื่นๆที่เราต้องการ..เราสามารถไปได้ขอรับ”

เชวฮันก็เอ่ยรายงานได้ดีเช่นกัน

คาร์ลรู้สึกพอใจกับการเติบโตของราอนและเชวฮัน

มังกรดำที่เคยทิ้งหมูป่าไว้ให้เขาและชายหนุ่มที่ออกไปหาอาหารต่างๆมาให้ต่างเติบโตขึ้นเยอะทีเดียว คาร์ลเฝ้ามองสิ่งนี้ด้วยความภูมิใจ

แปะ!แปะ!แปะ!

ฮงสะกิดมาที่แขนของคาร์ลเบาๆ มันใช้อุ้งมือของมันชี้ไปด้านหน้าและเมื่อคาร์ลก้มลงมองก็ดูเหมือนมันจะตกใจเป็นอย่างมาก

“เมี้ยววววววว!”

ฮงร้องเมี้ยวขึ้นทันทีและเอ่ยถามคาร์ลผ่านสายตาเพราะไม่สามารถพูดอะไรในตอนนี้ได้

‘เจ้ากำลังจะบอกข้าว่า..ที่ตรงนี้คือที่ๆเราจะจุดไฟงั้นรึ?’

คาร์ลเข้าใจในสิ่งที่ฮงพยายามจะสื่อกับเขาในทันที

“ใช่..มันคือที่นี่”

ทั้งลูกแมวและโรสลินต่างจ้องไปที่คาร์ลและไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ โรสลินหันหน้าไปมองทางอื่นและเห็นว่าวาฬทั้งสองยืนนิ่งโดยไม่พูดอะไรมาสักพักแล้ว

โรสลินเข้าใจในสิ่งที่พวกเขาทั้งคู่คิด

‘..มันใหญ่มาก’

เธอมองเห็นทะเลสาบน้ำตาพระเจ้าที่อยู่ตรงหน้า ทะเลสาบนั้นแห้งสนิทและก้นทะเลสาบก็เต็มไปด้วยรอยแห้งขอด เธอขยับตัวเข้าไปใกล้คาร์ลอย่างช้าๆ

มุมเหนือสุดของเมืองหลวงแห่งอาณาจักรพารัน มีทะเลสาบขนาดใหญ่ปรากฏให้เห็นตลอดทางที่เริ่มเดินมาจากจัตุรัสกลางเมือง ขนาดของทะเลสาบอันแห้งขอดนี้จะทำให้ทุกคนหยุดชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเดินทางมาถึง

โรสลินเอ่ยถามคาร์ลอย่างระมัดระวัง

“นายน้อยคาร์ล..ทะเลสาบแห่งนี้ไม่ได้กินพื้นที่ถึง 1ใน 3ของเมืองบาโกหรอกหรือ?”

“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น..มันเล็กกว่าที่ข้าคิดไว้”

‘เล็ก?’

โรสลินสะดุ้งให้กับความเห็นนี้แต่คาร์ลไม่ได้สนใจ เขาวางออนและฮงลงพื้นและเริ่มออกเดินไปตามชายขอบของทะเลสาบ

“เรามาแยกกันเดินและเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ของที่นี่กันเถอะ..อีกสักพักเราค่อยกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง”

คาร์ลหันไปเอ่ยกับทุกคนและออกเดินต่อทันที มีเพียงแค่ราอนที่ใช้เวทย์ล่องหนอำพรางกายที่อยู่กับเขาเท่านั้น

น้ำตาพระเจ้า

คาร์ลได้ศึกษาเกี่ยวกับทะเลสาบแห่งนี้มาพอสมควร

มีวิหารและแท่นบูชาตั้งอยู่ทางทิศเหนือของทะเลสาบ

สถานที่แห่งนี้จะถูกปิดเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับงานเทศกาลแต่บริเวณอื่นๆยังคงเปิดให้เข้าเยี่ยมชมเช่นเดิม

คาร์ลมุ่งหน้าไปยังจุดที่มีคนไม่พลุกพล่านและหยุดอยู่ตรงหน้าป้ายหินจารึกซึ่งเป็นจุดที่ใช้บอกความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้

<น้ำตาพระเจ้า>

<มีตำนานเกี่ยวกับทะเลสาบแห่งนี้..พระเจ้ารู้สึกเสียใจกับอาณาจักรพารันที่ถูกแช่แข็งไปกับความเหน็บหนาวตลอดเวลาและสร้างทะเลสาบที่ไม่มีวันกลายเป็นธารน้ำแข็งแห่งนี้ขึ้นมา>

<เริ่มแรกมนุษย์ต่างดีใจเพราะทะเลสาบแห่งนี้ไม่เคยที่จะกลายเป็นธารน้ำแข็งเลยสักครั้ง อย่างไรก็ตามเวลาเปลี่ยนไปใจมนุษย์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลง เหล่ามนุษย์ต่างโลภมากขึ้นเรื่อยๆและไปสัมผัสเข้ากับสิ่งที่ไม่ควรจับต้อง นั่นทำให้พระเจ้าถึงกับหลั่งน้ำตาและค่อยๆนำน้ำออกจากทะเลสาบไปจนหมด>

คาร์ลยังคงยืนอ่านเนื้อหาอย่างตั้งใจต่อไป

<ในที่สุดมนุษย์ก็ตระหนักได้ถึงผลเสียของความโลภและคิดปกป้องทะเลสาบแห่งนี้เอาไว้ พวกเขายังคงสวดอ้อนวอนต่อพระเจ้าเพื่อให้พระองค์ประทานน้ำให้กับทะเลสาบแห่งนี้อีกครั้ง>

คาร์ลนึกสงสัยเมื่ออ่านข้อมูลที่เขาเองก็รู้อยู่แล้ว

‘เขาคือใครกันนะ?’

พระเจ้าองค์ไหนกัน?

คาร์ลอยากรู้ทุกๆครั้งที่อ่านข้อมูลเหล่านี้

<หากน้ำจะกลับคืนสู่ทะเลสาบอีกครั้งนั่นคือช่วงเวลาที่พระเจ้ากลับมาจากทางใต้>

“ใต้?”

คาร์ลเน้นไปที่คำว่า‘ใต้’เป็นพิเศษ จากนั้นก็หันศีรษะของตนไปทางอื่นพร้อมกับความกังวลที่แล่นไปทั่วร่าง

~ มนุษย์!.ทำไมเจ้าถึงมีท่าทางเช่นนั้น ~

ราอนตะโกนเข้ามาในหัวของคาร์ลเมื่อเห็นท่าทางกังวลปนตกใจของเขา แต่คาร์ลเพียงแค่หันหน้ากลับและเริ่มคิดบางอย่างในใจอย่างรวดเร็ว

‘ทำไมหมอนั่นถึงมาอยู่ที่นี่?’

คาร์ลนึกถึงเนื้อหาในนิยายเรื่องกำเนิดวีรบุรุษอย่างเร่งด่วน

[‘โคลเปย์’ จ้องไปที่เส้นผมสีขาวอันเป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูลของตนและตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะทำให้ตำนานกลายเป็นเรื่องจริง]

มีชายผมขาวคนหนึ่งมองไปที่ก้นทะเลสาบอันแห้งสนิท คาร์ลหันไปจ้องอีกครั้งเพื่อยืนยันข้อมูลดังกล่าวในขณะที่ในหัวก็นึกเนื้อหาในนิยายกำเนิดวีรบุรุษเพิ่มเติม

[‘กองกำลังอัศวินไวย์เวิร์น’ เขาจะทำให้ตำนานนี้เป็นเรื่องจริง โคลเปย์ในฐานะผู้สืบทอดตระกูลอัศวินผู้พิทักษ์‘เซคก้า’ได้ตัดสินใจเรื่องนี้แล้ว!]

‘โคลเปย์ เซคก้า’

อัศวินผู้พิทักษ์แห่งอาณาจักรพารัน เขาคือผู้นำของกองกำลังอัศวินไวย์เวิร์นซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของพันธมิตรทางตอนเหนือ

“…โอ้”

คาร์ลช่วยไม่ได้เมื่อต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ

‘ฉันไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เจออัศวินโคลเปย์ที่นี่’

เขาไม่ได้คาดหวังเลยจริงๆ

อย่างไรก็ตามมันกลับเป็นสิ่งที่ดีต่อแผนการของเขาเช่นกัน

~ มนุษย์!.เจ้าตกใจกับมนุษย์ที่ยืนอยู่ตรงนั้นใช่มั้ย? อืม..เขาดูแข็งแกร่งไม่น้อยเลยล่ะ! ~

‘แข็งแกร่งไม่น้อย?’

คาร์ลตัวสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินการประเมินความแข็งแกร่งของโคลเปย์จากราอน

โคลเปย์ได้ปรากฏตัวในเล่มแรกๆของนิยายเรื่องกำเนิดวีรบุรุษ ตัวละครตัวนี้ถูกพูดถึงน้อยมาก มันน้อยกว่าองค์ชายอดินเสียอีก นั่นคือสาเหตุที่คาร์ลไม่มีข้อมูลของโคลเปย์มากนัก

คาร์ลมีข้อมูลที่ใช้ประโยชน์ได้เพียงชิ้นเดียวแต่ไม่มีอะไรอื่นนอกจากนั้น

~ เขาแข็งแกร่งพอๆกับแมรี่ ~

‘เขาแข็งแกร่งพอๆกับหมอผีแมรี่งั้นหรือ?’

ความแข็งแกร่งของแมรี่อยู่กึ่งกลางระหว่างเชวฮันและโรสลิน นั่นหมายความว่าโคลเปย์คนนี้แข็งแกร่งมากทีเดียว

~ มนุษย์!.เชวฮันกลับมาแล้ว! ~

คาร์ลหันขวับไปมองทันที

เชวฮันกำลังเดินไปหาโคลเปย์ด้วยท่าทางขึงขัง เชวฮันอาจสังเกตเห็นความแข็งแกร่งของโคลเปย์จึงแสดงออกด้วยท่าทางเช่นนั้น

คาร์ลโบกมือเป็นสัญญาณให้เชวฮันทำให้เขาหยุดชะงักทันที คาร์ลออกคำสั่งผ่านสายตาให้เชวฮันหยุดอยู่ตรงนั้นก่อนที่เขาจะเริ่มออกเดินช้าๆ

คาร์ลกำลังมุ่งหน้าไปยังจุดที่โคลเปย์อยู่

~ มนุษย์!มีอัศวินประมาณ 3 คนอยู่รอบๆชายผมขาวผู้นั้น! ~

คาร์ลยังคงนึกถึงเนื้อหาในนิยายกำเนิดวีรบุรุษต่อในขณะที่หูก็รับฟังตัวจับอันตรายชั้นเยี่ยมเช่นราอนไปด้วย

[โคลเปย์มีความเชื่อในตำนานต่างๆ เขาเป็นคนที่เชื่อในตำนาน นิทานและเรื่องโชคลางยิ่งนัก!]

มุมปากของคาร์ลกระตุกเล็กน้อย

ทำไมเขาถึงมาที่นี่ด้วยการปลอมตัวเป็นนักบวชที่มีผมสีขาว?

ทำไมเขาถึงวางแผนที่จะสร้างเสาเพลิงขนาดใหญ่ในทะเลสาบแห่งนี้โดยเรียกมันว่าเพลิงพระเจ้าแทน?

~ มนุษย์! ทำไมเจ้าถึงยิ้มมากขนาดนั้น? เจ้าดูเป็นคนดีขึ้นมาเลย..อ๊ะ!..ไม่ใช่ๆๆ..เจ้าเป็นคนดีอยู่แล้วนี่นาแต่ว่ามัน….. ~

คาร์ลฟังเสียงที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายของราอนราวกับเป็นเพลงประกอบฉากของเขาเมื่อเริ่มสาวเท้ายาวๆแต่มั่นคงไปยังทิศที่โคลเปย์อยู่ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเต็มใบหน้า

ฟริ้ววววววว~~~~~