ตอนที่ 43-1 เริ่มตรวจสอบ
ผู้อาวุโสหลี่ขมวดคิ้วด้วยความเคร่งเครียด:
“เรียกท่านหมอประจำตัวของย่ามาตรวจสอบจะได้หรือไม่? …”
หลี่หมินเฟิงกล่าวว่า:
“หมอธรรมดาคงมิอาจจะตรวจสอบได้
ข้าได้ยินมาว่า ท่านหมอหลินมีความสามารถพิเศษในการวิเคราะห์ตัวยา
เหตุใดเราจึงมิเรียกเขามา?”
ท่านย่าใหญ่ครุ่นคิดด้วยความลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง
หมอหลินเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นคนหัวโบราณและมีความซื่อสัตย์เป็นอย่างมาก ด้วยคุณธรรมอันสูงส่งที่ควรค่าแก่การเคารพ
ดังนั้นเขาจะมิลำเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างแน่นอน
เหตุผลหลักที่หลี่หมินเฟิงแนะนำให้เรียกเขามา ก็น่าจะทำให้ทุกคนเกิดความเชื่อมั่นอย่างเต็มที่
ผู้อาวุโสหลี่หลับตาลง และยังคงลังเลใจกับความคิดนั้น
ตอนนี้ทุกคนอยู่ในอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
แต่ใบหน้าอันบอบบางของหลี่เว่ยหยางกลับส่องประกายสว่างไสวด้วยแสงแดดที่สาดส่องมา นางยิ้มอย่างเย็นชา:
“หากพี่ชายใหญ่สามารถเรียกหมอหลินมาได้ นั่นจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
แล้วหากว่าท่านหมอหลินสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของข้าได้
เช่นนั้นพี่ชายใหญ่จะว่าอย่างไร?”
หลี่หมินเฟิงยิ้มอย่างสดใสด้วยความมั่นใจอย่างเต็มที่:
“หากเป็นเช่นนั้นจริง ข้าจะคุกเข่าและยกน้ำชาให้น้องสามเพื่อขอขมาเจ้า!”
“ดี! สิ่งนี้ท่านเป็นผู้กล่าวเอง!”
หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
เมื่อหลี่จางเล่อได้ยินดังนั้น จึงเหลือบตามองไปยังใบหน้าของหลี่เว่ยหยางด้วยสายตาที่เยาะเย้ย
หลังจากนั้นมินานนัก หลี่เสี่ยวหรันเด็กก้าวเดินเข้ามาในห้องพร้อมด้วยแววตาแห่งความสงสัย
เมื่อเขาก้าวเข้ามาแล้ว จึงเห็นหลี่เว่ยหยางยืนอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางด้วย ในขณะที่ทุกคนนั่งอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ด้วยการเผชิญหน้าเช่นนี้ เขาจึงอดมิได้ที่จะรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
นี่มันเกิดอันใดขึ้นอีกแล้ว!
เขากำลังจะขอคำอธิบาย แต่เสียงของผู้อาวุโสหลี่ได้ดังขึ้นว่า:
“เจ้ามาก็ดีแล้ว! รีบนั่งลงก่อน พวกเรากำลังรอท่านหมอหลินมาตัดสินอยู่!”
ดวงตาของหลี่เสี่ยวหรันกวาดไปทั่วใบหน้าของทุกคน และจับจ้องไปที่หลี่เว่ยหยาง ผู้ซึ่งยืนตัวตรงอย่างสง่าผ่าเผย
ในขณะที่คิ้วของเขาขมวดมุ่น
อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา หมอหลินได้มาถึงห้องโถงแห่งนี้ พร้อมกับหีบยาของเขา ในขณะที่เขาก้าวเข้ามาด้านในอย่างใจเย็น
สิ่งที่ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกประหลาดใจคือ เขามิได้มาเพียงผู้เดียว
ด้านหลังของเขามีชายหนุ่มรูปงามเดินตามเข้ามาด้วย
ชายหนุ่มผู้นี้มีรูปร่างสูงโปร่ง อีกทั้งยังมีใบหน้าที่หล่อเหลาและคมคายยิ่งนัก
คงเป็นผู้ใดไปมิได้นอกจากองค์ชายสาม ผู้มีนามว่า ทัวเป่าเจิ้น
เมื่อได้เห็นเขา ทุกคนจึงเกิดความรู้สึกประหลาดใจเป็นครั้งที่สอง
หลี่เสี่ยวหรันรีบลุกขึ้นยืนทันที และพาทุกคนไปแสดงความเคารพต่อองค์ชายสาม
ท้วเป่าเจิ้นช่วยพยุงร่างของท่านอำมาตย์หลี่ขึ้นมา ขณะที่ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย:
“หมินเฟิงกับข้าวางแผนจะเล่นหมากรุกกัน แต่เขามิได้มาตามที่นัดหมายไว้
ข้ารู้สึกกังวลใจ ดังนั้นจึงถือวิสาสะเดินทางมาที่บ้านตระกูลหลี่ หวังว่าท่านอำมาตย์หลี่คงจะมิตำหนิข้า”
“องค์ชายสาม ท่านกล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร เป็นพวกเราต่างหากที่ควรเตรียมการต้อนรับท่าน”
หลังจากสนทนาเล็กน้อยแล้ว ท่านอำมาตย์จึงเชื้อเชิญให้องค์ชายสามนั่งลง
เมื่อหลี่จางเล่อมองเห็นทัวเป่าเจิ้น จึงนึกขึ้นได้ถึงสิ่งที่พี่ชายใหญ่ของนางเคยกล่าวถึง
ขณะที่ใบหน้าของนางแดงระเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
และในตอนนี้ดวงตาของทัวเป่าเจิ้นได้หันไปมองคุณหนูใหญ่ด้วยสายตาอันลึกซึ้ง;
คุณหนูใหญ่ของบ้านตระกูลหลี่มิเพียงจะสูงส่งเท่านั้น แต่นางยังมีคุณธรรมและมีความงดงามมากอีกด้วย
ดังนั้นเขาจึงอดมิได้ที่จะจับจ้องไปที่นางโดยมิวางตา
หลังจากนั้นเขาได้เหลือบมองไปยัง หลี่เว่ยหยางโดยมิรู้ตัว
รูปเชอร์รี่ และผลแอปเปิ้ลสีแดงฉานเหมือนไฟถูกปักบนชุดของนาง
มันช่างมีความแตกต่างอย่างมากจากลักษณะนิสัยที่เย็นชา และเฉยเมยของนาง
เขามิทราบว่าด้วยสาเหตุใด แต่เด็กสาวผู้นี้ให้ความรู้สึกที่ลึกลับอย่างมิสามารถอธิบายได้
และเขายังสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่ค่อนข้างรุนแรงในแววตาคู่นั้น
แต่ด้วยเหตุผลใดจึงเป็นเช่นนั้น?
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองกำลังตกอยู่ในห้วงของความคิดคำนึง ทัวเป่าเจิ้นจึงขมวดคิ้วขึ้น
มิว่าหญิงสาวผู้นี้จะคิดอย่างไร เขาก็มิควรเก็บเอามาใส่ใจ มิใช่หรือ?
เพราะมีเพียงสถานะและความงดงามของหลี่จางเล่อเท่านั้นที่เหมาะสมกับเขา!
ส่วนหลี่เว่ยหยางนั้น มิต้องการแม้แต่จะเห็นเงาขององค์ชายสามด้วยซ้ำ
สำหรับนางแล้ว คนผู้นี้น่ารังเกียจยิ่งกว่าหลี่จางเล่อเสียอีก
อันที่จริงแล้วนางมิเคยต้องการที่จะทำร้ายผู้อื่นเลย แต่ผู้อื่นมักจะทำร้ายนางก่อนเสมอ
เนื่องจากศัตรูตัวฉกาจต้องการที่จะฆ่านาง ดังนั้นอย่าหาว่านางใจร้าย!
หลี่เว่ยหยางเหลือบมองไปยังหลี่หมินเฟิง ขณะที่กล่าวว่า:
“พี่ชายใหญ่เราอย่าเสียเวลาอีกต่อไปเลย เริ่มได้แล้ว”