บทที่ 74: สถานที่สอบเกาะ

“ ผู้อํานวยการเหอไม่ต้องมาเล่นตลกกับฉันหรอก ฉันยอมรับว่าสิ่งที่คุณพูดนั้นมีเหตุผลมาก อย่างไรก็ตาม มันก็มีความแตกต่างระหว่างการเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของฉันในตอนนี้กับภายหลัง”

“ นอกจากนี้ สถานการณ์ก็ยังไม่อนุญาตให้ฉันทําเช่นนั้นอีกด้วย ฝ่ายต่างๆทั้งหมดก็ยังคงจับตาดูการสอบนี้ ดังนั้นถ้าฉันเปิดเผยตัวตนนักสู้ของฉันในเวลาเช่นนี้ ผู้คนจํานวนมากก็จะรู้เรื่องนี้ และนั่นก็จะทําให้ฉันลงเอยด้วยปัญหาที่ไม่รู้จบอย่างแน่นอน” หวังเต็งกล่าวต่อ

ผู้อํานวยการเหอรู้สึกผิดหวัง เด็กคนนี้ยากที่จะทําให้พอใจ เขาไม่สามารถโน้มน้าวใจหวังเต็งได้เลย

ที่สุดแล้วหวังเต็งก็ยังมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการเลื่อนตําแหน่งของเขา!

หากเขาประกาศข่าวนี้ออกไปโดยไม่ได้รับความยินยอมจากหวังเต็ง ท้ายที่สุดแล้วมันก็อาจจะทําให้เกิดความขุ่นเคืองในใจของหวังเต็งได้

และในเวลานั้นเอง ถ้าหวังเต็งต่อต้านเขา สถานการณ์ก็จะดูน่าเกลียดยิ่งขึ้น เขาจะไม่เพียงแต่สูญเสียการเลื่อนตําแหน่งไปเท่านั้น แต่เขาจะยังทิ้งความประทับใจที่ไม่ดีไว้ในใจของเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีกด้วย ซึ่งนี่มันก็จะขาดทุนมากกว่ากําไร

“ แต่..” ในขณะนั้นเอง ทัศนคติของหวังเต็งก็เปลี่ยนไป “ ฉันยอมรับข้อตกลงนี้”

ผู้อํานวยการเหอเบิกตากว้าง เขาแทบจะสําลักน้ําลายของตัวเอง ไอ้สารเลว เมื่อกี้แกปั่นหัวฉันหรอ?

แกนี่กล้าจริงๆ!

เขาเหล่ตาและจ้องไปที่หวังเต็ง

“ ฮ่าฮ่า อย่าสนใจฉันเลย มาทําข้อตกลงกันดีกว่า” หวังเต็งที่ตกใจก็ได้หัวเราะอย่างเชื่องช้า

“ ฮึ่ม!” ผู้อํานวยการเหอสูดสมหายใจเข้าลึกๆและพ่นลมหายใจออก จากนั้นเขาก็พูดว่า “ ฉันพูดเรื่องจริงนะ ตราบใดที่เธอแสดงความแข็งแกร่งของนักสู้และแสดงมันออกมาอย่างสง่างาม ระหว่างการประเมินการต่อสู้จริง กระดูกดารานี้ก็จะเป็นของเธอ”

“ ไม่มีปัญหา” หวังเต็งเหยียดมือออกและต้องการจะนํากระดูกดาราออกมาจากผู้อํานวยการเหอ

อย่างไรก็ตาม ผู้อํานวยการเหอก็ดึงมือของเขากลับไปและเก็บกระดูกดาราไป

“ คุณคิดว่าเธอจะได้รางวัลก่อนทําข้อตกลลงเสร็จอย่างงั้นหรอ? ตื่นจากฝันได้แล้ว” ผู้อํานวยการเหอมุ่ยปาก

“ ถ้าคุณไม่ให้ฉันตอนนี้ ฉันจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณจะรักษาคําพูดของคุณ?” หวังเต็งถาม

“ ฉันไม่ใช่คนที่ชอบกลับคําพูด” ผู้อํานวยการเหอจ้องมาที่เขาและตอบ

“ ใครจะรู้?” หวังเต็งดูถูก

ผู้อํานวยการเหอรู้สึกหงุดหงิด แต่ก็ไม่สามารถระบายมันออกไปได้ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ ทําไมเราไม่ทําสัญญาข้อตกลงกันล่ะ?”

หวังเต็งตกลงที่จะทําสัญญาในทันที

ทั้งสองลงนามในสัญญาข้อตกลงและเขียนชื่อของตนลงในกระดาษ จากนั้นพวกเขาก็จากไป แต่ละคนต่างก็มีความคิด้ป็นของตัวเอง

หลิวเหวินซีไม่สามารถพูดอะไรได้ตลอดกระบวนการทั้งหมด ในหัวใจของเขา เขาคร่ํา ครวญถึงความโดดเด่นของเด็กคนนี้ ในตอนนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถต่อรองกับผู้อํานวยการเหอได้เท่านั้น แต่เขายังสามารถปันหัวผู้อํานวยการเหอได้อีกต่างหาก

นอกจากนี้ หวังเต็งก็ยังเป็นนักสู้อีกด้วย!

เมื่อเขากลับไป เขาก็คงจะต้องบอกให้หยางเจี้ยนกอดขาของพระพุทธเจ้าองค์นี้ให้แน่น

หวังเต็งกลับไปที่ค่ายทหาร หยางเจี้ยนไม่สามารถควบคุมความอยากรู้อยากเห็นของเขาได้ และถามว่า “ นายน้อยหวัง ทําไมลุงของฉันถึงมองหาคุณกัน?”

“ มันจะเป็นอะไรได้อีกล่ะ? เขาต้องการให้ฉันทําผลงานดีๆเพื่อเป็นเกียรติสําหรับพวกเขา” หวังเต็งกล่าวอย่างไม่เป็นทางการ

“ อือ”

“ เอาล่ะรีบขึ้นและนอน พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า”

พรุ่งนี้เป็นการประเมินการต่อสู้จริง และมันก็มีผู้เข้าสอบหลายคนที่นอนหลับเพราะพวกเขากําลังกระวนกระวายและวิตกกังวลอย่างมาก อัตราการตายนั้นดูเหมือนจะห้อยอยู่เหนือหัวของทุกคน

คืนที่เงียบสงบผ่านไป

วันรุ่งขึ้นในช่วงเช้า ผู้เข้าสอบตื่นขึ้นและไปรับประทานอาหารเช้า พวกเขารวมตัวกันในทุ่งโล่ง

วัตถุบินขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้หยุดลงต่อหน้าทุกคน

“ นี่คืออะไร?”

“ มันใหญ่!”

“ ดูเหมือนเรือเหาะเลย”

“ หมายความว่ายังไงที่มันดูเหมือนเรือเหาะ? มันคือเรือเหาะไม่ใช่รึไง แต่… ดูสิ มันมีอักษรรูนอยู่บนนั้น”

ผู้เข้าสอบเริ่มพูดคุยกันเอง จากนั้นหลิวเหวินซีก็ดุพวกเขา “ เอาล่ะ เงียบได้แล้ว”

ร้อยโทลั่วไขว้มือไว้ด้านหลังขณะที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา เขารอให้พวกเขาเงียบก่อนจึงจะพูด

“ ไม่เลว เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ฉันก็ดีใจมากที่ได้รู้จักพวกเธอทุกคน ฉันหวังว่าพวกเธอทุกคนจะสามารถผ่านการประเมินการต่อสู้จริงได้และหวังว่าทุกคน… จะกลับมาแบบมีชีวิต!”

“ เอาล่ะ มาจบเรื่องนี้กันดีกว่า ทุกคนขึ้นเรือเหาะได้แล้ว เราจะออกเดินทางทันทีและมุ่งหน้าไปยังสถานที่ทําการประเมินการต่อสู้จริง” ร้อยโทลั่วกล่าวต่อ

เขาหันหลังและเดินขึ้นไปบนเรือเหาะก่อน

ผู้เข้าสอบเองก็เข้าแถวและตามเขาไป

เมื่อพวกเขาเข้าไปในเรือเหาะ ผู้เข้าสอบก็มองไปรอบๆด้วยความสงสัย นี่เป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ได้ขึ้นยานพาหนะประเภทนี้ ดังนั้นทุกคนจึงรู้สึกตื่นเต้น

“ นี่น่าจะเป็นเรือเหาะพลังฟอร์ส” หยางเจี้ยนอ้าปากค้างด้วยความชื่นชม

“ เรือเหาะพลังฟอร์ส?” หวังเต็งรู้สึกงงงวย เขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน

“ มันเป็นเรือเหาะขนาดใหญ่ที่มีอักษรรูนอยู่บนตัวบรรทุกเพื่อเปิดใช้งาน พลังฟอร์สเป็นแรงขับเคลื่อน” หยางเจี้ยนอธิบาย

“ สิ่งนี้แตกต่างจากรถฟอร์สและเครื่องบินฟอร์สไหม?” หวังเต็งรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น

“ พวกมันแตกต่างกัน ฉันได้ยินมาว่าเทคโนโลยีการผลิตเรือเหาะพลังฟอร์สนั้นมาจากทวีปชินหวู่ ดังนั้นโครงสร้างภายในของเรือเหาะลํานี้จึงแตกต่างจากเทคโนโลยีในปัจจุบันที่เรามีเป็นอย่างมาก แต่ทั้งนี้ฉันก็ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับรายละเอียดมากนัก” หยางเจี้ยนตอบ

“ ไม่ค่อยรู้รายละเอียดยังพูดมากขนาดนี้เลยอย่างงั้นหรอ?” หวังเต็งรู้สึกพูดไม่ออก

“ โลกนี้มีเทคโนโลยีที่ได้รับการถ่ายทอดมาจากทวีปซินหวู่อีกไหม?” หลินซัวหานเข้าร่วมการสนทนาของพวกเขา

“ ใครจะรู้? มันไม่มีใครมีข้อมูลที่แน่ชัดเกี่ยวกับทวีปซินหวู่ อย่างไรก็ตาม เมื่อเรากลายเป็นนักสู้แล้ว เดี๋ยวเราก็คงจะมีโอกาสได้ไปสํารวจที่นั่นเองนั่นแหละ” หยางเจี้ยนดูเหมือนจะตั้งตารอ

“ ทําไมเธอถึงไม่รู้เรื่องนี้กัน?” หวังเต็งมองไปที่หลินซัวหานอย่างประหลาดใจ

พ่อของหลินซัวหานนั้นเป็นนักสู้ ดังนั้นเธอก็ควรจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับทวีปนี้ไม่มากก็น้อยสิ

หลินซัวหานเข้าใจความหมายในคําถามของหวังเต็ง เธอตอบว่า “ เขาไม่เคยบอกอะไรเราเลย นอกจากนี้ตอนนั้นฉันก็ยังเด็กมาก และหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น เขาก็ไม่พูดถึงมันอีกเลย”

หวังเต็งพยักหน้า

…หยางเจี้ยนรู้สึกสับสน “ นี่พวกเขาสองคนมีความลับที่ฉันไม่รู้อย่างงั้นหรอ?”

…..

เรือเหาะลอยขึ้นไปในอากาศ หากมองออกไปนอกหน้าต่าง มันก็จะเห็นเมฆขาวลอยอยู่รอบเรือเหาะ และในตอนนี้อาคารด้านล่างมีขนาดเล็กเท่ามด

แม้จะมีผู้เข้าสอบมากกว่าหนึ่งพันคน แต่เรือเหาะก็ยังคงเสถียรภาพมาก มันไม่มีความวุ่นวายเลย

ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมา เรือเหาะก็สั่นเล็กน้อยและเริ่มลอยลง

“ พวกเรามาถึงแล้ว!”

ผู้เข้าสอบรีบมองออกไปข้างนอก มันมีเกาะอยู่ด้านล่างพวกเขา พวกเขาอยู่กลางทะเล

“ สถานที่สําหรับการประเมินการต่อสู้จริงอยู่บนเกาะนี้!”

“ อย่างนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่ฉันจะม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสถานที่สําหรับการประเมินการต่อสู้จริงมาก่อน”

“ ดูสิ เรือเหาะอีกสองลําก็กําลังมาแล้ว!”

ทันใดนั้นเสียงหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของทุกคน

อันที่จริง ในทิศทางที่ผู้สอบชี้ไปนั้น เรือเหาะสองลํากําลังบินมาจากทิศทางที่ต่างกัน และพวกเขาก็กําลังลงจอดบนเกาะด้วยเช่นกัน

“ พวกเขาจะต้องเป็นนักเรียนจากส่วนอื่นของตงไห่แน่ๆ!” มีคนเดา

เรือเหาะลงจอดบนเกาะอย่างช้าๆ

เกาะนี้ค่อนข้างใหญ่ และมีพื้นที่กว้างใหญ่สําหรับเรือเหาะลงจอด ด้านหน้ามีลานกางเต็นท์ขนาดใหญ่

ผู้เข้าสอบลงจากเรือเหาะและขยายพื้นที่โดยรอบ

ค่ายข้างหน้ากินพื้นที่เป็นขนาดใหญ่ ที่ขอบนั้นก็เต็มไปด้วยปืนกลหนักจํานวนมากซึ่งเป็นภาพที่น่ากลัวสําหรับเยาวชน ปากกระบอกปืนหันไปทางป่าบนเกาะและชายฝั่ง

เกาะหลักถูกล้อมรอบด้วยรั้วเหล็กรูน และทหารรักษาการณ์ก็เข้าประจําทุกทางเข้า

ในเวลาเดียวกัน เรือเหาะอีกสองลําก็ลงจอดเสร็จแล้ว

ผู้เข้าสอบจํานวนมากพุ่งออกมา ภายในเวลาไม่กี่วินาที พื้นที่ว่างเปล่าหน้าลานกางเต็นท์ก็เต็มไปด้วยผู้คน

“ มองเข้าไปในปาสิ”

ทันที่ที่ได้ยินเสียงร้อง เสียงคํารามของสัตว์ร้ายก็ก้องอยู่ในป่า

“ โฮก…”

ในป่าปฐมภูมิ สัตว์ร้ายขนาดยักษ์ก็กําลังคํารามพุ่งเข้าหารั้วเหล็ก เหยื่อจํานวนมากภายนอกได้กระตุ้นความอยากอาหารของมันอย่างชัดเจน

บู้มมม!

อย่างไรก็ตาม โชคไม่ดีที่ก่อนที่มันจะได้เข้าไปใกล้ มันเกิดระเบิดดังลั่น

ทหารรักษาการณ์ได้เล็งปืนใหญ่ไปที่สัตว์ร้ายขนาดยักษ์และยิงลงไปที่มัน และนั่นก็ทําให้สัตว์ร้ายตนนั้นถูกลดขนาดลงให้กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เนื้อชิ้นหนึ่งตกลงมาต่อหน้าผู้เข้าสอบ และนั่นก็ทําให้ชายผู้น่าสงสารกลัวจนหน้าซีด

“ ฉันได้ยินมาว่ามันมีสัตว์กลายพันธุ์มากมายในป่า และในที่สุดฉันก็ได้เจอวันนี้”

“ อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะเป็นสัตว์กลายพันธุ์ธรรมดาๆที่ไม่ดูดซับพลังฟอร์ส ดังนั้น ผิวหนังของพวกมันจึงหนากว่าและเทอะทะกว่า”

“ แต่สัตว์กลายพันธุ์เหล่านี้ก็น่ากลัวเช่นกัน เราจะต้องเผชิญหน้ากับพวกมันในระหว่างการประเมินการต่อสู้อย่างงั้นหรอ?”

มีคนพูดด้วยความกลัว และฉากนี้ก็ทําให้หลายคนรู้สึกตกใจ

….

“ ทุกคน!”

“ ยินดีต้อนรับสู่สถานที่สอบแห่งที่สามของภูมิภาคตงไห่ ในครั้งนี้ การประเมินการต่อสู้จริงของคุณก็จะถูกจัดขึ้นที่นี่”

“ เราได้เตรียมชุดป้องกันและอาวุธป้องกันไว้ให้พวกคุณแล้ว เมื่อชื่อของคุณถูกเรียก คุณก็สามารถเข้ามารับอุปกรณ์ของคุณได้เลย

“ แน่นอนว่าหากบางคนพอใจกับการใช้อาวุธของตัวเอง คุณก็สามารถใช้อาวุธของคุณได้ อย่างไรก็ตาม อาวุธของคุณก็จะต้องผ่านการตรวจสอบว่าตรงตามข้อกําหนดหรือไม่ก่อน”

“ คุณมีเวลาสองชั่วโมง เอาล่ะไปรับอุปกรณ์ของคุณและเริ่มการสอบได้เลย!”

ชายคนหนึ่งยืนอยู่บนแท่นในลานกางเต็นท์ เสียงของเขาไม่ได้ดังมาก แต่มันก็เข้าหูของทุกคนอย่างชัดเจน

“ เฉินเสี่ยวหมิง”

“ หลิน ต้าเหว่ย”

“ เจิ้งตง”

….

ด้านล่างแท่นมีแถวและกองกล่องขนาดใหญ่เรียงกันเป็นแถว พนักงานมากกว่าสิบคนกําลังแจกจ่ายอาวุธอยู่ที่ด้านข้าง และนักเรียนที่ถูกเรียกชื่อก็รีบไปรับสิ่งของ

มันมีพื้นที่ด้านข้างสําหรับตรวจสอบอาวุธของผู้เข้าสอบเพื่อดูว่ามันมีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์หรือไม่

หวังเต็งเดินไปหยิบกล่องใส่อาวุธรูนอของเขาออกมา เขาดึงอาวุธออกมาทีละชิ้น และแน่นอนว่าเขาไม่ได้นําเอาปืนรูนฟอร์สมา

หากพูดกันตามตรงแล้ว อาวุธระยะไกลจําพวกปืนนั้นก็ไม่สามารถให้นําเข้าไปได้ด้วยอย่างแน่นอน

ผู้ตรวจสอบตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นกล่องบรรจุอาวุธ “ เด็กน้อย อุปกรณ์ของเธอไม่เลวเลย เธอไปซื้อมันมาที่ไหนกัน?”

“ ฉันสั่งทํามันเองจกเตเป๋าเอ๋อ” หวังเต็งตอบอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อย

ผู้ตรวจสอบยิ้มและไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เขาเริ่มตรวจสอบอาวุธของหวังเต็งซึ่งเป็นนวมชกมวยและดาบ

“ ทั้งคู่เป็นอาวุธรูนระดับหนึ่งดาว ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอจะไม่ต้องการใช้อาวุธที่เราแจกจ่าย” ผู้ตรวจสอบเหลือบไปมองหวังเต็งด้วยความประหลาดใจ

“ พวกมันตรงตามข้อกําหนดไหม?” หวังเต็งถาม

“ แน่นอน ทําไมจะไม่ล่ะ? มันมีเพียงนักสู้เท่านั้นที่สามารถปลดปล่อยศักยภาพของอาวุธรุนระดับหนึ่งดาวออกมาได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเมื่อมันอยู่ในมือของศิษย์นักสู้อย่างเอ มันจึงมีค่าเท่ากับอาวุธที่พวกเราแตกต่ายให้เพียงแค่มีประสิธิภาพดีกว่าเล็กน้อย หรือว่าเธอจะเป็นนักสู้แล้วล่ะ?” ผู้ตรวจสอบถาม

“ เอาล่ะ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นนักสู้จริงๆและสามารถปลดปล่อยพลังเต็มรูปแบบของอาวุธรูนระดับหนึ่งดาวเหล่านี้ได้ แต่นั่นก็เป็นความสามารถของเธอเอง ดังนั้นมันจึงไม่ได้ละเมิดกฏใดๆ” ผู้ตรวจสอบอีกคนหนึ่งที่ด้านข้างกล่าวเสริม

หวังเต็งพยักหน้า หลังจากที่ผู้ตรวจสอบยืนยันว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติ หวังเต็งก็เก็บอาวุธเข้าไป เขาถือกล่องบรรจุอาวุธและเดินกลับไปที่คิวของผู้เข้าสอบ

“ สิ่งนี้คืออาวุธของนายเองสินะ!” จู่ๆหลินซัวหานก็ถาม

“ ฉันบอกไปแล้วนี่ว่านี่คืออาวุธลับของฉัน” หวังเต็งยิ้มและตอบ

“ ชิ! อาวุธลับก้อาวุธลับ” หลินหัวหานกล่าวด้วยความรังเกียจ

“ หลินชั่วหาน!”

“ หวังเต็ง!”

ในเวลานี้ในที่สุดชื่อของพวกเขาก็ถูกเรียก พวกเขารีบเดินไปรับอุปกรณ์

หวังเต็งพูดกับพนักงานว่า “ ฉันไม่ต้องการอาวุธ ขอแค่เครื่องแบบรบแบบเบาก็พอ”

“ เครื่องแบบรบแบบเบานั้นเบากว่าและสะดวกกว่าก็จริง อย่างไรก็ตามความสามารถในการป้องกันของมันก็ยังอ่อนแออยู่เล็กน้อยนะ” พนักงานหยิบเครื่องแบบรบสีดําขึ้นมาและส่งต่อให้หวังเต็ง

หวังเต็งรับมาจากนั้นเขาก็พยักหน้า “ ฉันจะเอานี่แหละ”

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้เข้าสอบทั้งหมดได้รับเครื่องแบบรบและอาวุธที่พวกเขาต้องการครบเรียบร้อยแล้ว

เครื่องแบบรบและรองเท้าบูทนั้นเป็นสิ่งของทางการทหารทั้งหมด พวกมันทํามาจากวัสดุพิเศษและมีความทนทานมาก

เครื่องแบบรบประกอบไปด้วยกางเกงขายาวและเสื้อกล้าม ความสามารถในการป้องกันของมันนั้นถือว่าดี มันสามารถทนต่อกรงเล็บที่แหลมคมของสัตว์กลายพันธุ์และปกป้องอวัยวะสําคัญในร่างกายได้

สําหรับอาวุธ พวกมันก็เป็นอาวุธทางทหารเช่นเดียวกัน มันมีอาวุธมากมายทุกรูปแบบ

แม้ว่าพวกมันจะไม่ใช่อาวุธรุน แต่มันก็ทํามาจากโลหะผสมที่มีความหนาแน่นสูงท ดังนั้นการฉีกผิวหนังที่แข็งของสัตว์กลายพันธุ์จึงไม่เป็นปัญหา

ในเวลานี้ ผู้เข้าสอบทั้งหมดก็ได้เปลี่ยนเป็นเครื่องแบบรบและรองเท้าบู๊ทแล้ว พวกเขาเริ่มชินกับอาวุธในมือ การสอบยังไม่เริ่ม ทุกคนต่างก็รอคอยอย่างอดทนที่บริเวณรอ