ตอนที่ 134 บุรุษที่คนหลงใหล
เข้าวัง?
ไม่เพียงแค่จินหลิวหลีที่ประหลาดใจ แม้แต่เสิ่นอิงก็ตกตะลึงเช่นเดียวกัน? เข้าวัง? เหตุใดจู่ ๆ แม่นางอวี้ถึงคิดจะเข้าวัง?
“ชิงลั่ว เจ้าจะเข้าไปทำอะไรในวัง?”
“ไม่รู้หนานหนานมัวทำอะไรอยู่ในนั้น นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว หากเขาแค่ต้องการกินอาหารชาววังเท่านั้นจริง ๆ เช่นนั้นก็น่าจะสมใจอยากเขาแล้วถึงจะถูก ตอนนี้ยังอยู่ในวังไม่ยอมออกมา คาดว่าคงมีเรื่องอื่นที่ทำให้ล่าช้า”
หนังตาของนางกระตุกตลอด มักจะมีลางสังหรณ์ไม่ดีเข้ามาอยู่เสมอ
“หลิวหลี เจ้ามีวิธีพาข้าเข้าไปในวังได้หรือไม่?”
จินหลิวหลีขมวดคิ้ว กำแพงวังสูงมาก หากนางเข้าไปเพียงลำพังคาดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าให้พาอวี้ชิงลั่วเข้าไปด้วย จำเป็นต้องมีเครื่องมือช่วยเหลือและคงอันตรายด้วย
ทว่าหากแอบเข้าไปในวัง คาดว่าคงไม่ใช่ปัญหาอะไร
“ได้”
“เช่นนั้นก็ดี เจ้าเตรียมตัวสักหน่อย คืนวันพรุ่งพวกเราจะเข้าไปด้านในนั้น” อวี้ชิงลั่วพยักหน้า ก่อนหันไปถามเสิ่นอิง “แมงป่องอยู่ไหน?”
“อยู่…อยู่กับท่านอ๋อง” เสิ่นอิงอยากกล่าวเตือนสักประโยค หากแม่นางอวี้คิดจะเข้าไปในวัง ก็สามารถบอกท่านอ๋องตรง ๆ ได้ ท่านอ๋องมีวิธีพานางเข้าไป ทั้งยังเข้าไปอย่างเปิดเผยด้วย
เฮ้อ ท่านอ๋องผู้น่าสงสารคิดเพื่อแม่นางอวี้หมดทั้งใจ เหตุใดแม่นางอวี้กลับไม่เห็นท่านอ๋องเป็นคนของตนเองบ้างเลย?
อวี้ชิงลั่วขมวดคิ้ว ตอนนี้นางไม่อยากไปเจอเย่ซิวตู๋เลย แต่แมงป่องนั่นกลับอยู่ที่ตัวเขา
“ช่างเถอะ ข้าจะไปหาเขาเอง” ครั้นนึกถึงเย่ซิวตู๋ ความรู้สึกแสบร้อนบนริมฝีปากก็ถาโถมเข้าใส่ ราวกับว่าความร้อนผ่าวเมื่อครู่ยังคงอยู่ ความใกล้ชิดอย่างแนบแน่นของทั้งคู่ยังคงอยู่
ให้ตายเถอะ เขาคือมารร้ายจริง ๆ
อวี้ชิงลั่วสะบัดหน้า ทิ้งจินหลิวหลีและเสิ่นอิงเดินเข้าไปด้านใน
นางเดินมาถึงห้องของเย่ซิวตู๋ สาวรับใช้กลับบอกว่าเขาไม่ได้อยู่ในห้อง ตอนที่ไปหาที่ห้องตำรา ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขาเช่นกัน
อวี้ชิงลั่วเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย น่าแปลก เขาเพิ่งกลับตำหนักไม่ใช่เหรอ? เหตุใดถึงได้หายไปแล้วล่ะ?
สาวใช้และหญิงเฒ่าไม่รู้ว่านายท่านไปไหน แม้แต่เผิงอิงและเหวินเทียนก็บอกว่าไม่เห็นเย่ซิวตู๋เช่นเดียวกัน
ราวกับหลบสายตาของทุกคน จู่ ๆ เขาก็หายไปแล้ว
อวี้ชิงลั่วยืนอยู่กลางสวนด้วยท่าทางมึนงง
คนคนนั้นที่ถูกคนอื่นตามหาทั้งหน้าและหลังอยู่นาน ตอนนี้กำลังยืนอยู่ในศาลาบนภูเขาหลังตำหนักอ๋อง ด้านหน้าของเขามีผู้พิทักษ์ทมิฬที่ทำหน้าที่แอบคุ้มกันอวี้ชิงลั่วคุกเข่าอยู่ตรงหน้า…ซึ่งก็คือฉินซง
มุมปากของเย่ซิวตู๋กระตุกเล็กน้อย ก้มหน้ามองผู้พิทักษ์ทมิฬที่กำลังรายงานเรื่องของอวี้ชิงลั่วที่อยู่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“เจ้าหมายความว่า หลีจื่อฟานและอวี้ชิงลั่วรู้จักกัน? ทั้งยังสนิทกันมากด้วย?”
ฉินซงก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่กล้าพูดอะไรมากมาย เพียงแต่มุมปากกลับแอบกระตุก เขาเล่าบทสนทนาระหว่างแม่นางอวี้และเสนาบดีฝั่งขวาตามที่ได้ยินให้นายท่านฟัง ทว่าไม่ได้บอกว่าพวกเขาทั้งคู่สนิทกัน นายท่าน นี่เป็นสิ่งที่ท่านสรุปออกมาเองทั้งนั้น
“นายท่าน เสนาบดีฝั่งขวาเป็นห่วงแม่นางอวี้มากจริง ๆ ขอรับ” ฉินซงครุ่นคิด ทำได้เพียงแค่ตอบเช่นนี้
เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเย็น “เป็นห่วง? อวี้ชิงลั่วมีอะไรต้องให้เขามาเป็นห่วง? อยู่ในตำหนักอ๋องก็กินดีอยู่ดี เราทำให้นางเสียเปรียบตรงไหนกัน? ไม่จำเป็นต้องให้เขาเข้ามายุ่ง เห็นได้ชัดว่าหลีจื่อฟานมีเจตนาไม่ดี”
ฉินซงไม่กล้าพูดอะไร น้ำเสียงเช่นนี้ของนายท่านไม่ต่างกับกำลังหึงหวงเลย
“เอาล่ะ เจ้าออกไปเถอะ” เย่ซิวตู๋โบกมือเพื่อให้ฉินซงออกไปก่อน ส่วนตัวเองก็หมุนกายกลับไป สายตามองลงไปที่ตำหนักอ๋องซิวจากมุมสูง
เพียงไม่นาน เสิ่นอิงก็รีบวิ่งขึ้นมาเล่าเรื่องที่อวี้ชิงลั่วมีความคิดจะเข้าไปในวังให้เขาฟัง
เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น “นางคิดจะเข้าวัง?”
“ขอรับ”
“เข้าใจแล้ว” ก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อย ๆ อวี้ชิงลั่วเข้าวัง ก็จะได้มีวิธีเพื่อตามหาหนานหนาน เจ้าเด็กคนนั้นก็น่าตีจริง ๆ เขาเข้าวังไปตามหาถึงสองครั้ง แต่สองครั้งนั้นกลับโรยผงสีเขียวทำให้เขาต้องออกมา
เขารู้สึกปวดหัวเพราะหนานหนาน
คืนวันนั้น อวี้ชิงลั่วตามหาเย่ซิวตู๋ภายในตำหนักอ๋อง แต่กลับไม่เห็นเขาแม้แต่เงา
วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าเพิ่งจะสว่าง เย่ซิวตู๋กลับบุกเข้ามาในห้องของนาง ทั้งยังดึงนางให้ลุกขึ้นจากเตียง
“เย่ซิวตู๋ ท่านอย่าให้มันมากเกินไปหน่อยเลย ข้ามีความอดทนต่อท่านจำกัดนัก” อวี้ชิงลั่วตื่นขึ้นมาด้วยความฉุนเฉียวไม่แพ้หนานหนาน ทว่าก็ยังมีสิ่งที่เหมือนหนานหนาน จุดอ่อนของนางก็คือเจ้าเด็กคนนั้น
“เจ้าจะเข้าไปหาหนานหนานในวังมิใช่หรือ ลุกขึ้น ข้าจะพาเจ้าไป” เย่ซิวตู๋เลิกคิ้ว จ้องมองเรือนร่างที่สวมแค่ชุดและกางเกงด้านใน จู่ ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่าการเข้ามาปลุกนางให้ตื่นหลังจากนี้ก็เป็นความคิดที่ไม่เลวเช่นกัน
มือของอวี้ชิงลั่วที่ยื่นไปตบเขาชะงักเบา ๆ กะพริบตาที่ยังคงงัวเงีย ถามด้วยความไม่มั่นใจ “ท่านว่าอะไรนะ?”
ท่าทางงัวเงียเช่นนี้แตกต่างจากท่าทางหยิ่งผยองในวันปกติอย่างสิ้นเชิง เย่ซิวตู๋ได้เห็นก็รู้สึกจั๊กจี้หัวใจจนยากเกินจะต้านทาน
แค่เมื่อเห็นท้องฟ้าที่อยู่ด้านนอก เขาก็ข่มความตื่นตัวในยามเช้า กระแอมไอเสียงเบาและยื่นเสื้อและหมวกของเด็กรับใช้ให้นาง กล่าวว่า “ให้หลินมาช่วยแต่งตัวให้เจ้าสักหน่อย แล้วค่อยเข้าวังไปกับข้า”
“หลินมา? หลินมาอยู่ที่นู้นมิใช่หรือ? เหตุใดถึงมาที่ตำหนักอ๋องแล้วล่ะ?” อวี้ชิงลั่วยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์
เย่ซิวตู๋กลับไม่ได้ไขให้กระจ่าง เพียงแต่โบกมือให้หลินมาเข้ามา ส่วนตนเองก็เดินออกไป
อวี้ชิงลั่วแต่งตัวด้วยชุดของบุรุษ ใบหน้าเย็นชาปรากฏขึ้นด้านหน้ากระจก ตอนนี้นางเพิ่งจะเข้าใจว่าเพราะเหตุใดหลินมาถึงปรากฎตัวนี้
คิ้วหนาเล็กน้อย ผิวคล้ำลงเล็กน้อย หน้าอกแบนราบ ลูกกระเดือกยื่นออกมา ทั้งยังมีหนังด้านที่ฝ่ามือด้วย เมื่อได้มายืนด้านหน้ากระจก ทำให้ดูเหมือนกับบุรุษตัวจริง
คิดไม่ถึงเลยว่าหลินมาจะมีฝีมือเช่นนี้ เทคนิคนี้ช่างเยี่ยมยอด แม้แต่นางก็ยังชื่นชมอยู่หลายส่วน
“ต่อให้แม่นางแต่งกายจนกลายเป็นบุรุษ แต่ก็ยังเป็นบุรุษที่มีความหล่อเหลาจนผู้คนหลงใหล” หลินมาหรี่ตามองนางด้วยรอยยิ้ม นำหมวกที่อยู่ข้าง ๆ มาสวมใส่ให้นาง “เช่นนี้ต่อให้เป็นท่านอ๋อง ก็อาจจำแม่นางไม่ได้ว่าเป็นสตรี”
อวี้ชิงลั่วลูบใบหน้าตนเอง โครงหน้าใช้ถ่านเขียนโครงเป็นเส้นโค้งเล็ก ๆ จึงทำให้ใบหน้าแตกต่างจากใบหน้าเดิม ด้วยฝีมือของหลินมา หากไปอยู่ในยุคปัจจุบันคงกลายเป็นช่างแต่งหน้าระดับเทพแน่นอน
“แม่นางอวี้ ท่านอ๋องยังรออยู่ด้านนอกนะเจ้าค่ะ มาเจ้าค่ะ ถือสิ่งนี้ไว้ ไปกันเถอะเจ้าค่ะ” หลินมายิ่งมองก็ยิ่งพึงพอใจ ปากก็พูดไม่หยุด “ท่านอ๋องให้ท่านเสิ่นมาหาบ่าวช่วงกลางดึก บ่าวก็นึกว่าเกิดเรื่องอะไรเสียอีก ที่แท้ก็มาแต่งตัวให้แม่นางอวี้นี่เอง ท่านอ๋องใส่ใจแม่นางอวี้มากจริง ๆ เจ้าค่ะ ไม่ว่าอะไรก็ตรึกตรองไว้รอบด้าน”
อวิ้ชิงลั่วมุมปากกระตุก เดินตามหลังหลินมาอย่างเงียบ ๆ ตอบกลับไปสองประโยคเป็นครั้งคราว
ทั้งสองคนเดินมาถึงด้านหน้ารถม้าด้านนอกตำหนักอ๋อง ก่อนจะหยุดลง
“ขึ้นมา” ม่านรถถูกดึงขึ้นเล็กน้อย นิ้วมือของเย่ซิวตู๋ที่เรียวยาวและดูดียื่นออกมาตรงหน้าอวี้ชิงลั่ว
หลังจากอวี้ชิงลั่วเหลือบมอง จึงกลอกตาใส่และกระโดดขึ้นไปด้านบน
“ท่านอ๋อง ตอนนี้ข้าเป็นเด็กรับใช้แล้ว ให้ข้านั่งข้างนอกเถอะ”
“ข้างนอกมีเสิ่นอิงขับแล้ว เจ้าจะไปวุ่นวายทำไม เข้ามา” เย่ซิวตู๋ยื่นมือออกมา ร่างของอวี้ชิงลั่วจึงกลิ้งเข้ามาอยู่ในรถม้า
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เดี๋ยวท่านอ๋อง นับวันท่านยิ่งทำไหน้ำส้มแตกถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ
ฝีมือปลอมตัวของคนตำหนักนี้สุดยอดมากจริงๆ ไม่รู้ว่าจะมีคนหมายตาชิงลั่วเพิ่มอีกไหม ช่วงนี้ท่านอ๋องยิ่งกินน้ำส้มแทนข้าวอยู่
ไหหม่า (海馬)