ตอนที่ 192 ทดลองยามีความเสี่ยง
เข้าเรียน เลิกเรียน ถึงตอนเที่ยงอย่างรวดเร็ว
เซียวเซียว หวังหมิ่นชิ่น หมิ่นชีสยา ชวนมู่เถาเยาไปกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารด้วยกัน
“ขอโทษที ระยะนี้ฉันค่อนข้างยุ่ง ไม่ว่างไปเที่ยวเล่นกับพวกเธอเลย”
สองมือของเซียวเซียวเท้าแก้มบนโต๊ะมองมู่เถาเยาเก็บของ เธอถาม “เสี่ยวเยาเยา ช่วงนี้เธอยุ่งอะไรเหรอ อย่างพวกเราก็ไม่ยุ่งอะไรนอกจากเรื่องเรียน แต่เธอดูยุ่งตลอดเวลา หาตัวเจอแค่เฉพาะตอนเข้าเรียน”
หมิ่นชีสยาพยักหน้า “นั่นสิ เมื่อวานพวกเราไปกินข้าวที่บ้านหมิ่นชิ่นมาด้วย คุณน้าทั้งสองยังถามถึงเธอเลย เธอไปทำอะไรที่เมืองหลวง มีญาติอยู่ที่นั่นเหรอ หรือว่าไปรักษาคนไข้”
“ฉันไปขี่ม้ามา”
หวังหมิ่นชิ่นถามด้วยความแปลกใจ “ขี่ม้าต้องไปไกลขนาดนั้นเลยเหรอ เมืองใกล้ๆ ก็มีสนามม้า”
สนามม้าที่ใกล้ที่สุดอยู่ระหว่างเย่ว์ตูกับอันตู แต่ไม่เปิดให้คนนอกเข้า ต้องได้รับเชิญเท่านั้นถึงจะเข้าไปได้
“ฉันไปดูการจำลองแข่งม้าที่สนามแข่งม้าในเมืองหลวง”
เซียวเซียวตื่นเต้น “เสี่ยวเยาเยา เธอสนใจแข่งกีฬาเหรอ”
“ประมาณนั้น”
หวังหมิ่นชิ่นยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา พี่ชายของเซียวเซียวเป็นนักกีฬากระโดดน้ำ เข้าร่วมงานแข่งกีฬาปีนี้ด้วย”
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน “เก่งมากเลย!”
เซียวเซียวยิ้มหน้าบานเล่าให้เพื่อนทั้งสามคนฟัง “บ้านเกิดฉันล้อมรอบไปด้วยทะเล คนบนเกาะว่ายน้ำเป็นตั้งแต่เด็ก พี่ชายฉันออกทะเลไปจับปลากับพ่อตั้งแต่อายุไม่กี่ขวบ เสี่ยวเยาเยา ไว้ปิดเทอมหน้าร้อนพวกเธอไปเที่ยวบ้านฉันสิ ฉันจะพาไปดำน้ำ ออกทะเล กินอาหารทะเล ดูพระอาทิตย์ขึ้นพระอาทิตย์ตกริมทะเล…”
“ฉันไม่ว่างน่ะสิ…”
มู่เถาเยาเริ่มรู้สึกผิด
คำที่เธอพูดกับเพื่อนทั้งสามบ่อยสุดคือ ‘ฉันไม่ว่าง’
แต่เธอก็ไม่ได้ใช้เป็นข้ออ้างเพราะไม่อยากไปเที่ยวด้วย เธอยุ่งมากจริงๆ
“เสี่ยวเยาเยา มีอะไรที่พวกเราช่วยได้ไหม ยังไงซะช่วงปิดเทอมก็ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ”
หวังหมิ่นชิ่นหดรอยยิ้มลงเล็กน้อย เธอเห็นใจเสี่ยวเยาเยาจริงๆ
หมิ่นชีสยาพยักหน้า “นั่นสิ พวกเราช่วยได้นะ”
เซียวเซียว “เสี่ยวเยาเยา เธอยุ่งขนาดนี้เพราะอะไรเหรอ ร้อนเงินเหรอ”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “ไม่ได้ร้อนเงิน หมู่บ้านเราร่ำรวยมาก ปิดเทอมหน้าร้อนฉันต้องไปเก็บสมุนไพร”
ดวงตากลมโตสุกใสมีรอยยิ้มที่เปล่งประกายดุจดวงดาว
เซียวเซียว “งั้นเดี๋ยวพวกเราช่วย อย่างน้อยก็เรียนแพทย์มา พอจะรู้เรื่องสมุนไพรอยู่บ้าง”
หวังหมิ่นชิ่นพยักหน้าหงึกๆ “ใช่!”
หมิ่นชีสยาก็แสดงออกว่าอยากไปด้วย
“พวกเธอไปไม่ได้ มันอันตรายมาก”
หวังหมิ่นชิ่นถามด้วยความสงสัย “เสี่ยวเยาเยา ขนาดเธอยังไปได้ ทำไมพวกเราไปไม่ได้ล่ะ ถ้าเป็นที่ที่อันตรายมากเธอก็ห้ามไปเหมือนกันนะ!”
“มันไม่ถือว่าอันตรายสำหรับฉัน ฉันจะลงมือก็ต่อเมื่อตัวเองต้องปลอดภัยเท่านั้น”
พอถึงตอนนั้นยังต้องเชิญอาจารย์ลู่ไปด้วยกัน ผนึกกำลัง
“เสี่ยวเยาเยา ทำไมเธอต้องไปเก็บสมุนไพรเองด้วยล่ะ ซื้อเอาไม่ได้เหรอ” เซียวเซียวไม่เข้าใจ
“สมุนไพรบางอย่างมีแค่ในหุบเขาลึก นักเก็บสมุนไพรทั่วไปเข้าไม่ถึง”
หวังหมิ่นชิ่นพูดด้วยความร้อนใจ “เสี่ยวเยาเยา ขนาดคนที่ชำนาญยังเข้าไม่ถึง แล้วเธอจะไปได้ยังไง! อย่าไปเลยนะ!”
“ฉันต่อสู้เก่ง สถานที่ไหนที่คนอื่นไปไม่ได้ฉันไปได้ ฉันรู้จักสมุนไพรโบราณที่คนอื่นไม่รู้จัก ฉันเลยต้องไปด้วยตัวเอง”
เด็กสาวทั้งสามคน “…”
“เสี่ยวเยาเยา ล้อเล่นหรือเปล่า” หมิ่นชีสยาเริ่มทำสีหน้ากลุ้มใจแล้ว
“พวกเธอวางใจเถอะ โลกนี้กว้างใหญ่ มีไม่กี่ที่หรอกที่ฉันไปไม่ได้”
เธอเองก็ไม่ถือว่าเป็นนักผจญภัยที่จะต้องไปพิสูจน์ดินแดนอันตรายว่ามีลักษณะอย่างไร เอาตัวรอดอย่างไร
ถึงแม้สิ่งที่ชอบจะมีเยอะมาก แต่ก็เลือกให้ความสำคัญ อย่างเช่นปัญหาทางการแพทย์ ต้องหาสาเหตุและวิธีรักษา
“เสี่ยวเยาเยา…”
เซียวเซียวกำลังจะพูด แต่โทรศัพท์มือถือของมู่เถาเยาดังขัดจังหวะก่อน
“อันนั่ว นายกับเสี่ยวอินมาถึงล่างตึกแล้วเหรอ”
“…”
“ได้ ฉันจะลงไปเดี๋ยวนี้”
มู่เถาเยาหยิบของของตัวเองแล้วพูดกับเพื่อนสาวทั้งสามที่จ้องตาแป๋วอยู่ “ศิษย์หลานของฉันมารับไปกินข้าวที่บ้านอาจารย์อาเล็กแล้ว”
หวังหมิ่นชิ่น “เสี่ยวอินก็ไปด้วยเหรอ”
เมื่อกี้เธอได้ยินไม่ผิดใช่ไหม
“อืม ฉันมีเรื่องต้องให้เสี่ยวอินช่วยนิดหน่อย เลยมาด้วยกัน”
เซียวเซียวยกมือ “เสี่ยวเยาเยา เสี่ยวอินอินช่วยได้ งั้นพวกเราก็ช่วยได้เหมือนกันนะ!”
หมิ่นชีสยา “ใช่ๆ พวกเราช่วยได้!”
“เป็นเรื่องของทางสาขาแพทย์แผนโบราณ เลยไม่สะดวกให้พวกเธอช่วยน่ะ”
ดวงตาของมู่เถาเยามีรอยยิ้ม
“อ้อ~”
เด็กสาวทั้งสามรู้สึกผิดหวังนิดหน่อย
หวังหมิ่นชิ่น “งั้นเสี่ยวเยาเยา พวกเราลงเลยดีกว่า เดี๋ยวเดือนมหา’ลัยกับเสี่ยวอินอินจะรอนาน”
เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียน อีกทั้งปาอินก็นิสัยดี พวกเธอชอบปาอินกันมาก ความสัมพันธ์เลยค่อนข้างสนิทกัน บางครั้งยังมีนัดกันออกไปกินข้าวเดินช้อปปิ้ง
“อืม”
เด็กสาวทั้งสี่เก็บข้าวของของตัวเองอย่างรวดเร็วแล้วลงไปพร้อมมู่เถาเยา
เดินไปที่รถของเฉิงอันนั่ว หลังจากทั้งสามคนทักทายสองคนในรถเสร็จ มู่เถาเยาก็ขึ้นรถออกไป
“เสี่ยวเยาเยา ครั้งหน้าเธอไปไหนเอาฉันไปด้วยนะ”
ปาอินพูดกับมู่เถาเยาด้วยความน้อยใจ
กลับหมู่บ้านเถาหยวนก็ไม่พาไป ไปเมืองหลวงก็ไม่พาไป…
เสียใจ!
“ได้ รอจัดการเรื่องนี้ก่อน”
พอเข้าเรื่องสำคัญปาอินก็เก็บสีหน้าน้อยใจ ถามด้วยความสงสัย “เสี่ยวเยาเยา เจียงเย่ว์ดูไม่มีอะไรผิดปกติเลยนะ”
“หืม?”
“ถึงแม้ภายนอกเจียงเย่ว์จะดูหยิ่ง แต่ก็ถือว่าเข้ากับทุกคนได้ดี ไม่ต่างจากเพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ อีกทั้งยังเคยพูดถึงแฟนตัวเอง น้ำเสียงก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรไม่พอใจด้วย”
มู่เถาเยาขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือว่าพวกเราจะเดาผิด”
สัญชาตญาณของแบบนี้มองไม่เห็นจับต้องไม่ได้ บางครั้งก็เหมือนความฝัน ตื่นมาก็ไม่ใช่ความจริง
เฉิงอันนั่ว “แต่ถ้าไม่ใช่เจียงเย่ว์ ยังจะมีใครวางยาพี่ชายผมได้อีก พอพี่ชายผมกลับมาก็ไม่ได้เจอเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนคนไหนอีก ถ้าไม่อยู่บ้านกับปู่ย่าก็ไปหาเจียงเย่ว์ที่มหาวิทยาลัย”
ใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากให้เป็นเจียงเย่ว์ แต่อีกใจก็อยากให้เป็นเธอ
ไม่อยากให้เป็นเธอเพราะกลัวพี่ชายเสียใจ อยากให้เป็นเธอเพราะจะได้จัดการเรื่องนี้ได้เร็วหน่อย อย่างไรเสียพี่ชายเขาก็ยังอยู่ในช่วงโดนวางยา
ต่อให้ไม่ถึงกับตาย แต่เห็นทุกข์ทรมานพวกเขาก็ปวดใจ
ปาอิน “เจียงเย่ว์ไม่มีแรงจูงใจ แต่เธอก็เป็นบุคคลที่น่าสงสัยมากที่สุด อีกทั้งยังเรียนหมอ หายาพิษมาได้ง่าย ถึงขั้นที่ทำยาพิษเองได้ด้วย ถ้าเป็นคนทั่วไปก็ยากที่จะได้คลุกคลีกับพวกยาพิษ”
เฉิงอันนั่ว “สรุปว่าเจียงเย่ว์ก็ยังน่าสงสัยมากที่สุดอยู่ดี แต่คำพูดกับพฤติกรรมของเธอไม่มีตรงไหนที่มีพิรุธเลย อาจารย์อาเล็กว่าคนที่เรียนหมอแบบเธอ ถ้าวางยาพิษจะทำไปเพื่ออะไร คงไม่ได้คิดจะทำร้ายหรือเปล่า หรือจะวางยาเพื่อศึกษายาพิษจริงๆ งั้น…”
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
ต่อให้เป็นยารักษาโรคก็ยังต้องทดลองในสัตว์ก่อนขณะที่ทำการวิจัย เพื่อดูสรรพคุณและผลข้างเคียงของยา
หลังจากทำการทดลองยาชนิดใหม่ในสัตว์เพื่อหากลไกการออกฤทธิ์ อาการไม่พึงประสงค์ ความปลอดภัย รวมถึงความเป็นพิษเฉียบพลัน ความเป็นพิษระยะยาว ฤทธิ์ก่อมะเร็ง สารก่อมะเร็ง และอื่นๆ ถึงจะสามารถเข้าสู่ขั้นตอนการทดลองรักษาในคนได้
ยาชนิดใดก็ตามที่เข้าสู่กระบวนการทดลองรักษาในคนแล้วล้วนค่อนข้างปลอดภัยและมีประสิทธิผล
แต่ก็เพราะสภาพร่างกายของสัตว์ไม่เหมือนกับมนุษย์ ดังนั้นการทดลองใช้ในคนก็อาจมีอันตรายได้เช่นกัน
แม้จะเป็นยาที่วางขายตามท้องตลาดแล้วก็มีผลข้างเคียง แล้วนับประสาอะไรกับยาชนิดใหม่ที่ทดสอบการรักษาในคน
ดังนั้นใครก็ตามที่เข้าร่วมการทดลองทางการรักษาจะต้องให้ความยินยอม และชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสียอย่างครบถ้วน
คนที่วางยาพี่ชายเขาช่างจิตใจอำมหิตโหดเหี้ยม