ตอนที่ 197 แก่นแท้และความไร้เดียงสาของโลลิ

คุณหนูโลลิคลั่งเนีย・ลิสตัน

197 แก่นแท้และความไร้เดียงสาของนักศิลปะการต่อสู้

 

“มี『แมลง』อยู่ในมาเวเลียน่ะ”

 

ซิลเลนเริ่มพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

 

หลังจากที่ผู้ฉีกแผ่นดิน วิเครันด้าได้ทำลายแผ่นดินไป เศษซากเหล่านั้นก็ได้กลายมาเป็นเกาะลอยฟ้า นั่นคือสภาวะของโลกในปัจจุบัน

 

เกาะลอยฟ้ามีวิวัฒนาการในแบบของตัวเอง เพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพแวดล้อม

มีเกาะมากมายที่ผู้คนสามารถเข้าครอบครองเพื่อสิ่งที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นทุ่งที่เต็มไปด้วพืชผลให้เก็บเกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นแหล่งสกัดแร่อันล้ำค่า

 

ยังไงก็ตาม ก็มีรูปแบบที่ตรงกันข้ามอยู่ด้วย

นั่นคือ สิ่งที่เห็นได้ชัดว่าเป็น「แมลง」ที่วิวัฒนาการขึ้นมาบนทวีปมาเวเลียแห่งนี้

 

“ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ จะรู้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างผู้ที่กลายมาเป็นทหารในสังกัดของปราสาท และผู้ที่อยู่ในพื้นใกล้เคียงโดยรอบเท่านั้น หากพูดไปแล้วนี่ก็เป็นสิ่งที่เรียกว่าความลับของชาตือล่ะ

มาเวเลียต่อสู้กับ『แมลง』ที่กัดกินและนอนบนผืนแผ่นดินนี้มาเป็นเวลายาวนานแล้ว ทหารจักรกลเกิดมาได้ ก็เพราะเราต้องการพลังในการต่อสู้กับ『แมลง』”

 

โห้ว แมลงสินะ

 

“แมลงเป็นปัญหาใหญ่ก็เพราะมีความสามารถในการสืบพันธ์ที่สูงมาก แค่การปรากฎตัวของแมลงธรรมดาจำนวมาก ก็เรียกได้ว่าเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ได้แล้ว ถ้ายิ่งเป็นแมลงที่วิวัฒนาการแล้ว ยิ่งกลายเป็นภัยคุกคามที่ไม่อาจหยั่งรู้ผลลัพท์ได้เลยล่ะนะ”

 

หากทำอะไรที่ผิดพลาดลงไป 「แมลงที่วิวัฒนาการแล้ว」นี้จะเข้าควบคุมเกาะลอยฟ้าได้ทั้งหมด ก่อนที่จากนั้นก็จะย้ายไปยังเกาะถัดไป อันตรายที่เกิดจากแมลงนั้นน่ากลัวมาก 

อันที่จริง จากที่ฉันได้เรียนในชั้นเรียน มีบางประเทศที่ถูกทำลายโดยแมลงที่วิวัฒนาการแล้วเช่นกัน

 

เมื่อพิจารณาถึงขนาดของทหารจักรกลแล้ว แมลงที่อาศัยอยู่ในทวีปนี้อาจมีขนาดค่อนข้างใหญ่

และเมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่แม้จะมีทหารจักรกลก็ยังไม่สามารถทำล้างเหล่าแมลงลงได้ ทั้งที่พวกเขาน่าจะต่อสู้มาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม เห็นได้ชัดว่าศัตรูมีความยอดเยี่ยมทั้งด้านปริมาณ และคุณภาพอยู่เสมอ

 

“ตั้งแต่สมัยโบราณ กล่าวกันว่าแทบจะไม่สามารถหยุดยั้งการรุกหน้า และรักษาแนวหน้าของสนามรบจากพวกแมลงเอาไว้ได้

ในบางครั้งก็ถูกผลักดันจนแนวรบแตก แต่ยังไงก็ตามนับเป็นโชคดีที่ในฤดู พวกแมลงจะหยุดการเคลื่อนไหว ในระหว่างนี้ เราก็สามารถสร้างแนวหน้าขึ้นมาใหม่ได้ นั่นคือสิ่งที่พวกเราทำกันมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

 

งั้นเหรองั้นเหรอ

มีแมลงที่แข็งแกร่งอยู่สินะ

 

“เราจะไม่ขอให้เธอเข้าใจ แต่เราก็อยากจะพูดถึงจะฟังดูเป็นข้อแก้ตัวที่งี่เง่าหน่อยก็เถอะ

 

ตราบใดที่ยังมีภัยคุกคามอยู่ภายในทวีปเช่นนี้ เราก็ไม่สามารถปล่อยให้เกิดศัตรูภายนอกได้หรอก นั่นเป็นเหตุผลที่เราไม่อาจแสดงความอ่อนแอให้ต่างชาติเห็นได้

มาเวเลียไม่มีการพัฒนาเทคโนโลยีเรือเหาะ ดังนั้นถ้าหากถูกจู่โจมจากต่างชาติ นั่นจะโยงไปสู่จุดจบ เราไม่สามารถหนีไปพร้อมกับประชาชนได้หรอกนะ”

 

ก็เดาว่าอย่างงั้น

แม้ว่าจะเป็นแค่การถูกโจมตีธรรมดา ๆ แต่สำหรับมาเวเลียก็จะเป็นสถานการณ์ที่ถูกโจมตีเหมือนก้ามปูหนีบ

 

“ไม่ว่าเราจะตั้งเป้าหมายที่จะแสวงหาทรัพยากรใหม่เพื่อฝ่าฟันสถานการณ์ปัจจุบัน หรือเราจะหาที่หลบหนีให้ประชาชน……มีนโยบายต่าง ๆ ถูกเสนอออกมามากมาย แต่สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่เป็นไปด้วยดีนัก

 

เริ่มแรกมีการยับยั้งแนวคิดการโจมตีประเทศเพื่อนบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาตระหนักถึงศัตรูภายในของเรา ทว่าในปัจจุบัน มีหลายคนที่เริ่มมีความคิดเห็นว่า『นี่เป็นวิธีการที่เป็นไปได้ว่าควรพิจารณาอย่างจริงจังได้แล้ว』ออกมาเช่นกัน

เราก็คิดเช่นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากรุกรานประเทศอื่น แต่ก็ไม่คิดว่าจะสามารถเอาชนะได้ง่ายดังหวังขนาดนั้น ทว่า………”

 

ทว่า

 

“เจ้าชายลิวิเซลดูเหมือนจะต้องการทำมันจริง ๆ “

 

ตัวทำยุ่งยากจริงน๊า แต่ก็หนักแน่น

 

“คน ๆ นั้นก็ต้องการอย่างแรงกล้าที่จะปกป้องมาเวเลีย และผู้คนในมาเวเลียน่ะ เราไม่สามารถแสดงความอ่อนแอต่อชาวต่างชาติได้ แต่ก็ไม่ปล่อยให้เกิดปัญหาระหว่างประเทศได้เช่นกัน ……นี่ไม่มีอะไรนอกจากข้อแก้ตัวสำหรับเธอที่ถูกดึงเข้ามาเจอตอนจบแย่ ๆ แบบนี้”

 

ไม่หรอกไม่หรอก

 

“มุมมองของฉันเปลี่ยนไปนิดหน่อยค่ะ ฉันเริ่มรู้สึกว่าควรให้อภัยสักเล็กน้อย ฉันสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของซิลเลนยามที่พูดเกี่ยวกับบางสิ่งที่สำคัญเช่นนี้เพื่อแสดงความจริงใจ”

 

เพื่อปกป้องชาวมาเวเลีย

จากมุมมองของฉัน ลิวิเซลเป็นเชื้อพระวงศ์ที่เลวร้ายที่สุด แต่จากมุมมองของชาวมาเวเลียแล้ว เขาเป็นผู้ปกครองที่เหมาะสม

 

ม๊า ฉันยังคงไม่ยอมให้มันเป็นเช่นนั้น

แต่ก็อาจจะเป็นความคิดที่ดีที่จะเพิ่มความใส่ใจเข้าไปอีกสักนิดหน่อย แค่นิดหน่อยล่ะน๊า

 

 

 

ฉันได้ยินเรื่องราวที่น่าสนใจมาพอแล้ว ฉันตัดสินใจว่าน่าจะได้เวลาแล้ว

 

“เราต้องขอโทษด้วยจริง ๆ เราจะขอโทษอีกครั้งในภายหลัง”

 

“จ๊า ไว้เจอกัน”

 

ซิลเลนกับอาคาชิออกจากโรงแรมไปพร้อมกันเพื่อไปโรงเรียนก่อน ――แน่นอนว่าซิลเลนเป็นผู้ชำระเงินค่าโรงแรมให้

 

“เช่นนั้นไปกันเลยไหมคะ”

 

ก่อนที่จะรู้ตัวฉันก็มายืนอยู่ที่หน้าประตูใหญ่แล้ว โดยมีโซเบล หัวหน้าสารวัตรทหารหน่วยที่หกร่วมทางไปด้วย

ม๊า คงเป็นเพราะรู้จักกับพวกเรา สงสัยเขาคงโดนสั่งให้จับตาดูล่ะนะ

 

พวกเราตัดสินใจกลับไปที่คฤหาสน์ก่อนสักครั้ง

เนื่องจากตอนที่ถูกพาตัวมาโดยที่แทบจะไม่ได้แต่งตัวเลย ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีอะไรติดตัวล่ะ ข้าวของทั้งหมดอยู่ในคฤหาสน์ที่ถูกทำลาย

 

วันนี้ คิดว่าไปโรงเรียนคงเป็นไปไม่ได้แล้วล่ะ

ไว้ฉันจะถามหาคนมาจัดการเก็บกวาดทีหลัง ตอนนี้ต้องกลับไปเก็บทรัพย์สินจากคฤหาสน์ซึ่งอาจถูกโจรหรือสารวัตรทหารปล้นไป จากนั้นก็ต้องหาที่อยู่อาศัยใหม่ต่อไป

 

“――คุณหนูค่ะ นี่มันหายนะชัด ๆ”

 

“――ฉันรู้”

 

นี่มันอะไร

นี่มันอะร๊ายก๊านนนนนน!

 

“โซเบล”

 

ฉันตะโกนเรียกชายชราที่มองฉันด้วยความสงสารพวกเด็ก ๆ ณ จุดนี้ ไม่จำเป็นต้องให้เกียรติหรือมีมารยาทอีกต่อไปแล้ว

 

“นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? สารวัตรทหารเป็นคนเอาไปใช่ไหมเน๊?”

 

“……ไม่……..เอ๊ะโตะ………..”

 

“ตอบให้ชัด ไม่งั้นจะฆ่าซะ”

 

“ริโนกิส”

 

ตรงเกินไป ถึงฉันจะรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน แต่ใจเย็น ๆ ไว้ก่อน……..ถึงฉันจะรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน!

 

“เน๊ โซเบล ทำไมกระเป๋าเดินทางของพวกเราถึงหายไปล่ะ? ทำไมไม่เหลือเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียวกัน?

พวกเราถูกสารวัตรทหารพาไปจากที่นี่ และในขณะที่ฉันไม่อยู่ กระเป๋าเดินทางของฉันก็หายไปหมด คุณช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้ยังไงกัน?”

 

ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าเงินหนึ่งร้อยล้านครัมที่ริโนกิสนำติดตัวมาด้วย ก็หายไปเช่นกัน

 

สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือ แผ่นคริสตัลเวทมนตร์พิเศษที่ไม่สามารถใช้งานได้แบบปกติ กับหินเวทมนตร์พิเศษที่มีภาพสะท้อนประชาสัมพันธ์อยู่เท่านั้น

มันถูกปล่อยไว้โดยไม่แตะต้อง เป็นเพราะฉันทิ้งมันไว้ในห้องใต้ดินเพื่อป้องกันไม่ให้พวกเด็ก ๆ เผลอทำลายแผ่นคริสตัลเวทมนตร์โดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นมันจึงยังคงอยู่ที่เดิม 

 

แต่ในทางกลับกันนั่นคือ ทั้งหมดที่เหลืออยู่

 

คฤหาสน์ที่พังลงไปครึ่งหนึ่งถูกรื้อค้นอย่างละเอียด ทุกอย่างหายไปจนหมด ทั้งกระเป๋าเดินทาง เฟอร์นิเจอร์ และแม้แต่ผ้าปูที่นอนของพวกเรา ทุกอย่างหายไป

 

“――อะ อาโน………..”

 

ขณะที่โซเบลกำลังเหงื่อตกอย่างหนัก เพราะริโนกิสที่จ้องมองอย่างกินเลือดกินเนื้อ ก็มีเสียงเรียกจากด้านหลังประตูที่พัง

 

เมื่อฉันหันไปมองก็พบว่าเป็น พนักงานต้อนรับสาวจากสมาคมการค้า

เธอมักจะมีสีหน้าลำบากใจอยู่เสมอ แต่วันนี้ดูจะมีปัญหาลำบากใจมากเป็นพิเศษ

 

“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

 

ฉันปล่อยให้โซเบลอยู่กับริโนกิสตามลำพัง หรือต้องพูดว่าริโนกิสไม่ยอมก้าวเท้าออกจากตรงนั้นดี ฉันจึงไปต้อนรับพนักงานต้อนรับสาวเอง

 

“……….อาโน เอ๊ะโตะ………นี่ค่ะ……….”

 

เธอยื่นกระดาษที่กระพือจากอาการสั่นออกมาอย่างประหม่า

 

“หืม? ……….หืมっ!?”

 

ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ

ฉันแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง และอ่านมันประมาณหกรอบ

 

โอ้ยโอ้ย

โอ้ย

โอ้ย

เอาจริงเรอะ

นี่เป็นเรื่องจริงสินะ

 

“……..นี่คือเอกสารอย่างเป็นทางการใช่ไหม?”

 

“คะ ค่ะ……..ฉะ ฉันรู้ว่าดูแย่ แต่……เป็นการตัดสินใจจากเบื้องบนค่ะ……..”

 

…………

 

“ทำกันได้นะ”

 

เจ้าชายงี่เง่านั่น ทำถึงขั้นนี้เลยสินะ งั้นเหรอ งั้นเหรอ

 

――ไม่จำเป็นต้องพิจารณาอะไรกันอีกแล้ว!ฉันจำได้ว่าเตือนไปแล้วอย่างแน่นอน!

 

“ริโนกิส!”

 

“ค่ะ คะ!”

 

เมื่อฉันตะโกนออกมาเสียงดัง ริโนกิสก็วิ่งเข้ามาหาฉันด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

 

“ฉันได้รับสิ่งที่น่าสนใจมาล่ะ ลองอ่านดูสิ”

 

“ฮะ ฮ๊า? ……………………อา?”

 

ใช่ไหมล่ะ ใช่ไหมล๊า

 

นอกจากจะสูญเสียกระเป๋าเดินทางและเงินแล้ว

 

“นี่ เป็นไม่ใช่เรื่องตลก………สินะคะ?”

 

ฉันพยักหน้า

「ขออภัยด้วยค่ะ……」พนักงานต้อนรับสาวกล่าวขอโทษเสียงค่อย ราวกับตัวหดเล็กลง

 

――นอกจากจะสูญเสียข้าวของและเงินทั้งหมดแล้ว ตอนนี้ ฉันยังได้รับใบเรียกเก็บเงินสำหรับการซ่อมแซมคฤหาสน์หลังนี้และพื้นที่โดยรอบอีกด้วย

 

พวกโจรก็หนีไป

ทหารจักรกลก็หนีไป

ปรากฎว่าการโจมตีเมื่อคืนนี้ไม่เคยเกิดขึ้น

 

พูดอีกอย่างก็คือ พวกเขาส่งมาทางนี้ ก็เพราะไม่มีใครที่จะสามารถไปเรียกร้องได้อีก ตอนนี้ฉันได้ลงนามในข้อตกลงที่ว่า「การโจมตีเป็นเรื่องโกหกของฉัน」 ฉันไม่มีทางรู้เลยว่าข้อสรุปจะทางอะไรแบบนี้…….

 

ไม่สิ ไม่ใช่อย่างงั้นน่ะ

อย่างที่คาด ไม่น่าพึงพอใจเลย

 

ถึงตอนนี้นี่คือความโชคร้ายมักไม่มาแค่เรื่องเดียวอันงดงาม ที่ฉันไม่ค่อยได้สัมผัสใช่ไหม นี่คือรสชาติของความอัปยศอดสูงั้นเหรอ ฉันรู้สึกได้ถึงความรู้สึกเดือดพล่านในท้องนี้ที่หลงลืมไปนานแล้ว

 

ม๊า ก็ดีสิ

ม๊า ก็เอาสิ

 

คราวนี้ ฉันตัดสินใจรักษาหน้าของซิลเลนไว้ คราวนี้

เช่นนั้นทำไมไม่กลืนเรื่องนี้ลงไปด้วยซะละ

 

“คุณหนูค่ะ มาทำลายประเทศนี้กันเถอะค่ะ เกิดพอแล้วจริงไหมคะ”

 

เป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดใจมาก แต่ก็ต้องปฏิเสธ

 

――นักศิลปะการต่อสู้เช่นฉัน เราควรตอบสนองต่อข้อเรียกร้องที่เป็นไปไม่ได้ด้วยการมอบของขวัญ

 

ทำสีหน้าสงบและพยายามทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จ เพื่อเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้ามที่คิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ให้ต้องนิ่งงัน

 

นั่นคือแก่นแท้ของนักศิลปะการต่อสู้

วิถีชีวิตชาญฉลาดที่หลีกเลี่ยงความท้าทายที่เป็นไปไม่ได้ หรือวิถีชีวิตที่ออกนอกกรอบเพื่อให้เหมาะกับคู่ต่อสู้ ถือเป็นสิ่งที่ผิดจรรยาบรรณสำหรับนักศิลปะการต่อสู้

 

“ขนาดนี้แล้วคงไม่ต้องคิดแล้วจริงไหม”

 

“………แต่คุณหนูคะ ในสภาพที่ไม่เหลืออะไรเลยแบบนี้ อย่างงั้นสินะคะ……..”

 

เข้าใจสินะ

 

แม้ว่าฉันพยายามจะเงียบ หรือตั้งใจที่จะอยู่เงียบ ๆ แล้วก็ตาม จากนี้ไม่อีกแล้ว!

 

 

 

“มาหาเงินกันเถอะ!แค่วันนี้วันเดียวต้องหางินให้ได้มากมายจนแทบบ้าไปเลย!”

 

วันนี้ฉันจะไม่ควบคุมตัวเองอีกแล้ว

ฉันสนใจ「แมลง」ที่ทำรังในอยู่มาเวเลียด้วยเหมือนกัน ดังนั้นฉันคิดว่าอย่างน้อยก็ขอใช้พวกมันเพื่อระบายความคับข้องใจกันดีกว่า

 

 

 

 

 

ーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーーー

 

คนแปลขออนุญาตเปิดโดเนทหน่อยนะงับ 

{ไทยพาณิชย์} {880-222211-5} {เสฏฐวุฒิ}

 

คุณCH****AI KIMN

คุณนิรนาม 

ขอบคุณทุกท่านที่สนับสนุนเป็นกำลังใจเข้ามาด้วยนะครับ

 

ขอบคุณงับ