ตอนที่ 67

Dungeon Defence

ผู้พิทักษ์เเดนเหนือ มาร์เกรฟแห่งโรเซนเบิร์ก จอร์จ ฟอน โรเซนเบิร์ก

ปฏิทินเอ็มไพร์: ปี 1506 เดือน 3 วันที่ 11

ที่ราบเนอริส

เจ้าหน้าที่และพวกคนใช้จำข้าที่เดินเข้ามาในขณะที่เดินด้วยไม้เท้าไม่ได้ แม้หลังจากที่ข้าแสดงแหวนของตระกูลโรเซนเบิร์กแล้ว ยามเฝ้าประตูก็คงยังทำท่าสงสัยข้าอยู่อีกครึ่งหนึ่ง รูปลักษณ์ของข้าเนื้อตัวสกปรก ซอมโทรม ข้ากำลังขอให้คนเฝ้าประตูไปขออนุญาตเบื้องบนให้ข้าเข้าไป ยามเฝ้าประตูก็พูดออกมาว่า อย่าหวังให้มากว่าจะมีใครตอบรับเเต่ยามเฝ้าประตูก็ไปแจ้งผู้คนที่อยู่เบื้องบนว่าข้าได้กลับมาถึงเเล้ว

ผ่านไปสักพัก นายทหารก็มาถึงขณะที่ในมือถือเชือกที่ไว้ใช้มัดอาชญากร นายทหารคนนั้นเป็นคนที่รู้จักข้า เขาไม่สามารถปฏิบัติกับข้าเยี่ยงอาชญากรได้ นายทหารพูดตะกุกตะกัก

“พวกเขาบอกว่าความผิดอาญาที่ท่านทำให้เราพ่ายแพ้นั้นสุดเเสนจะเลวร้าย……”

“องค์หญิงจักรพรรดิ์สั่งให้เจ้ามัดข้าใช่ไหม”

“ผมขอโทษด้วย ท่านผู้มีเกียรติ”

คอของข้าเเห้งผาก ข้าไอแห้งๆออกมา นับตั้งแต่ที่ข้าโดนกระแทกที่ด้านหลังศีรษะและตกลงไปในหิมะ อาการไอของข้าก็ออกอาการบ่อยขึ้น อาการไอเเห้งแบบนี้พบเห็นได้บ่อยหลังจากอายุเลย 60 ไป มันบอกให้ข้ารับรู้ถึงอายุของข้า ความชราที่ข้าต้องเผชิญความโรยราอันเเสนเจ็บปวด

“มีอะไรต้องขอโทษข้ากัน มัดข้าไว้เลย”

“ขอออภัยให้กับกระผมอีกครั้งด้วย”

นายทหารมัดแขนทั้งสองข้างของข้าและพาข้าเข้าไปในฐานทัพ ในช่วงเที่ยง พื้นที่ที่แสงแดดส่องถึงในฐานทัพทหาร ในสถานที่ซึ่งมีแสงแดดสาดส่องลงมา เหล่าทหารมารวมตัวกันและพูดคุยเกี่ยวกับ นายทหารที่นำชายสูงอายุที่ถูกมัดด้วยเชือกเข้ามา นายทหารหลายคนส่งสายตาหันมามองทางนี้ คงจะมีใครสักคนในหมู่พวกทหารที่จำซานันนดรเก่าข้าได้ หลังจากนั้นไม่นานชื่อของข้าก็เป็นที่กล่าวถึงทันที

– นั่นมัน มาร์เกรฟ โรเซ็นเบิร์ก นี่

— นั่นคือคนที่ทำให้เราวงล้อมของเราต้องเเตกพ่ายเมื่อวันก่อนไง ……

เจ้าหน้าที่และพวกข้ารับใช้กระซิบซาบกัน รู้สึกราวกับว่าร่างกายของข้ากำลังถูกงัดเเงะออกต่อหน้าสาธารณะและเนื้อในของข้านั้นได้ถูกเปิดเผย นายทหารไม่ได้พาข้าไปที่ที่ใช้สำหรับตัดสินสภาสงคราม แต่ให้ไปที่เต็นท์ส่วนตัวของเจ้าหญิงจักรพรรดิแทน

“กระหม่อมได้นำตัวแม่ทัพผู้พ่ายศึกมาเเล้ว ฝ่าบาท”

เเม่ทัพผู้พ่ายศึก.

ข้าสะดุ้ง กับความอัปยศที่ข้าต้องรู้สึกจนตอนนี้มันจมอยู่ในมุมลึกของจิตใจของข้ามากกว่าโดนทหารนินทาตอนเดินต่อหน้าทหารเสียอีก

เจ้าหญิงจักรพรรดิไม่ตอบสนอง เงาของเธอสามารถมองเห็นได้จาง ๆ ผ่านผ้าเต็นท์สีขาว

“ฝ่าบาท”

นายทหารเรียกอีกครั้ง ไม่มีการตอบสนอง ทหารหันมามองข้าด้วยความงุนงง ดูเหมือนนายทหารไม่มีความกล้าที่จะออกนามเรียกเจ้าหญิงจักรพรรดิผู้เป็นเหมือนท้องฟ้าเป็นครั้งที่สาม ข้ากลืนน้ำลายล้างคอรอฝ่าบาท

“ฝ่าบาท ข้าผู้นี้มาเพื่อก้มศีรษะ”

“เข้ามาได้.”

เสียงที่ไพเราะดังออกมาจากเต็นท์

ข้าเข้าไปในห้องด้วยฐานะอาชญากรทางสงครม เจ้าหญิงจักรพรรดิกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะและจัดการกับเอกสาร ที่ใจกลางเต็นท์ ไอน้ำกำลังลอยขึ้นมาจากถังที่เต็มไปด้วยน้ำร้อน

แม้กระทั่งหลังจากที่ข้าเข้าไปแล้ว เจ้าหญิงจักรพรรดิก็ทำเเค่จัดการกับเอกสารเท่านั้น ดูเหมือนว่าการอยู่ในเต็นท์ของฝ่าบาทเป็นเวลานานทำให้นายทหารตกที่นั่งลำบากใจ มีเพียงเสียงปากกาขนนกเขียนบนกระดาษ หนังสัตว์ ดังก้องกังวานไปทั่วเต็นท์ ถึงแม้ว่าเวลาทุกที่ควรจะเท่ากันไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่ที่ไหนก็ตาม เเต่นายทหารไม่สามารถจัดการกับเวลาภายในพื้นที่อันโดดเดี่ยวนี้ได้ องค์หญิงจักรพรรดิกล่าว

“ออกไปได้แล้วนายทหาร”

นายทหารได้รีบจากไป

เฉพาะตอนนั้นเอง เจ้าหญิงจักรพรรดิก็ได้ลุกขึ้นยืน ดวงตาที่แดงก่ำราวกับเลือดจ้องมาที่ใบหน้าของข้า เเต่สีหน้ากลับไม่เเสดงอารมณ์อยู่ที่นั่นเลย

“เซอร์โรเซนเบิร์ก”

“พะยะค่ะ โปรดพูดออกมาได้เลย ฝ่าบาท”

“เจ้าแพ้แล้ว”

ข้าทรุดตัวลงคุกเข่า

“อย่าอภัยให้ข้า ฝ่าบาท”

“ถูกต้องแล้ว. นี่สิควรเป็นครรลองที่นายควรประปฏิบัติ อย่างไรก็ตาม หากเราไม่ยกโทษให้ ทหารที่ล้มลงจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ไหม? เทือกเขาที่ถถูกบุกทะลวงไปจะฟื้นคืนเเนวกั้นอีกครั้งได้ไหม? อาณาประชาราษณ์ของเราซึ่งถูกเผาจนตายก็ยังเป็นกองเถ้าถุลีอยู่ดี และทหารเเตกกระบวนทัพล้อมจับจอมมารที่ต้องถอยกลับก็ยังเป็นทหารของเราที่หลบหนีไปอยู่ดีอีก”

“……”

“ทำไมนายถึงได้แพ้”

ในรายละเอียดทั้งหมด ข้าบอกเธอเกี่ยวกับทุกสิ่งที่ข้าได้รู้ไปเเล้ว

องค์หญิงจักรพรรดิฟังคำพูดของข้าอย่างเงียบๆ หลังจากได้ยินทุกอย่างแล้วเธอก็พูดขึ้น

“เราเข้าใจแล้ว ผู้ชายคนนั้นคือดันทาเลียน”

“ฝ่าบาทรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร……”

“คนรู้จักของเราส่งข้อมูลบางอย่างมาให้ มาดูด้วยตาตัวเองสิ”

เจ้าหญิงจักรพรรดิดึงนาฬิกาพกออกมาจากด้านในเสื้อผ้าของเธอ เมื่อเธอหมุนเข็มชั่วโมงของนาฬิกา ควันก็เริ่มไหลออกมา หน้าจอโปร่งใสปรากฏจาง ๆ บนควัน สิ่งประดิษฐ์เครื่องกรอความทรงจำ มันเป็นเครื่องมือราเเพงที่ราคาสูงมากจนเกินไป

– – เปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นนรกซะ

— เอ๋? ‘นรก’ มาสเตอร์หมายความว่าอะไร?

— ผมได้กลิ่นที่ไหนสักที่ มันคือกลิ่นของไขมันที่เล็ดลอดออกมาจากมวลเนื้อที่น่าขยะแขยง เป็นกลิ่นของความโลภและความเจ้าเล่ห์

ตาของข้าเบิ่งกว้าง ร่างของ ดันทาเลี่ยน ปรากฏบนควัน มันออกคำสั่งสังหารและมนุษย์จำนวนนับไม่ถ้วนถูกฆ่าตาย ข้ากลั้นหายใจ เจ้าหญิงจักรพรรดิปิดสิ่งประดิษฐ์และถามข้า

“เป็นยังไงบ้าง? เจ้าคงเคยเห็นจอมมารผู้นี้มาแล้ว”

“ใช่…… ไม่ต้องสงสัยเลย นั่นคือ จอมมารดันทาเลี่ยน”

“ไม่มีทางเป็นไปได้หรือที่จะมีผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนกับ ดันทาเลี่ยน อีกคน และทำให้ทำหน้าที่เป็นจอมมารเเทน? อีกทั้งไม่มีโอกาสที่พวกเขาได้จ้างนักเวทย์กลุ่มใหญ่มาแสดงการแสดงนี้โดยที่ปลอมตัวมาอีก?”

“ความเป็นไปได้ที่จะเป็นแบบมันนั้นต่ำอย่างไม่น่าเชื่อ ข้าผู้นี้จำแม่มดที่ปรากฏตัวพร้อมกับจอมมารได้”

“มันเป็นใคร?”

“ข้าเคยประดาบกัน เมื่อหลายวันก่อน ข้าคนนี้ได้สังหารผู้หญิงคนนั้นลง หากเป็นการแสดงจริงๆ ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะมีรูปลักษณ์ที่ใกล้เคียงกันเช่นนั้น นอกจากนี้ หญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของ ดันทาเลี่ยน ก็คือแม่ทัพจอมมาร”

องค์หญิงจักรพรรดิวางมือบนคางและครุ่นคิด

“เราได้ส่งคนไปดูที่ ปาเวีย เพื่อยืนยันเหตุการณ์นี้ เห็นได้ชัดว่ามีเหตุการณ์หนึ่งที่ตลาดทาสถูกโจมตีเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ชาวปาเวียเชื่อว่ามันเป็นการกระทำของสัตว์อสูรป่า”

“ฝ่าบาท”

“จ้าวปีศาจ ดันทาเลี่ยน เป็นไปได้มากที่สุดที่จะสังหารผู้คนทุกคนโดยเจตนาโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติหรือใครๆก็ตามเพื่อปิดบังการโจมตีในตลาดโดยโยนความผิดว่าเป็นการโจมตีโดยสัตว์ร้าย เนื่องจากทั้งมนุษย์และปีศาจตายลงอย่างไม่เจาะจง จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมองตามธรรมชาติว่าเป็นการกระทำของสัตว์อสูร”

“……”

“เป็นคนโหดเหี้ยมจริงว่าไหม เซอร์โรเซนเบิร์ก”

โหดดหี้ยม

การตัดสินของเจ้าหญิงจักรพรรดินั้นถูกต้องโดยไม่มีข้อกังขา จอมมาร ดันทาเลี่ยน เป็นพวกไร้หัวใจ ไม่มีโอกาสเลยที่มันจะไว้ชีวิตมนุษย์ที่จับตัวไปเป็นเชลยได้ หากเพื่อชัยชนะ เขาจะสงบสติอารมณ์ผู้ใต้บังคับบัญชาให้ตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย แน่นอนว่า ดันทาเลี่ยน เป็นวายร้ายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับฉายา ‘จอมมาร’ โดยไม่ต้องสงสัยเลย

แต่เเล้วทำไม? ทำไมฉากนั้นฉากที่ข้าได้เห็นหลังจากตื่นจากการหมดสติถึงรู้สึกซาบซึ้งมากขนาดนั้นกัน? ทิวทัศน์ที่ข้าไม่แน่ใจว่าเป็นความจริงหรือภาพหลอน ภายในแสงแดดที่คล้ายกับหมอก ดันทาเลี่ยน และสาวๆ ถูกผสมผสานเข้าด้วยกันราวกับแสงจ้า ฉากนั้นกลายเป็นเรื่องลึกลับเพียงเรื่องเดียวและประทับอยู่ในกระจกตาของข้า ยิ่งข้าพยายามผลักไสทิวทัศน์นั้นให้ห่างจากหัวของข้ามากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แม้ความใกล้ชิดนั้นยังห่างไกลเกินกว่าที่ข้าจะข้ามไปได้ รู้สึกเหมือนกับว่านี่เเหละคือจุดที่ควรเข้าสู่นฤพาน

“โรเซนเบิร์ก”

” พะยะค่ะ ฝ่าบาท.”

“ฮับส์บวร์กให้ความเชื่อแก่นายมาแล้วครั้งหนึ่ง”

เจ้าหญิงแห่งจักรพรรดิได้ยกกริชขึ้น

ข้าค่อยๆหลับตาลง ข้ามาที่นี่อย่างเด็ดเดี่ยว เหตุผลที่ข้าไม่ฆ่าตัวตายก็เพราะว่าบุคลิกของข้านั้นถือว่าการฆ่าตัวตายเป็นการกระทำที่ขัดขืนไม่ได้ เนื่องจากความตายโดยสมัครใจเป็นหน้าที่ของคนๆ หนึ่ง มันจึงเป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยอย่างมากสำหรับผู้ทรยศที่ทำให้เผ่าพันธุ์ของเขาอับอายและทำลายประเทศของเขา การตายของข้ามันไม่ใช่ของข้าอีกต่อไป ต้องเป็นการลงโทษจากประเทศเท่านั้น ข้าเดินทางมาถึงที่นี่เพื่อจะพบกับความตาย

“ฝ่าบาท โปรดลงดาบเพื่อความยุติธรรม”

“……”

ทันใดนั้นเสียงหัวเราะที่ว่างเปล่าก็มาถึงหูของข้า

ใบมีดเฉือนขึ้นไปในอากาศแล้วตัดเชือก ปล่อยมือทั้งสองข้างของข้าออกมา ข้ารู้สึกแปลกที่คอของตัวเองยังไม่ถูกตัด ข้าลืมตาขึ้น ต่อหน้าข้า เจ้าหญิงจักรพรรดิกำลังยิ้มอยู่

“เราจะไม่พรากชีวิตของนายหรอก”

“ฝ่าบาท……?”

“ร่างกายของนายสกปรกมาก เหตุใด มาร์เกรฟ ซึ่งมีเพียงสี่คนในอาณาจักรของเรา จึงไม่รักษาดูเเลอาภรณ์ของตัวเองให้ดีกัน? พื้นฐานของจิตใจคนเราอยู่ในร่างกาย และพื้นฐานของร่างกายคนเราอยู่ในเสื้อผ้า ดังนั้นหากเสื้อผ้าเลอะเทอะ นั่นแสดงว่าจิตใจของบุคคลนั้นก็คงกำลังสับสนอยู่เช่นกันเช่นกัน”

เจ้าหญิงจักพรรดิปลดปลอกคอของข้าออก แม้ว่าข้าจะพยายามถอยหนี แต่เจ้าหญิงจักพรรดิก็จับขอบเสื้อผ้าของข้าไว้แน่น มันน่าอึดอัดใจ ไม่มีทางเป็นไปได้ที่เจ้าหญิงจักรพรรดิจะปรารถนาร่างกายวัยชราข้าคนนี้ นั้นข้าจึงไม่สามารถหาเหตุผลเบื้องหลังการกระทำปัจจุบันของเธอได้เลย

“เราขอสั่ง”

“ในฐานะข้าราชบริพาร จะให้ข้าทำอะไรกันเเน่……”

“นายเคยเป็นข้าราชบริพารของเราด้วยงั้นเร้ออ? อย่างไรก็ตาม เนื่องจากนายกลายเป็นอาชญากรของจักรวรรดิไปเเล้ว มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับนายที่จะต่อต้านคำพูดของเราได้อีกนะ หรือบางทีนายจะปฏิเสธคำพูดของเจ้านายกับกฏหมายอาญาหล่ะ?”

“……”

ข้าไม่สามารถขัดขืนได้อีก.

มือขาวๆของเจ้าหญิงจักรพรรดิจับไปที่หน้าอกข้า เมื่อกระดุมถูกปลดออก เสื้อโค้ทของข้าก็หลุดออกมา

มันไม่ใช่ท่วงท่าที่เหมาะกับสตรีที่เกิดในพระราชวังเลย พระหัตถ์ของเจ้าหญิงจักรพรรดิ์หยาบกระด้าง ข้าจำข่าวลือได้ข่าวลือตั้งเเต่นางยังเด็ก เจ้าหญิงจักรพรรดิได้เรียนรู้วิธีจับปลาจากชาวประมง ได้รับการสอนวิธีล่านกจากนักล่า และเรียนรู้วิธีไถนาจากชาวนา พวกขุนนางพูดเสียงกระซิบว่าเป็นพฤติกรรมประหลาดขององค์หญิงจักรพรรดินี นิ้วของเจ้าหญิงจักรพรรดินั้นหยาบ ความรู้สึกที่หยาบกระด้างนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าพฤติกรรมเเหกคอกของเจ้าหญิงจักรพรรดิไม่ได้เป็นเพียงทำเป็นพร่ำเพื่อเพราะเป็นเรื่องเหลวไหล ในขณะที่ข้าอดทนต่อความรู้สึกพิเศษเพราะเจ้าหญิงจักพรรดิได้ถอดเสื้อผ้าให้ข้าอยุู่ ซึ่งใครๆมาเห็นคงคิดเช่นนั้นเเต่มันไม่ใช่สิ่งที่พิเศษสำหรับข้าเลย ข้าพูดขึ้น

“ฝ่าบาท จระเข้……”

“อืม?”

“ฝ่าบาทเรียนรู้วิธีฆ่าจระเข้ได้อย่างไร”

“เราเห็นพ่อครัวทำในพระราชวัง”

“หัวหน้ากุ๊กสอนฝ่าบาทหรือเปล่า”

“ไม่. เราไม่ได้รับบทเรียนใดๆ ก็แค่ดูเฉยๆ”

เจ้าหญิงจักรพรรดิดึงถังไม้มา บิดและจุ่มผ้าเช็ดตัวลงไป ข้าถึงกับพูดไม่ออก

“ฝ่าบาทกำลังบอกว่าฝ่าบาทได้เรียนรู้วิธีกวัดแกว่งมีดเพื่อตัดผิวหนังจระเข้ผ่านการสังเกตเพียงอย่างเดียวงั้นใช่ไหม?”

“มันเป็นเรื่องทั่วไปสำหรับเราไปเเล้ว มันเป็นแบบนั้นเเหล่ะ”

ด้วยการสาดน้ำเจ้าหญิงจักพรรดิกำลังล้างร่างกายของข้าด้วยผ้าขนหนู ผิวของข้าแห้งและผิวแห้งๆนี้จึงดูดซับน้ำร้อนได้ดี ข้ารู้สึกว่าผิวหนังของข้าหายใจด้วยอาการหอบ ขณะที่มันยังคงหายใจ จิตใจของข้าก็ผ่อนคลายลง เจ้าหญิงจักพรรดิปลอบประโลมหลังและไหล่ที่อ่อนล้าของข้าด้วยผ้าขนหนู

ที่ด้านหลังของข้า เจ้าจักรพรรดิพูด

“ร่างกายของนายบอกเราถึงวิธีชีวิตของนายได้เป็นอย่างดี เป็นข้อพิสูจน์ว่านายไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยการใช้หัวมโนขึ้นมาเอง แต่อยู่กับปัจจุบัน ร่างกายของนายเองได้พอสูจน์เรื่องนี้แล้ว”

“นั่นเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมสำหรับอาชญากรเช่นข้าควรจะได้ยิน โปรดงดเว้นจากการพูดคำเช่นนี้ด้วย ฝ่าบาท”

“นายไปเอาบาดแผลที่ถูกแทงที่หลังมาจากไหนกัน”

“นั่นเป็นรอยแผลเป็นที่ข้าโดนตอนอายุ 18 ปีมันเป็นตอนที่ไปสนามรบเป็นครั้งแรก ในขณะที่ข้ากำลังวิ่งหนีด้วยความกลัว แต่ก็ถูกใครก็ไม่รู้ฟันเข้าที่หลัง”

“อ่าฮะ ถ้าอายุ 18 ปี ก็เท่ากับอายุปัจจุบันของเราน่ะสิ”

แม้ว่าจะเป็นเรื่องไร้สาระ แต่เสียงหัวเราะเล็ก ๆ ก็ไหลออกมาจากริมฝีปากของข้า น่าแปลกใจที่เจ้าหญิงจักรพรรดิอายุ 18 ปีและแปลกมากกว่าอีกที่ข้าอายุเกิน 60 ปีไปแล้ว เป็นชีวิตที่ยาวนานตั้งเเต่ที่ข้าออกเดินทางมาจากอายุ 18 ถึง 60 นั้นช่างยาวไกลเสียเหลือเกิน ข้าจึงหัวเราะออกมาเเม้ในใจจะคลุมเคลือ นี่เป็นสิ่งที่ข้าทำได้ก็แค่หัวเราะออกมาอย่างคลุมเครือก็เท่านั้น

“แม้ว่าตัวเลขจะใกล้เคียงกัน แต่ข้าคนนี้ไม่เชื่อว่าความสำเร็จของฝ่าบาทจะทำให้คนอื่นๆเข้าใจท่านได้เเน่ๆ”

“นายได้แสดงความจงรักภักดีต่อราชวงศ์มาตลอด 60 ปีที่ผ่านมาและซื่อสัตย์ต่อประชาชนของนายมาเป็นเวลาตลอดนั้นเช่นกัน แต่ดูเหมือนว่าการพ่ายแพ้เพียงสองครั้งก็เพียงพอแล้วที่จะทำลายนายจนย่อยยับ เราจะเป็นคนปลอบโยนร่างกายของนายให้เอง”

“……”

“ความอัปยศอดสูของนายเป็นของนายเองและเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถชำระล้างให้ได้ ดังนั้น เนื่องจากเราไม่สามารถชำระจิตใจของนายให้บริสุทธิ์ได้ เราก็เเค่ปลอบโยนไปที่ร่ายกายของนายชะล้างร่างกายให้บริสุทธิ์ อย่างน้อยเส้นทางที่ยาวนานของนายก็จะไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป”

ข้าหรี่ตาลง

ขณะที่น้ำไหล ไอร้อนก็ระเหยลอยขึ้นไป ไอน้ำเต็มไปทั่วเต็นท์เหมือนควัน กลิ่นของผิวหนังเล็ดลอดออกมาจากไอน้ำ ไม่ว่าจระเข้ซึ่งมีผิวของมันลอกออกด้วยมือของเจ้าหญิงจักรพรรดิ จะได้เพลิดเพลินกับความรูสึกพิเศษอย่างล้ำลึกเหมือนแบบสัตว์ หรือถ้าข้าเพลิดเพลินไปกับความพิเศษที่ลึกกว่านั้นจากการที่เจ้าหญิงจักรพรรดิได้ทำความสะอาดร่างกายของข้าในฐานะข้าราชบริพาร ข้าไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าระหว่างจรเข้กับข้านั้นใครที่พิเศษเหนือกว่ากัน ขณะรับไอร้อน ข้าก็พูดตอบออกไป

“ข้าคนนี้ควรทำยังไง”

“เราต้องการผู้นำอัศวินในการถอนทัพ ไม่น่าเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ บาบาร์ทอส จะปล่อยเราถอนทัพไปง่ายๆเเน่เมื่อเราต้องล่าถอย ความชั่วร้ายของเธอจะเพิ่มพูนขึ้นจนถึงจุดที่เธอจ้องจะเอาคืนตอนสวนกลับเเน่ๆ เพื่อกองกำลังของเธอเองที่โดนเล่นงานมาจนถึงตอนนี้ นายจะต้องเป็นคนขวางด้านหลังของเราในตอนที่ต้องถอยทัพ”

“ฝ่าบาทกำลังบอกให้ข้าคนนี้ตายขณะปกป้องเเนวหลังใช่ไหม”

“เราจะไม่ห้ามนายหรอกนะ”

ร่างกายของข้าสั่นสะท้าน

เจ้าหญิงจักรพรรดิเเตะไหล่ของข้าด้วยมือเปล่าของเธอ เพราะฝ่ามือที่หยาบกร้านของเธอกัดกินผิวหนังของข้า เนื้อในของข้าออกอาการคันออกมา

“อย่างไรก็ตาม มันจะไม่ใช่แค่นายเท่านั้น พี่ชายของเราก็จะอยู่ช่วยที่นั่นด้วย หากนายปล่อยให้มกุฎราชกุมารแห่งจักรวรรดิต้องตาย นายก็จะกลายเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ทรยศจักรวรรดิไปชั่วนิรันดร์ แต่ถ้านายพาองค์มกุฎราชกุมารถอยทัพไปทางใต้ได้อย่างปลอดภัย นั่นก็เป็นผลงานชิ้นใหญ่ไปเลยไม่ใช่หรือ?”

“……ฝ่าบาทให้โอกาสข้าคนนี้ทำไม”

“เราก็แค่อยากมอบสถานที่ที่เหมาะสมแก่นายก็เท่านั้นเอง”

เจ้าหญิงจักพรรดิกล่าว

“แม้ว่านายจะต้องพ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้อีครา ข้าก็จะไม่ลงโทษตระกูลเเดนเหนือหรอก เราสาบานด้วยชื่อของฮับส์บวร์ก ดังนั้นเเล้วจงออกสู้ขณะที่แบกรับความอัปยศอดสูทั้งหมดของนายไว้ภายในตัวเองซะ”

นี่เป็นความรู้สึกพิเศษที่อาชญากรไม่สามารถหวังได้มากกว่านี้เเล้ว

ข้าก้มหัวลง

“ชายชราคนนี้จะปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน ฝ่าบาท”