“ว้าว…ฉันไม่เคยคิดแบบนั้นเลย…..”
มิร่าพูดด้วยแววตาเป็นประกายเมื่อได้ยินเกี่ยวกับทฤษฎีที่ผมพูดถึง ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงแล้วที่เราเริ่มพูดคุยกัน 2-3 ชั่วโมงแรกเราคุยกันและก็ทำงานให้เสร็จ แต่ตั้งแต่ผมเริ่มพูดถึงเวทมนตร์และความเข้าใจบางอย่างของตัวเอง มิร่าก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเธอเริ่มคุยกับผมอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น
ยิ่งผมพูดมากเท่าไหร่ นัยน์ตาของมิร่าก็เปล่งประกายด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะออกไปและเริ่มฝึกฝนทฤษฎีทั้งหมดที่เราพูดถึงกัน
แม้แต่ผมเองก็ยังสนุกไปด้วยเลย เนื่องจากเวทมนตร์ก็เป็นหัวข้อที่ผมเองก็สนใจเช่นกัน และผมก็ได้ทำการวิจัยมาพอควร ดังนั้นในตอนที่เราเริ่มพูดถึงเรื่องนี้กัน เราทั้งคู่ก็หลงเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวในไม่ช้า
“อันที่จริง เพียงแค่เปลี่ยนส่วนเล็กๆ ของส่วนเชื่อมต่อของวงเวทย์ เราก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในแกนรวบรวมมานาได้แล้ว ซึ่งจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและลดความอ่อนล้าทางจิตใจครับ”
“เธอพูดถูก มันค่อนข้างแปลกใหม่เลย แต่ก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและจำเป็นต้องพัฒนาต่อไปก่อน เห้อออ….ใครจะไปรู้ว่าเธอเก่งเรื่องเวทมนตร์ด้วย ถ้าฉันรู้ ฉันคงแย่งเธอมาเป็นศิษย์ไปนานแล้ว”
มิราพูดด้วยท่าทางน่าสงสารขณะที่เธอเอนตัวลงบนเก้าอี้ด้วยรอยยิ้มขมขื่น
เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็ยิ้มขณะพูด
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับน้า แต่ผมดีใจนะครับที่น้าไม่ทำอย่างนั้น ไม่งั้นผมคงไม่ได้พบอาจารย์ของผมแล้ว”
ตอนที่พูดเช่นนั้น แววตาของ ‘ความชื่นชม’ และ ‘ความรัก’ ของครอบครัวก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของผม และผมมั่นใจว่ามิร่าจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกนี้ของผมเช่นกัน
ชั่วครู่หนึ่งมิร่าก็ขมวดคิ้วเมื่อเธอเห็นท่าทางของผม เธอไม่รู้ว่าทำไม แต่อยู่ๆ ความรู้สึกไม่สบายใจก็แล่นเข้ามาในหัวใจของเธอ แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็วเมื่อเธอสะบัดมันออกก่อนจะพูดขึ้นมา
“งั้นเหรอ น่าเสียดายจังนะ ยังไงก็ตามเราสามารถพัฒนาทฤษฎีนี้ได้ ถ้ามันได้ผล เธออาจจะได้เป็นผู้ก่อตั้งทฤษฎีที่ทรงพลังจริงๆ ก็ได้นะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของมิร่า ผมก็ส่ายหัวก่อนจะพูดขึ้น
“ไม่ใช่ผมหรอกครับน้าแต่เป็นพวกเราต่างหากครับ เราทั้งคู่จะทำทฤษฎีนี้ขึ้นมา ผมอาจจะมีพื้นฐานแต่ถ้าน้าไม่มีความกระตือรือร้นในเรื่องเวทมนตร์ มันจะไม่มีวันบรรลุผลและถ้าเราทำสำเร็จ ผมอยากให้ชื่อของเราทั้ง 2 เป็นที่จดจำ ด้วยวิธีนี้อย่างน้อยชื่อของเราจะเชื่อมโยงกันชั่วนิรันดร์ครับ”
พูดอย่างนั้นแล้วผมก็ขยิบตาให้มิร่า ในขณะที่ความรู้สึก ‘ไร้เดียงสา’ และ ‘บริสุทธิ์’ ของผมเติมเต็มมิร่าอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอใจสั่นอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะสะบัดมันออกและมองมาที่ผมอย่างซับซ้อนขณะที่เธอพูดด้วยน้ำเสียงขมขื่น
“ออสติน…”
“ผมรู้…ผมรู้ครับน้า แต่ผู้ชายคนนี้ขอฝันหน่อยไม่ได้เหรอครับ? ไม่ใช่ว่าผมขอน้าแต่งงานซักหน่อย แถมถ้าทำแบบนี้ความฝันเล็กๆ ของผมจะได้เป็นจริงด้วยครับ”
แม้ว่าผมจะมีรอยยิ้มและน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ความรู้สึก ‘เศร้า’ และ ‘หดหู่’ กลับเต็มอยู่ในหัวใจ
มิร่ารู้สึกว่าหัวใจของเธอบีบแน่นขึ้น แต่เธอยังคงยึดมั่นในความเชื่อมั่นของตัวเอง โดยไม่รู้ว่ามีรอยร้าวเล็กๆ เริ่มปรากฏให้เห็นแล้ว
เมื่อเห็นท่าทางที่ซับซ้อนของมิร่า ผมจึงพูดอีกครั้ง
“แล้วน้าว่ายังไงครับ? จะทำงานนี้กับผมไหมครับ?”
เมื่อได้ยินคำถามและสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงของผม ในที่สุดมิร่าก็ใจอ่อน แม้เธอจะรู้ว่าการใช้เวลาด้วยกันของพวกเราจะไม่ดี แต่สุดท้ายหัวใจก็เรียกร้องหาสิ่งที่มันต้องการ
บางครั้งอารมณ์ของคนเราก็มักจะอยู่เหนือเหตุและผล หากไม่เป็นเช่นนั้น แสดงว่าคุณไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนาน
มิร่าถอนหายใจกับตัวเองก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“ได้สิ ฉันจะร่วมมือด้วย”
“เยี่ยมเลยครับ!”
เมื่อได้ยินดังนั้นอารมณ์ของ ‘ความโล่งใจ’ และ ‘ความสุข’ ก็ถาโถมเข้าใส่มิร่า ผู้ที่ตอนนี้ได้แต่ไหลไปตามกระแส แต่ผมไม่ได้หยุดเพียงแค่ที่ฉันพูด
“น้าช่วยเติมเต็มความปรารถนาของผมหน่อยได้ไหมครับ?”
“อืมมม…แน่นอน เธอต้องการอะไรหล่ะ?”
มิร่าตอบอย่างรวดเร็วเมื่อเธอรู้สึกถึง ‘ความคาดหวัง’ ของผม และเมื่อได้ยินอย่างนั้นผมก็บอกเธอเกี่ยวกับความปรารถนาของตัวเอง
เมื่อได้ยินความปรารถนาของผม เธอก็เบิกตากว้างก่อนจะปฏิเสธ แต่แล้วผมก็ใช้ด้านที่อ่อนแอและพลังแห่งความรู้สึกของตัวเองอีกครั้งเพื่อทำให้เธอรู้สึกผิด สุดท้ายก็ต้องโน้มน้าวและบังคับกันบ้าง จนสุดท้ายเธอก็ยอม
และตอนนี้ผมกำลังนั่งอยู่บนโซฟาขณะที่ยิ้มและพูดกับมิร่า
“นี่มันเยี่ยมไปเลยไม่ใช่เหรอครับ?”
แต่เธอไม่ยอมตอบผม
เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็ก้มลงมองมิร่าที่กำลังมองมาที่ตัวเองขณะที่เธอนอนอยู่บนโซฟาโดยเอาหัวของเธอหนุนตักของผม
ถ้าคนที่ชื่นชมเธอซักคนมาเห็นสิ่งนี้ พวกเขาคงอิจฉาตาร้อนเป็นแน่ มิร่าในตอนปกติมักมีใบหน้าที่สงบนิ่งและปากแข็งอย่างที่ใครๆ ก็รู้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เธออยู่กับผม เธอมักจะใจอ่อนให้ผมเสมอ
ความปรารถนาของผมนั้นเรียบง่าย ผมแค่อยากเป็นหมอนหนุนตักให้เธอเท่านั้นเอง
มิร่ารู้สึกเขินอายที่จะทำอย่างนี้ แต่เมื่อผมบอกว่าตัวเองทำเพื่อให้เธอได้พักผ่อน ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้
นานมากแล้วที่เธอจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ สุดท้ายภายใต้ความรู้สึก ‘จริงใจ’ ของผม เธอก็ปฏิเสธไม่ได้
ผมยิ้มเมื่อรู้สึกถึงหัวของมิร่าที่อยู่บนตักของตัวเอง ใบหน้าที่สวยงามของเธอมีสีแดงที่แก้มเล็กน้อยเนื่องจากความเขินอายของเธอ ซึ่งนั่นกลับช่วยเพิ่มเสน่ห์ที่ไร้เดียงสาให้กับใบหน้าที่สวยงามอยู่แล้วของเธอยิ่งขึ้นไปอีก
ผมรู้สึกว่ามันขัดแย้งกับเธอเสมอ ปกติแล้วมิร่าจะสงบ, จริงจังและเป็นผู้ใหญ่ แต่ภายในทั้งหมดนี้ยังมีด้านที่ไร้เดียงสาส่องประกายในตัวเธออยู่
เธอมีหลายด้านที่ผมพบว่ามันน่าดึงดูดมาก อย่างไรก็ตามผมใช้เวลาในวัยเด็กกับผู้หญิงคนนี้เยอะมาก และด้วยเหตุนี้ผมจึงรู้จักเธอดี
มือของผมขยับโดยการค่อยๆ ลูบผมสีม่วงเรียบของเธอขณะที่ดวงตาสีเงินที่สะกดจิตของเธอ ปฏิเสธที่จะมองมาที่ผม ในระดับร่างกายมิร่านั้นมีร่างกายที่โตเต็มวัยที่พัฒนาอย่างประณีต แต่มักไม่ค่อยมีใครพบเห็นเนื่องจากเสื้อคลุมนักเวทย์ของเธอที่หลวมโครก
ขณะที่ผมลูบหัวเธอ ผมก็เห็นเธอมองผมด้วยท่าทางหงุดหงิดเลยทำให้ผมหัวเราะออกมาเบาๆ
ผมรู้สึกผ่อนคลายเมื่อมีเธออยู่บนตัก กลิ่นหอมตามธรรมชาติของเธอโชยเข้าจมูก ท่าทางหงุดหงิดของมิร่าแย่ลงไปอีกเมื่อเธอเห็นว่าผมเลี่ยงสัญญาณของเธอ ขณะที่เธอกำลังจะถอยห่างผมก็พูดขึ้นมา
“น่าคิดถึงจะนะครับ?”
“หือ?”
มิร่ารู้สึกสับสนอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้วความทรงจำในอดีตก็เข้ามาเติมเต็มสมองของเธอ เธอคงจำเวลาในอดีตที่ผมเคยนอนหนุนตักเธอแบบนี้ได้
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต