ตอนที่ 201 หรือจะเป็นฝีมือเขา

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 201 หรือจะเป็นฝีมือเขา?

ตอนที่ 201 หรือจะเป็นฝีมือเขา?

หลินเซี่ยรู้สึกเบื่อหน่ายกับการกระทำของเสิ่นเถี่ยจวินจริง ๆ

ตอนนั้นพวกเขาบังคับให้เธอลาออกจากการทำงานที่ร้านตัดผมของรัฐ ย้ายชื่อเธอออกจากทะเบียนบ้านในเมือง และขับไล่ให้เธอตามหลิวกุ้ยอิงกลับบ้านนอกอย่างไม่ไยดี สีหน้าเย็นชาของพวกเขายังเป็นสิ่งที่เธอไม่สามารถลืมลงได้

หลังจากนั้นพวกเขาก็พยายามขัดขวางการแต่งงานของเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้เมื่อเธอแต่งงานกับเฉินเจียเหอแล้ว เปลี่ยนอะไรไม่ได้อีกต่อไป ก็เลยแสร้งทำตัวเป็นเป็นคนดีเพื่อรับความดีความชอบอย่างนั้นสินะ

ตอนนี้เธออยากถามเสิ่นเถี่ยจวินเหลือเกินว่าถ้าคนอย่างเขาใส่ใจเธอมาก แถมยังช่วยพูดกับครอบครัวเฉินให้ดูแลเธอเป็นอย่างดี ถ้าอย่างนั้นทำไมเขาถึงเพิกเฉยต่อการกระทำของลูกพี่ลูกน้องตัวเอง ไม่เคยห้ามที่หล่อนมาตามรังควานเธอเลยสักครั้ง?

แต่เธอเพียงรู้สึกว่าถ้อยคำเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องพูดให้เปลืองน้ำลาย

เสิ่นเสี่ยวเหมยทำเรื่องร้าย ๆ ต่าง ๆ ด้วยตัวเองทั้งนั้น ไม่เคยคิดจะดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ต้องพูดถึงการที่หล่อนอาศัยประโยชน์จากสถานการณ์ และขี้ขลาดเกินกว่าจะเรียกกำลังเสริม

หลินเซี่ยเผยรอยยิ้มเหน็บแนมบนใบหน้าในขณะที่กล่าวขอบคุณ

ท่าทางเชื่อฟังและสุภาพของหลินเซี่ยทำให้เสิ่นเถี่ยจวินพอใจมาก

ในที่สุดเขาก็เริ่มพูดเข้าประเด็น “จริงสิ วันนี้ฉันมาที่นี่ เพราะมีบางอย่างอยากจะคุยกับเธอ”

“เชิญพูดได้เลยค่ะ”

เสิ่นเถี่ยจวินมองเธออย่างจริงจัง แล้วพูดว่า “ตอนแรกคุณปู่และคนอื่น ๆ ต้องการให้ฉันไปแจ้งความกับตำรวจเพื่อตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้เกิดการสลับตัวระหว่างเธอกับอวี้อิ๋ง ฉันกลับไปคิดทบทวนถึงเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า กังวลว่ามันอาจจะกระทบต่อชีวิตของเธอ ฉันเลยตัดสินใจล้มเลิกการตรวจสอบความจริงไปซะ”

หลินเซี่ยเลิกคิ้ว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความงงงวย “มันจะส่งผลกระทบต่อชีวิตฉันยังไงเหรอคะ?”

“เธอควรรับรู้ความตั้งใจที่ดีของฉันนะ ถ้าผลสรุปออกมาว่าแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคน…” น้ำเสียงของเสิ่นเถี่ยจวินแฝงนัยบางอย่าง เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เขาก็มองหน้าเธอ ดูลังเลที่จะพูดต่อ

หลินเซี่ยที่พยายามรักษากิริยาให้สุภาพต่อหน้าเขาตลอดเวลา จู่ ๆ ก็อดชักสีหน้าไม่ได้ยามได้ยินคำพูดนี้

สีหน้าของเธอเปลี่ยนไป เธอถามด้วยน้ำเสียงคาดคั้น “ทำไมคุณถึงคิดว่าแม่ฉันเป็นคนทำล่ะคะ?”

เสิ่นเถี่ยจวินให้เหตุผล “เพราะหล่อนเป็นคนเดียวที่มีแรงจูงใจที่จะทำแบบนั้น เธออาจไม่รู้ว่าเรื่องทำนองนี้เคยเกิดขึ้นที่ปินเฉิงมาก่อน พี่เลี้ยงเด็กของครอบครัวหนึ่งสลับทารกของเจ้านายกับลูกตัวเอง พาคุณหนูกลับไปอยู่บ้านนอกแล้วข่มเหงหล่อนสารพัด เรื่องหลังจากนั้นก็ไม่น่าเล่าต่อแล้ว เธอคงเข้าใจในสิ่งที่ฉันกำลังจะสื่อ”

เหตุผลจากปากของเสิ่นเถี่ยจวินว่าเขาสงสัยหลิวกุ้ยอิง ไม่สามารถโน้มน้าวหลินเซี่ยที่ได้รับโอกาสมาเกิดใหม่ได้

ตลอดช่วงเวลาที่เธอได้ใช้ชีวิตร่วมกับอีกฝ่าย เธอรู้จักนิสัยใจคอของหลิวกุ้ยอิงประมาณหนึ่ง ทำให้มั่นใจในจิตสำนึกของหล่อนดี

ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังรู้เรื่องราวสมัยเสิ่นอวี้อิ๋งยังเด็กและอยู่ในตระกูลหลิน ไม่ว่าจะมองอย่างไรผู้กระทำผิดที่เป็นต้นเหตุเรื่องเหล่านั้นไม่มีทางเป็นหลิวกุ้ยอิงไปได้

เธอรีบโต้แย้งด้วยเหตุผลอันชอบธรรม

“คุณไม่อาจโยนความผิดในคดีที่เกิดขึ้นในครอบครัวใส่หัวแม่ฉันโดยพลการได้นะคะ การเปลี่ยนตัวเด็กทารกเพราะมีจุดประสงค์ร้ายถือเป็นคดีอาชญากรรมจากการลักพาตัว ในระหว่างที่การสืบสวนยังไม่สิ้นสุด ทุกคำพูดที่ออกจากปากล้วนมีผลทางกฎหมาย เราต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เราพูด อย่าใช้ทัศนคติที่ลำเอียงเพียงเพราะว่าหล่อนมาจากชนบท จำเป็นต้องมีหลักฐานก่อนถึงจะตัดสินกล่าวโทษหล่อนได้”

การเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อย่างกะทันหันของหลินเซี่ย ทำให้เสิ่นเถี่ยจวินนิ่งอึ้งจนไม่สามารถโต้ตอบได้ครู่หนึ่ง

เมื่อมองดวงตาที่เฉียบคมของหลินเซี่ย เขาก็รู้สึกราวกับตัวเองไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน

ลูกสาวซื่อบื้อที่เขาเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดมีความเข้าใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อใด?

เธอออกไปจากบ้านตระกูลเสิ่นได้แค่สามเดือนเท่านั้น ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้?

ขณะที่เขายังคงตกตะลึง หลินเซี่ยก็พูดต่อไป “ตัวเสิ่นอวี้อิ๋งรู้ดีค่ะ ว่าตอนที่ยังอยู่ในชนบท หล่อนถูกคนในบ้านทารุณกรรมจริงไหม หล่อนรู้ดีว่าคนตระกูลหลินช่วยชีวิตหล่อนให้รอดตายได้ยังไง หล่อนรู้ดีว่าถ้าตอนนั้นไม่มีพ่อผู้ให้กำเนิดของฉันสักคน หล่อนคงตายไปตั้งแต่ยังวัยแบเบาะแล้ว ถ้าหล่อนเป็นเด็กที่แม่ฉันตั้งใจสลับตัวมาจริง ๆ พวกเขาปล่อยให้เสิ่นอวี้อิ๋งป่วยตายไปซะไม่ดีกว่าเหรอ จะได้เป็นการทำลายหลักฐานเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต แทนที่จะอุ้มหล่อนฝ่าแดดฝ่าฝนไปขอรับการรักษา เกิดเป็นมนุษย์ต้องมีสติวิเคราะห์ไตร่ตรองนะคะ”

เนื่องจากชาติก่อนเธอถูกล้างสมองโดยเสิ่นอวี้อิ๋งและเสิ่นเถี่ยจวิน เธอจึงขีดเส้นแบ่งออกจากบรรดาญาติ ๆ อย่างเด็ดขาด ตอนนั้นเธอไม่เข้าใจข้อเท็จจริงของเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป ทำให้หลงเชื่ออย่างไม่ทันฉุกคิดไปว่าหลิวกุ้ยอิงนั่นแหละที่มีแรงจูงใจในการสลับตัวเด็ก

ตอนนี้เธออุตส่าห์ได้เกิดใหม่ จะยังโง่บรมจนถูกจมูกจูงอีกเหรอ?

เสิ่นเถี่ยจวินกระแอมไอแก้เขิน แล้วพูดว่า “ถ้าไม่ใช่ฝีมือหล่อน งั้นก็แสดงว่าบุคลากรของโรงพยาบาลประมาทเลินเล่อ ครั้งล่าสุดฉันลองไปเจรจากับศูนย์สุขภาพแห่งนั้นมาแล้ว หมอและพยาบาลที่ปฏิบัติหน้าที่ในตอนนั้นไม่ได้ทำงานอยู่ที่นั่นอีกต่อไป ทำให้การสอบสวนยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ความจริงแล้วยี่สิบปีก่อนศูนย์สุขภาพยังไม่มีการบันทึกเคสไว้ด้วยซ้ำ คิดซะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นความประมาทเลินเล่อของทางโรงพยาบาลก็แล้วกัน”

เขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงใจ “เซี่ยเซี่ย พวกเราจบเรื่องนั้นแต่เพียงเท่านี้กันดีกว่า ถึงยังไงผลก็ออกมาเป็นที่น่าพอใจต่อเราทุกฝ่ายแล้ว หนทางอีกยาวไกลไม่ควรบาดหมาง จากนี้เธอก็แวะไปเยี่ยมบ้านของเราให้บ่อยหน่อย สุดท้ายแล้วพวกเราก็ยังเป็นครอบครัวเดียวกัน ยี่สิบปี ต่อให้ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ความสัมพันธ์ในครอบครัวก็ยังคงอยู่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นลูกสาวของเราเสมอ”

หลินเซี่ยไม่คิดจะโต้เถียงกับเขาอีกต่อไป เธอตอบกลับอย่างสงบ “ค่ะ”

“ได้ยินว่าแม่เธอย้ายมาอยู่ที่ไห่เฉิงแล้วเหรอ?” เสิ่นเถี่ยจวินถาม

“ใช่ค่ะ”

เสิ่นเถี่ยจวินยิ้มและพยักหน้า “ไม่ง่ายเลยกว่าจะย้ายออกมาจากชนบทแบบนั้นได้ ขอให้ชื่นชมยินดีกับชีวิตปัจจุบันของตัวเองให้มาก”

หลังจากเขาพูดจบ เขาก็ยืนขึ้นพร้อมพูดว่า “เธอทำงานต่อเถอะ ฉันขอตัวก่อน”

หลังจากที่เสิ่นเถี่ยจวินจากไป หลินเซี่ยก็มองเหม่อไปทางประตูด้วยความงุนงง

เขามาดักรอเธอที่นี่ตั้งแต่เช้า สาธยายความรักอันลึกซึ้งระหว่างพ่อลูก เขาต้องการอะไรกันแน่?

อีกทั้งเขายังพูดเป็นนัย ๆ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเกี่ยวข้องกับหลิวกุ้ยอิง นอกจากนี้ เขายังแสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่อย่างที่ไม่เคยเป็นอีกด้วย ใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็งในการพูดคุย

สรุปก็คือ พวกเขาไม่ต้องการให้พวกเธอสืบสวนความจริงอีกต่อไป

เสิ่นเถี่ยจวินคนนี้ปกติดีหรือเปล่า?

จู่ ๆ เขาจะพูดจาเหมือนตัวเองร้อนตัวไปทำไม?

นอกเสียจากว่าเขามีแรงจูงใจบางอย่าง

เมื่อลูกค้าคนแรกเข้ามาในร้าน หลินเซี่ยก็ปรับอารมณ์ยกใหญ่ แล้วยิ้มแย้มให้บริการลูกค้าอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าส่วนลดฉลองเปิดร้านจะครบกำหนดไปแล้ว ค่าบริการตัดผมเพิ่มขึ้นจากห้าเหมาเป็นหนึ่งหยวน และค่าบริการดัดผมอยู่ที่หกหยวน แต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมายังมีพนักงานหญิงจำนวนมากแวะเวียนกันมาดัดผมที่นี่ หมวกอบร้อนทั้งสองใบถูกใช้งานไม่ได้พัก แถมยังมีลูกค้ารอจ่อคิว

ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหน ผู้หญิงซึ่งเพิ่งได้รับเงินเดือนก็ใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายทั้งนั้น ช่วงสองวันที่ผ่านมาจึงมีพนักงานหญิงจากโรงงานทอผ้ามาทำผมเยอะมาก

พวกเธอบอกว่าเพิ่งได้รับเงินเดือนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็เลยถือโอกาสเปลี่ยนทรงผมให้ทันสมัยและดูดีมีสไตล์มากขึ้น

ชุนฟางทำได้แค่สระผมและกวาดเศษผมออกจากร้านเท่านั้น ยังไม่สามารถช่วยงานที่ต้องใช้ฝีมืออย่างจริงจังได้ เพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของร้านเสียหาย หลินเซี่ยจึงไม่กล้าปล่อยให้หล่อนลงมือ

ดังนั้น ตลอดทั้งวันเธอจึงยุ่งมากจนไม่มีเวลาพักกินข้าวด้วยซ้ำ

รวมถึงไม่มีเวลาไปคิดมากเรื่องอื่น

ในที่สุดก็มีเวลาว่างหายใจหายคอในช่วงบ่าย หลินเซี่ยทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้ พักดื่มน้ำ แล้วพูดกับชุนฟางว่า

“ชุนฟาง ฉันว่าเรารับสมัครเด็กฝึกงานอีกคนกันเถอะ ต่อไปนี้เธอจะได้มุ่งความสนใจไปที่การเรียนทำผมกับฉัน พยายามเริ่มฝึกฝนให้เป็นงานโดยเร็วที่สุด งานฉันยุ่งมากจนอยากได้ผู้ช่วยเต็มแก่แล้ว”

แน่นอนว่าชุนฟางมีความสุขมากเมื่อได้ยินว่าหลินเซี่ยต้องการฝึกฝนหล่อนอย่างจริงจัง “ได้เลย”

“ไว้ฉันจะเขียนป้ายรับสมัครงาน แล้วเอาไปติดไว้ที่หน้าประตูเร็ว ๆ นี้”

หลังจากกลับบ้านในตอนเย็น หลินเซี่ยก็เล่าให้เฉินเจียเหอฟังด้วยความโกรธว่าวันนี้เสิ่นเถี่ยจวินไปหาเธอถึงร้าน

เฉินเจียเหอเต็มไปด้วยความสงสัย มองดูหลินเซี่ยด้วยสายตาที่ซับซ้อนเมื่อเขาได้ยินคำบอกเล่าจากเธอ “เขาพูดแบบนั้นจริง ๆ เหรอ?”

เมื่อคืนนี้ตอนที่เขาอยู่ในบ้านตระกูลเซี่ย พฤติกรรมแปลก ๆ ของเสิ่นเถี่ยจวินก็กระตุ้นความสงสัยของเฉินเจียเหอเช่นกัน

ตอนนี้ หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลินเซี่ย ทำให้เฉินเจียเหอยิ่งรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเสิ่นเถี่ยจวินมากขึ้น

หลินเซี่ยจำคำพูดของเสิ่นเถี่ยจวินในตอนเช้าได้ เธอยังโกรธไม่หาย “จริง เขาพยายามพูดเอาดีเข้าตัวสารพัด อ้างว่าที่คุณดีกับฉันก็เพราะคุณเห็นแก่คำกำชับเตือนของเขา ฉันล่ะอยากจะฆ่าเขาจริง ๆ เลย”

เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินเจียเหอ เธอสามารถแสดงความคิดภายในใจออกมาได้อย่างหมดเปลือกโดยไม่ต้องคอยระวังหรือกังวลใด ๆ “นอกจากนี้ ฉันรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยอยากให้ฉันกับแม่เดินหน้าสืบสวนความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ฉันกับเสิ่นอวี้อิ๋งถูกสลับตัวกัน คุณคิดเหมือนกันไหมว่าหรือเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น?”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ยิ่งพูดยิ่งมีพิรุธนะลุง ลุงเคยมีประวัติทำอะไรไม่ดีมาก่อนไหม ร้อนตัวใหญ่เลย

ไหหม่า(海馬)