ตอนที่ 202 เข้าใกล้คำตอบแล้ว

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 202 เข้าใกล้คำตอบแล้ว

ตอนที่ 202 เข้าใกล้คำตอบแล้ว

เฉินเจียเหอมีสีหน้าเคร่งขรึม เริ่มคิดถึงความเป็นไปได้นี้เช่นเดียวกัน

แต่ทันทีที่หลินเซี่ยพูดจบ เธอก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “อย่างนั้นก็เถอะ เขาไม่มีแรงจูงใจที่จะทำแบบนั้น เป็นคนรวยอยู่ในเมืองแท้ ๆ จะทำใจสลับเอาลูกสาวตัวเองให้กลายเป็นลูกคนอื่นไปได้ยังไง?”

เฉินเจียเหอก็ไม่สามารถตอบคำถามนี้ของเธอได้

ขณะที่หลินเซี่ยครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สมองก็เริ่มใคร่ครวญถึงเหตุและผล

เพราะอะไรเสิ่นเถี่ยจวินถึงสลับตัวลูกสาวโดยสายเลือดของเขากับลูกสาวของผู้หญิงบ้านนอกที่มีฐานะยากลำบาก?

เฉินเจียเหอรู้สึกเสมอว่าดูเหมือนเขาจะพลาดข้อมูลสำคัญบางอย่าง

ช่วงสองวันที่ผ่านมามีข้อมูลมากมายไหลผ่านสมองเขาเยอะเกินไป

เขาต้องรวบรวมเบาะแสทั้งหมดที่ตัวเองได้รับในสองวันที่ผ่านมา ก่อนจะทำการจัดลำดับเหตุการณ์ให้ชัดเจน บางทีอาจค้นเจอคำตอบจากในนั้น

หลินเซี่ยมองเขาและคาดเดาต่อไป “จริงด้วย แม่ฉันเคยเล่าให้ฟังว่าตอนแรกเกิด เสิ่นอวี้อิ๋งแทบไม่ต่างอะไรจากลูกหนูตัวเล็ก ๆ เลย เปราะบางจนแทบไม่สามารถป้อนนมได้ด้วยซ้ำ หรือเป็นเพราะเสิ่นเถี่ยจวินเห็นว่าลูกสาวของเขาอ่อนแอเกินรับไหว? ประกอบกับกลัวว่าเซี่ยหลานจะเสียใจถ้าลูกตาย เลยแทนที่เธอด้วยฉันที่มีสุขภาพแข็งแรงกว่า?”

“เมื่อก่อนฉันได้ยินเซี่ยหลานเล่าให้ฟังว่าที่จริงแล้วฉันคลอดก่อนกำหนด แต่เธอก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นว่าหลังจากฉันคลอดออกมาแล้วมีสุขภาพสมบูรณ์ดี”

ดังนั้น เซี่ยหลานไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลับตัวเด็ก

หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเด็กที่ตนให้กำเนิดด้วยตัวเองมีสุขภาพอ่อนแอเหมือนกับทารกที่คลอดก่อนกำหนดทั่วไป ตัวเล็กตัวแดงเหมือนลูกหนู

หลินเซี่ยเริ่มรู้สึกมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าการคาดเดาของตัวเองถูกต้อง

ความเป็นไปได้ที่สำคัญที่สุดคือเสิ่นอวี้อิ๋งเกิดมาแล้วมีร่างกายอ่อนแอ ดังนั้นเสิ่นเถี่ยจวินจึงตัดสินใจสลับตัวเด็กทารกที่มีสุขภาพแข็งแรงกลับไปเลี้ยงดู

ถึงอย่างนั้นก็เหมือนมีบางอย่างที่ไม่สมเหตุสมผล

เธอตั้งคำถามและตอบเองอยู่นาน เมื่อเห็นว่าเฉินเจียเหอเอาแต่ใช้มือข้างหนึ่งลูบคางพลางหรี่ตา เธอก็ผลักเขาด้วยความหงุดหงิด “เฉินเจียเหอ คุณฟังฉันอยู่หรือเปล่า? ฉันวิเคราะห์ความน่าจะเป็นมาหลายทางแล้ว คุณล่ะคิดว่าเหตุผลน่าจะออกมาในรูปแบบไหน?”

เฉินเจียเหอเงยหน้าขึ้นมองเธอ ถามเพื่อขอคำยืนยัน “เซี่ยเซี่ย คุณบอกว่าเสิ่นอวี้อิ๋งคลอดก่อนกำหนดงั้นเหรอ?”

“ใช่ ถ้าเป็นไปตามที่เซี่ยหลานพูดไว้ก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่า ‘ฉัน’ จะออกมาดูโลกก่อนกำหนดคลอดประมาณหนึ่งเดือน แต่พอคลอดออกมาแล้ว ปรากฏว่ามีสุขภาพแข็งแรงดี”

หลินเซี่ยมองเฉินเจียเหออย่างจริงจัง และพูดว่า “คุณคิดว่าเสิ่นเถี่ยจวินเป็นคนทำเรื่องพวกนี้หรือเปล่า? ยิ่งฉันคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติมากขึ้นเท่านั้น โดยเฉพาะพฤติกรรมของเขาที่มีต่อฉันเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เหมือนเขาไม่มีความเป็นพ่อเลย เดิมทีฉันคิดว่าอาจเป็นเพราะว่าระหว่างเราไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดต่อกัน ทำให้เขาไม่สนิทใจกับฉันโดยสัญชาตญาณ แต่ตอนนี้พอมาลองคิดดูแล้ว บางทีผู้ชายคนนั้นอาจรู้ตั้งแต่แรกว่าฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเขา ก็เลยพยายามทำตัวห่างเหินเสมอ ไหนจะผู้เฒ่าเสิ่นอีก ถ้าเสิ่นเถี่ยจวินรู้ภูมิหลังของฉันมาตั้งแต่แรก พ่อของเขาก็คงรู้เรื่องนี้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ปฏิบัติต่อฉันอย่างเลวร้าย”

เฉินเจียเหอเห็นด้วยกับคำพูดของหลินเซี่ยเพียงครึ่งหนึ่ง

นอกเหนือจากประเด็นนั้น เขาเองก็สงสัยว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเสิ่นเถี่ยจวิน แต่เขากลับรู้สึกว่าเหตุผลที่หลินเซี่ยตั้งข้อสงสัยนั้นลึกล้ำไปหน่อย

บางที เสิ่นเถี่ยจวินอาจมีเหตุผลบางอย่างมากระตุ้นทำให้ตัดสินใจทำแบบนั้น

เขาลูบหัวหลินเซี่ยและพูดเบา ๆ “อย่ารีบด่วนสรุปไปเลย เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสืบสวนความจริง น่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้ ถ้าเขาเป็นคนทำจริง ก็ปล่อยให้เขารับผิดทางกฎหมายไป”

“อืม เรามารอฟังผลกันดีกว่า”

หลินเซี่ยไม่อยากให้เรื่องนี้ส่งผลต่ออารมณ์ของเธออีกต่อไป เธอหยิบผ้าเมตรสีขาวผืนหนึ่งออกมาจากถุงบนโต๊ะ ก่อนจะพูดกับเฉินเจียเหอด้วยความกระตือรือร้น “วันนี้ฉันเดินผ่านแผงขายผ้า ก็เลยซื้อผ้าเมตรกลับมาผืนหนึ่ง ตั้งใจว่าจะเอามาตัดเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวให้คุณกับหู่จือใส่”

เฉินเจียเหอเห็นผ้าในมือเธอก็ยิ้มกว้าง “ว้าว ในที่สุดผมก็จะได้สวมเสื้อผ้าที่ภรรยาเป็นคนตัดเย็บให้แล้วเหรอเนี่ย?”

หลินเซี่ยพูดยิ้ม ๆ “รอให้ทำเสร็จเมื่อไหร่ ครั้งต่อไปฉันจะไปหาซื้อผ้ามาตัดเสื้อให้คุณปู่กับคุณย่าคนละตัว ครั้งล่าสุดฉันให้สัญญากับคุณปู่เอาไว้”

“ภรรยาผมนี่ช่างมีความสามารถรอบด้านจริง ๆ” เฉินเจียเหอไม่เคยลังเลที่จะออกปากชื่นชมเธอ ตอนอยู่นอกบ้านเขาถูกขนานนามว่าเป็นมะระน่าเบื่อเสมอ แต่พอเขากลับถึงบ้านและได้เจอหน้าเธอ ปากของเขาก็หวานปานน้ำผึ้ง

หลินเซี่ยรู้สึกว่าตัวเองสวยมากเมื่อถูกเขายกยอ เธอหยิบสายวัดออกมาแล้วโบกมือให้เขา “งั้นมาให้ฉันวัดตัวคุณหน่อยสิ”

“ยังต้องใช้ของแบบนั้นวัดตัวผมอยู่เหรอ?”

เมื่อหลินเซี่ยได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอก็เริ่มคิดอะไรไม่ออก

จากนั้นก็ค้อนขวับใส่เขาอย่างทำตัวไม่ถูก

เฉินเจียเหอมองดูใบหน้าเล็ก ๆ ที่ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีชมพูของเธอ ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ ถอดเสื้อคลุมออกแล้วย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้พอดีกับส่วนสูงของเธอ ยกมือขึ้นเพื่อให้เธอวัดตัวได้อย่างสะดวก เชื่อฟังเหมือนกับนักเรียนชั้นประถม

“เสร็จแล้ว”

หลินเซี่ยย้ายไปนั่งอยู่หน้าจักรเย็บผ้า หู่จือออกไปเล่นกับเสี่ยวฮวา เฉินเจียเหอซึ่งมักจะทำตัวติดกับภรรยาอยู่เสมอจึงกลายเป็นคนเดียวในบ้านที่ว่างงาน

เขานั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้ ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดอย่างเงียบ ๆ

หลินเซี่ยหน้าเหมือนน้องสาวของเซี่ยไห่…

เซี่ยหลานเคยชอบเซี่ยเหลย พี่ชายคนโตของเซี่ยไห่…

ตอนที่เขาไปกินข้าวมื้อเย็นที่บ้านตระกูลเซี่ย อาจารย์จางผู้เป็นแม่ของเซี่ยหลานเผลอพูดถึงเรื่องราวในอดีตออกมาโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ทำให้เขาสนใจไม่น้อย

ดูเหมือนนางต้องการจะสื่อความหมายว่า สาเหตุที่เซี่ยหลานได้รับมอบหมายให้ย้ายไปประจำการที่โรงพยาบาลศูนย์สุขภาพประจำเทศมณฑลจินซาน เป็นเพราะหล่อนพยายามจะติดตามเซี่ยเหลย!

ลูกสาวตัวจริงของเสิ่นเถี่ยจวินและเซี่ยหลาน แท้จริงแล้วเป็นทารกที่คลอดก่อนกำหนด…

เฉินเจียเหอดีดนิ้วเปาะเพราะตัวเองเข้าใกล้คำตอบไปทุกที เขาคว้าเสื้อคลุมของตัวเองแล้วผุดลุกขึ้นยืน หันไปพูดกับหลินเซี่ยที่กำลังเย็บผ้าอยู่หน้าจักรว่า “เซี่ยเซี่ย คุณเย็บผ้าไปก่อนนะ ผมขอออกไปข้างนอกสักพัก”

“จะไปไหนเหรอคะ?” หลินเซี่ยหันกลับมามองเขา

เขาเดินเข้ามาจูบใบหน้าขาวนวลของเธอที่เชิดขึ้นเล็กน้อย มองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนพลางพูดว่า “ผมว่าจะออกไปซื้อขนมให้คุณ”

หลินเซี่ยขยับตัวอย่างร่าเริงทันที ส่งยิ้มให้เขาจนตาโค้ง “สหายเหล่าเฉิน คุณนี่ใจดีจริง ๆ เลย ถ้าอย่างนั้นฉันขอฝากคุณซื้อขนมหม่าล่าสักถุงหน่อยสิคะ”

“ได้ ผมไปแปบเดียวแล้วเดี๋ยวจะรีบกลับ”

หลังจากที่เฉินเจียเหอออกไปแล้ว เขาก็ตรงไปยังที่พักของเซี่ยไห่

ชั้นสองของห้องเต้นรำที่เซี่ยไห่เป็นเจ้าของยังไม่ได้รับการปรับปรุง ดังนั้นเขาจึงใช้มันเป็นที่พักอาศัยชั่วคราว แน่นอนว่ามันตั้งอยู่ไม่ไกลจากอาคารพักอาศัยของโรงงานนัก เฉินเจียเหอไปถึงหน้าประตูโดยใช้เวลาเดินเพียงไม่กี่นาที

เมื่อเขาเคาะประตู เซี่ยไห่สวมชุดชุดนอนลายดอกไม้ เส้นผมของเขาไม่ฉีดสเปรย์แต่งผมเหมือนเวลาปกติ จึงกระจายอยู่บนหน้าผาก ดูเหมือนเด็กหนุ่มที่แปลกตาจากทุกครั้ง

เซี่ยไห่รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเฉินเจียเหอมาหาถึงที่

เฉินเจียเหอไม่พูดอะไร เบียดตัวเองผ่านอีกฝ่ายแล้วเดินตรงเข้าไปในห้อง

บนโต๊ะวางของของเซี่ยไห่มีโทรทัศน์และเครื่องเล่นวีซีดี เขากำลังดูหนังฮ่องกงอยู่ในห้องเพียงลำพัง

เฉินเจียเหอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ชีวิตนายนี่มันสบายจริง ๆ”

“ทำไมมาหาฉันเอาป่านนี้ล่ะ? อย่าบอกนะว่าโดนหลินเซี่ยไล่ออกจากห้อง?” เซี่ยไห่ถามเขาอย่างติดตลกระคนสงสัย

เฉินเจียเหอเหลือบมองเขาแล้วปฏิเสธ “เปล่าซะหน่อย”

“โดนหล่อนเตะออกมาก็บอกมาตามตรงเถอะน่า ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกตรงไหน คู่สมรสข้าวใหม่ปลามันจะชื่นมื่นกันเฉพาะหลังแต่งงานแค่สามวันแรกเท่านั้นแหละ หลังผ่านพ้นช่วงน้ำผึ้งพระจันทร์ไปแล้ว หล่อนจะรู้ว่านายน่ารำคาญแค่ไหน”

“อย่าเดาไปเรื่อย” เฉินเจียเหอเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง ก่อนจะลดระดับเสียงของทีวีลง

เซี่ยไห่เลิกคิ้ว “งั้นนายมาทำอะไรที่นี่?”

ดูจากท่าทางเขาแล้ว ถ้าเขาไม่ได้ทำให้ภรรยาโกรธจริง ๆ ตอนนี้ก็ควรจะอุ่นเตียงกับเธอไม่ใช่เหรอ?

เฉินเจียเหอพูดอย่างสบาย ๆ “ฉันนอนไม่หลับน่ะ เลยอยากออกมาคุยกับนายสักพัก”

“จริงสิ นายโทรหาคุณป้าเพื่อปรึกษาเรื่องนี้แล้วหรือยัง? แล้วจะเดินทางไปเทศมณฑลซีเหอเมื่อไหร่?” เฉินเจียเหอเริ่มถามเขา

เซี่ยไห่หยิบขวดไวน์แดงออกมา หยิบแก้วไวน์ แล้วรินไวน์ในปริมาณเท่ากันทั้งสองแก้ว พอยื่นให้เขาเสร็จก็ตอบด้วยน้ำเสียงไม่ได้ดั่งใจ

“ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะรอจนห้องเต้นรำเปิดทำการซะก่อน แต่แม่กับยัยพี่สาวพอรู้ข่าวก็แทบอดใจรอไม่ไหว หล่อนดุฉัน บอกว่าธุระของพี่ใหญ่สำคัญกว่าเงินจำนวนขี้ปะติ๋วที่ฉันหาได้ บอกให้ฉันออกเดินทางพรุ่งนี้เลย”

เขาถูกเซี่ยอวี่ดุมาชุดใหญ่ ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งโกรธมากเท่านั้น ใครจะคิดว่าเฉินเจียเหอจะมาหาในยามวิกาลและเริ่มถามเรื่องนี้อีก เขาเขย่าแก้วไวน์แดง แล้วพูดอะไรบางอย่างที่ไม่สอดคล้องกับท่าทางอันสง่างามของเขาด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่สาวฉันนี่ก็แปลกคน ยังไม่ถึงวัยหมดประจำเดือนด้วยซ้ำ แต่เดี๋ยวนี้พอได้ยินเสียงฉันก็เริ่มสรรหาสารพัดถ้อยคำมาดุ ว่าเงินที่ฉันหามาไม่สุจริตบ้าง แล้วเงินที่หล่อนเป็นคนหามันสุจริตกว่ากันตรงไหน? ฉันไม่ได้เป็นดาราดังเหมือนหล่อนนี่”

“นั่นเป็นเพราะพี่สาวนายให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นที่หนึ่ง หล่อนดูแลพี่ใหญ่ของนายมาหลายปีโดยไม่เคยปริปากบ่น ตอนนี้พอต้องไปทำธุระของพี่ใหญ่ นายกลับยืนกรานว่าจะรอจนกว่าธุรกิจจะเปิดทำการ ถ้าเป็นฉันคงตัดความสัมพันธ์กับนายไปแล้ว”

เมื่อเฉินเจียเหอพูดแบบนี้ สีหน้าขึ้งโกรธของเซี่ยไห่ก็ผ่อนคลายลงทันที เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ก็จริง หล่อนเป็นผู้หญิง แต่ยอมเสียสละอะไรไปมากมายเพื่อแม่และพี่ชายของตัวเองตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่จริงฉันละอายใจมาโดยตลอด ถึงได้อยากทำงานหาเงินให้ได้เยอะ ๆ เพื่อแบ่งเบาภาระของหล่อน รับพวกเขากลับมาดูแลโดยเร็วที่สุด”

เฉินเจียเหอตบไหล่เขาแล้วพูดอย่างจริงใจ “ฉันเข้าใจนายนะ”

“อีกเรื่องหนึ่ง ฉันขอถามอะไรนายหน่อย ตอนที่เซี่ยหลานแต่งงานกับเสิ่นเถี่ยจวิน ตอนนั้นพี่ใหญ่ของนายอยู่ไหน?”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

หรือว่าความจริงเสิ่นเถียจวินริษยาเซี่ยเหลย เลยวางแผนทำลายอนาคตของครอบครัวเซี่ยเหลย?

ไหหม่า(海馬)