ตอนที่ 203 การคาดเดาของเฉินเจียเหอ

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 203 การคาดเดาของเฉินเจียเหอ

ตอนที่ 203 การคาดเดาของเฉินเจียเหอ

เมื่อเฉินเจียเหอถามเกี่ยวกับเซี่ยหลานและเซี่ยเหลยพี่ชายคนโตของเขา เซี่ยไห่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “ฉันลืมไปหมดแล้ว รู้แค่ตอนที่พวกเขาแต่งงานกัน พี่ใหญ่เหมือนจะอยู่ในกองทัพ ก่อนหน้านั้นเซี่ยหลานพยายามทุกวิถีทางเพื่อที่จะติดตามพี่ใหญ่ไป แต่พอหล่อนไปประจำการต่างเมืองก็ไม่เจอเขาแล้ว จากนั้นก็ถูกทางการส่งตัวไปที่เทศมณฑลจินซานด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง ในที่สุดหล่อนก็ยอมแต่งงานกับเสิ่นเถี่ยจวินซึ่งตอนนั้นทำงานอยู่ในเทศมณฑลจินซานเหมือนกัน”

เมื่อเซี่ยไห่พูดมาถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจ “ตอนที่พวกเราไปเยี่ยมบ้านตระกูลเซี่ย นายไม่เห็นเหรอว่าอาจารย์จางมีทัศนคติที่แย่มากต่อเซี่ยหลาน? คุณป้าไม่อาจปล่อยวางสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นได้”

“งั้นหมายความว่า พี่ใหญ่ของนายกับเซี่ยหลานไม่เคยเจอหน้ากันตอนที่อยู่ต่างเมืองเลยเหรอ?”

“ไม่รู้สิ เมื่อก่อนช่องทางการติดต่อสื่อสารมีน้อย แถมพี่ใหญ่ก็เป็นคนเย็นชาเหมือนนายซะด้วย เขาแทบไม่เขียนจดหมายส่งข่าวคราวอะไรกลับมาให้เราเลย พอสมัครเข้ากองทัพแนวหน้า ไม่นานก็ได้เข้าร่วมสงคราม จนกระทั่งเขากลับมา ก็ไม่อาจสื่อสารกับเราได้ตามปกติอีกต่อไป”

เซี่ยไห่ลูบหน้าตัวเอง สีหน้าดูเจ็บปวดมากในขณะที่เขาหวนนึกถึงอดีต “กองทัพส่งข่าวกลับมาในเวลานั้นว่ากองพันของพวกเขาถูกศัตรูกวาดล้างทั้งหมด ตอนนั้นเราสามคนแม่ลูกเข่าทรุดจนไม่รู้จะทรุดยังไง”

“ไม่กี่เดือนต่อมา กองกำลังแถบชายแดนส่งข่าวกลับมา ยืนยันว่าเขากับสหายร่วมรบอีกสองคนยังมีชีวิตอยู่ แต่ได้รับบาดเจ็บสาหัส”

พี่ใหญ่ของเขารอดพ้นจากความตายได้อย่างหวุดหวิด ทั้งยังสามารถกอบกู้ประเทศชาติเอาไว้ได้ แต่กลับเหลือเพียงร่างกายที่ไม่สมประกอบ ความทรงจำส่วนหนึ่งหายไป สูญเสียจิตวิญญาณอันสูงส่งที่เคยเมื่อครั้งก่อนจะออกจากบ้านไปโดยสิ้นเชิง

พี่ใหญ่เคยเป็นผู้ชายที่เขาเคารพและชื่นชมมากที่สุด

“นายรู้ไหมว่าทำไมฉันถึงสนิทใจจะเป็นเพื่อนกับนายสมัยที่เราอยู่ในกองทหารรถไฟ?” เซี่ยไห่มองเขา ถามด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า

เฉินเจียเหอเงยหน้าขึ้น มองเขาอย่างสงสัย แสดงให้เห็นว่าเขาไม่รู้

เซี่ยไห่ยิ้มแล้วพูดว่า

“เพราะในตัวนายมีพลังบางอย่างที่คล้ายกับพี่ใหญ่ของฉันมาก สายตาเย็นชาที่นายมักจะใช้กวาดมองคนอื่น ๆ อยู่เป็นประจำก็ไม่ต่างอะไรไปจากเขา ดังนั้นฉันก็เลยอยากเป็นเพื่อนกับนายไงล่ะ”

“พอทีเถอะ” เฉินเจียเหอกลอกตามองเขา “ไม่นานมานี้นายก็คิดจะผูกไมตรีกับเมียฉันเพราะเห็นว่าหล่อนหน้าเหมือนน้องสาวตัวเอง ยังมาใช้เหตุผลว่าที่นายเข้าหาฉันก็เพราะฉันเหมือนพี่ชายอีก ขืนนายยังเป็นแบบนี้ต่อไป คงได้ยุ่งวุ่นวายกันไปหมด”

“แต่นายไม่ได้หน้าเหมือนพี่ใหญ่ฉันซะหน่อย ฉันแค่จะจำกัดความว่านายมีแรงผลักดันอันอาจหาญในการรับใช้มาตุภูมิแบบเดียวกันกับเขา”

เฉินเจียเหอแสดงสีหน้าพึงพอใจกับคำอธิบายของเซี่ยไห่ ไม่ได้ปฏิเสธเขาอีกบราวนี่ออนไลน์

เฉินเจียเหอหรี่ตาลง ยังคงพูดคุยถึงเรื่องพี่ชายคนโตของเซี่ยไห่ต่อไป “เล่าให้ฟังหน่อย พี่ใหญ่ของนายมีผู้หญิงที่เขาชอบก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”

“นายหมายถึงอิงจื่อคนนั้นน่ะเหรอ?” เซี่ยไห่เลิกคิ้วแล้วมองหน้าเขา แน่นอน พวกเขาต่างก็มีความคิดแบบเดียวกัน

เฉินเจียเหอถามกลับ “คิดว่าเป็นไปได้ไหมล่ะ?”

เซี่ยไห่พยักหน้า “ฉันก็เดาแบบนั้นเหมือนกัน รู้อะไรไหม? ตอนที่แม่โทรมาเล่าให้ฉันฟังว่าพี่ใหญ่นอนละเมอเรียกชื่ออิงจื่อออกมา คืนนั้นฉันร้องไห้หนักมาก ถ้าในชีวิตของเขาเคยมีผู้หญิงที่เขาชอบจริง ๆ ฉันจะเป็นคนแรกที่ยินดีกับเขาจากก้นบึ้งหัวใจ”

ขณะที่เซี่ยไห่พูด เขาก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาอีกครั้ง พูดต่อไปด้วยเสียงสะอื้นไห้ “ชีวิตของเขายากลำบากเกินไป จนไม่มีเวลามาคำนึงถึงเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ทั้งชีวิตเขาอุทิศตนเพื่อปกป้องครอบครัวและประเทศชาติเสมอ ไม่เคยรู้จักความรักยังพอทำเนา แต่เขากลับไม่มีโอกาสได้รัก พอถึงวัยที่สมควรจะแต่งงานมีลูกก็มาบาดเจ็บหนัก ความทรงจำหายไป หลายปีมานี้ฉันไม่กล้าคิดถึงพี่ใหญ่เลย พอคิดถึงเขา… ชีวิตอันแสนทรหดทำให้ฉันรู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดทุกครั้ง”

“อย่างนั้นก็เถอะ ถ้าเขาเคยมีความรักแม้เพียงชั่วครู่ก่อนที่เขาจะได้รับบาดเจ็บและสูญเสียความทรงจำ ชีวิตของเขาก็นับว่าสมบูรณ์แล้ว อย่างน้อยสมัยที่เขายังวัยรุ่นก็เคยสัมผัสถึงรสชาติของความรัก วัยเยาว์ของเขาไม่สูญเปล่าซะทีเดียว”

เฉินเจียเหอรู้สึกถึงหลากอารมณ์ที่ผสมปนเปกันในตอนนี้

เซี่ยเหลยคือวีรบุรุษที่พวกเขาเคารพและยกย่องอย่างที่สุด

เพื่อความสงบสุขของส่วนรวม เขายอมเสียสละซึ่งอัตตาของตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่ามันทำให้ทั้งครอบครัวและคนที่เขารักตกอยู่ในความเจ็บปวดอย่างไม่รู้จบ

ในฐานะสหายน้องชายของเซี่ยไห่ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะสามารถมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้บั้นปลายชีวิตของวีรบุรุษคนนี้ได้

เขาออกมาหาเซี่ยไห่ ก็เพราะอยากจะตรวจสอบว่าเสิ่นเถี่ยจวินมีแรงจูงใจที่จะสลับตัวทารกมากน้อยแค่ไหน แต่ในเวลานี้ ความสนใจของเขากลับหันเหไปที่เรื่องส่วนตัวของเซี่ยเหลย

ทันใดนั้น การคาดเดาก็ปรากฏขึ้นในใจของเขาโดยไม่รู้ตัว

เขาจำได้แล้วว่าแม่ยายของเขาก็ดูเหมือนมาจากเทศมณฑลซีเหอ

ในชื่อของเธอมีอักษรอิงเหมือนกับอิงจื่อ อีกทั้งหลินเซี่ยยังบังเอิญหน้าตาคล้ายเซี่ยอวี่อีก ดังนั้น เวลานี้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดเชื่อมโยงทุกบุคคลเข้าด้วยกันอย่างบ้าคลั่ง

แต่เพราะเขาอยู่ต่อหน้าเซี่ยไห่ ทำให้ไม่กล้าบอกการคาดเดาสุ่ม ๆ ของตัวเองออกไป

อย่าลืมว่าพ่อแท้ ๆ ของหลินเซี่ยเสียชีวิตไปแล้ว

บางที อาจเป็นแค่เรื่องบังเอิญที่หลินเซี่ยกับเซี่ยอวี่มีหน้าตาเหมือนกันก็เท่านั้น

โลกใบนี้เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์อยู่แล้ว

เฉินเจียเหอยื่นกระดาษทิชชูให้เซี่ยไห่ พูดว่า “นายควรออกเดินทางไปยังเทศมณฑลซีเหอโดยเร็วที่สุด”

เซี่ยไห่ตอบกลับ “อืม ฉันจะไปพรุ่งนี้เลย”

“ถ้าอย่างนั้นก็รีบพักผ่อนแต่หัววันเถอะ”

เฉินเจียเหอออกมาจากห้องของเซี่ยไห่ด้วยอารมณ์ซับซ้อนอย่างที่สุด

เมื่อเหลือบดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้ว ยุคสมัยนี้ตามท้องถนนไม่ค่อยมีสถานบันเทิงเริงรมย์ในยามค่ำคืน สถานบันเทิงยามค่ำคืนแห่งเดียวบนถนนสายนี้ก็คือห้องเต้นรำที่เซี่ยไห่กำลังเตรียมจะเปิดทำการในอนาคตอันใกล้

เวลานี้ ร้านค้าเกือบทั้งหมดบนถนนสายนี้ล้วนปิดไปหมดแล้ว

กระทั่งสายลมหนาวพัดมาปะทะใบหน้า เขาถึงจำได้ว่าตัวเองอ้างกับเธอว่าจะออกมาซื้อขนม

ภรรยาของเขายังคงรอให้เขาซื้อขนมหม่าล่ากลับไปฝาก

เฉินเจียเหอยืนอยู่กลางถนนและพยายามคิดหาทางออก

ถ้าเถ้าแก่ร้านขายของชำเป็นผู้ชาย เขายังพอจะเคาะประตูขอซื้อของได้ แต่บนถนนสายนี้มีร้านขายของชำเพียงแห่งเดียวและมีเจ้าของเป็นผู้หญิง ถ้าบุ่มบ่ามเข้าไปตอนดึกดื่นก็กลัวจะถูกมองว่าเป็นอันธพาล

ขณะที่เฉินเจียเหอรู้สึกเป็นกังวล ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าเห็นขนมกองพะเนินถูกวางอยู่บนโต๊ะของเซี่ยไห่เมื่อครู่นี้

ไม่ว่าเขาจะอายุเท่าใดแล้วก็ตาม เซี่ยไห่คนนี้ยังคงใช้ชีวิตเหมือนเด็กอยู่เสมอ

สมัยที่เขายังอยู่ในกองทัพ หลังจากได้รับเงินเบี้ยเลี้ยง เขาจะวิ่งโร่ออกไปซื้อขนมเพื่อให้รางวัลตัวเองเป็นอันดับแรก ตอนอยู่ในหอพักก็มักจะซุกซ่อนขนมไว้ตามที่ต่าง ๆ พอถึงคราวแม่บ้านขึ้นมาตรวจหอก็จะถูกดุเรื่องนี้อยู่บ่อย ๆ

เฉินเจียเหอหันหลังกลับและรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนอีกครั้ง

ทันทีที่เซี่ยไห่ปิดไฟ เขาก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง จึงลุกขึ้นยืนและสาปแช่ง “ใครวะ?”

“ฉันเอง”

เซี่ยไห่เปิดไฟ เปิดประตู มองหน้าเขา “มาทำอะไรอีกล่ะ?”

“ว่าจะมาหาอะไรกินหน่อย” เฉินเจียเหอเดินตรงเข้าไป เจอถุงขนมมากมายวางกองกันอยู่บนโต๊ะจริง ๆ

“ทำอะไรของนายน่ะ? คิดจะปล้นกันหรือไง?”

เฉินเจียเหออธิบาย “ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะออกมาซื้อขนม แต่หลังจากคุยกับนาย ร้านค้าต่าง ๆ ก็ปิดไปหมดแล้ว เลยมาขอแบ่งขนมจากสหายพี่ชายหน่อย”

“หึ หยุดรุ่มร่ามเดี๋ยวนี้เลย” เซี่ยไห่เห็นเฉินเจียเหอกำลังจะหยิบช็อคโกแลตนำเข้าที่เขาซื้อมาจากเชินเฉิง ก็รีบเอื้อมมือไปหยุดเขาทันที

“อันนั้นไม่ได้ ฉันตั้งใจจะกินอยู่พอดี”

“เอามานี่เลย ผู้ใหญ่อย่างนายทำไมยังกินของพวกนี้อยู่ได้? ยกให้หู่จือกินดีกว่าน่า” เฉินเจียเหอทำตัวเหมือนโจร เผลอแวบเดียวก็กวาดขนมแล้วเดินตัวปลิวจากไปราวกับสายลม

ด้านหลังเหลือเพียงเสียงต่อว่าของเซี่ยไห่

เมื่อเขากลับมาถึงบ้าน หลินเซี่ยก็เย็บเสื้อเชิ้ตของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เธอก็กำลังตัดเสื้อตัวใหม่ให้หู่จือ พรุ่งนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี หู่จื่อขออยู่ดูทีวีแล้วเข้านอนดึกกว่าทุกวัน

แน่นอน จุดประสงค์สำคัญคือรอให้พ่อซื้อของอร่อย ๆ กลับเข้ามา

เมื่อได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่หน้าประตู หู่จือก็ลุกขึ้นและวิ่งไปที่ประตูทันที

“พ่อกลับมาแล้วเหรอ?”

เฉินเจียเหอเปิดประตูแล้วแทรกตัวเข้าไป เมื่อเขาเห็นหู่จือก็ยิ้มให้แล้วถามว่า “ลูกยังไม่เข้าไปนอนอีกเหรอ?”

“แม่บอกว่าจะทำเสื้อตัวใหม่ให้ผมอีกแล้ว ผมอยากอยู่ลองเสื้อฮะ”

ดวงตาเล็ก ๆ ของหู่จือจ้องมองไปที่กระเป๋าผ้าในมือของเฉินเจียเหอ

จากนั้นก็เลียปากแล้วถามอย่างกระตือรือร้นว่า “พ่อ พ่อซื้อขนมอร่อยเข้ามาใช่ไหม? มีขนมหม่าล่าที่แม่บอกหรือเปล่า?”

“กินขนมหม่าล่ามากเกินไปเดี๋ยวก็ปวดท้องหรอก”

เฉินเจียเหอเดินไปหาภรรยาแล้วถามว่า “เสื้อผมเสร็จแล้วเหรอเนี่ย?”

“ของคุณเสร็จแล้วค่ะ” หลินเซี่ยส่งเสื้อเชิ้ตที่รีดเรียบร้อยแล้วให้เขา “ลองใส่เร็วเข้า”

หลินเซี่ยมองเขาแล้วถามว่า “คุณออกไปช้อปปิ้งที่ไหนมา? ทำไมไปนานจัง? ก่อนจะออกไปก็ดึกมากแล้ว อย่าบอกนะว่าแอบออกไปทำเรื่องอะไรไม่ดีมา”

“ผมบังเอิญเจอเซี่ยไห่ระหว่างทางน่ะสิ เขายืนกรานว่าจะลากผมกลับไปที่บ้านให้ได้ พวกเราก็เลยนั่งคุยกันสักพัก”

เฉินเจียเหอพยายามอธิบายอย่างจริงจัง

หลินเซี่ยพ่นลมหายใจ “พวกคุณสองคนนี่แยกจากกันไม่ออกจริง ๆ”

“มาสิ มาหาอะไรกินกันก่อน”

เมื่อเห็นขนมต่าง ๆ ที่เฉินเจียเหอหยิบออกมาจากถุง หลินเซี่ยก็อุทานว่า “ว้าว ขนมทั้งหมดที่คุณซื้อมาเป็นของแพงทั้งนั้นเลยนี่คะ

เฉินเจียเหอแกะฟลอยด์ห่อช็อกโกแลตออกให้เธอ แล้วป้อนเข้าปากของเธอ “ลองชิมดูสิ”

“ผมก็อยากชิมเหมือนกัน” หู่จื่ออ้าปากรอการป้อนขนม

“นี่” เฉินเจียเหอยัดช็อกโกแลตชิ้นหนึ่งให้ลูกชายของเขาด้วย

เฉินเจียเหอถอดเสื้อโค้ตและเสื้อสเวตเตอร์ออก ก่อนจะสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวที่หลินเซี่ยเพิ่งเย็บเสร็จ

หลังจากเขาสวมแล้ว เขาก็หันหลังกลับมาและขยับแขนให้เสื้อเข้าที่

“เสื้อพอดีตัวมากเลย”

หลินเซี่ยจัดแจงเสื้อผ้าให้เขานิดหน่อย พอใจกับผลงานของตัวเองมาก “คุณใส่อะไรแบบนี้แล้วหล่อมากเลย รอให้อากาศอุ่นขึ้นอีกหน่อย ค่อยเปลี่ยนมาสวมกางเกงยีนส์ แล้วยัดชายเสื้อไว้ด้านใน อวดหุ่นของตัวเองหน่อย”

แต่หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ส่ายหน้าอย่างไม่สบายใจ “คุณเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว ฉะนั้นอย่าแต่งตัวหล่อเกินไปดีกว่า ไม่งั้นถ้าคุณออกไปข้างนอกต้องดึงดูดผู้หญิงหน้าไม่อายมาทำให้ฉันปวดหัวอีกแน่”

เฉินเจียเหอ “…”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

สมมติฐานพี่เหอจะถูกหรือเปล่ามาดูกันต่อไปค่ะ

เอ็นดูสองหนุ่มจังเลยค่ะ คนหนึ่งก็พ่อบ้านใจกล้า อีกคนก็เด็กโข่ง

ไหหม่า(海馬)

—————————————–