ตอนที่ 172 รีเซ็ต (2)

“เข้าใจแล้ว”

หลินเยวียนไม่รู้ว่าหลังจากนี้ระบบจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง แต่จุดหนึ่งที่เขาแน่ใจก็คือ ขอบเขตของงานของตนในตอนนี้น่าจะเปลี่ยนไป อย่างไรซะนี่ก็เป็นระบบด้านศิลปะวัฒนธรรม การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะส่งผลให้เกิดแรงกระแทกต่ออุตสาหกรรมด้านศิลปะวัฒนธรรม อีกทั้งย่อมต้องบีบบังคับให้ตนเองเปลี่ยนแปลงเพื่อรับมือให้ได้ ซึ่งเขาก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ระดับหนึ่งแล้ว

……

และในตอนนั้นเอง

หลังจากที่ทั้งสองทวีปนี้ผนวกรวมกันและก่อให้เกิดคำวิพากษ์วิจารณ์จากประชาชน ในบริษัทย่อยอย่างสตาร์ไลท์มิวสิก กู้เฉียงอวิ้นถึงขั้นที่ไม่มีกะจิตกะใจจะรับออเดอร์อีกต่อไป ตอนนี้สิ่งที่พวกเขากังวลยิ่งกว่าก็คือทางบริษัทย่อยจะเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เรื่องนี้เป็นตัวตัดสินอนาคตของอาชีพของพวกเขาอย่างหนึ่ง

กู้เฉียงอวิ้นครุ่นคิด…

ออเดอร์นั้นเป็นเอกลักษณ์ของฉีโจว

ทว่าหลังจากนี้จะไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นฉินโจวหรือฉีโจว และรูปแบบของออเดอร์ย่อมไม่มีทางกลายเป็นกระแสหลักของตลาดอีกต่อไป แต่กลับเป็นตลาดดนตรีของทางฉินโจวเสียอีกที่จะกลายเป็นทิศทางของตลาดเพลงของทั้งสองทวีปในอนาคต อย่างไรเสียทางนั้นก็เป็นมาตุภูมิแห่งดนตรี ศักยภาพด้านดนตรีของฉีโจวสู้ทางนั้นไม่ได้ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วตลาดดนตรีของฉีโจวจะต้องเดินตามรูปแบบของทางนั้นมากกว่า

แล้วบริษัทย่อยจะทำอย่างไรล่ะ

กู้เฉียงอวิ้นไม่ได้มีวิสัยทัศน์มองกลยุทธ์ในอนาคตได้อย่างทะลุปรุโปรง คนส่วนมากเองก็ไม่ได้มีวิสัยทัศน์มองกลยุทธ์ในอนาคตได้อย่างทะลุปรุโปร่งขนาดนั้นหรอก เรื่องเดียวที่ทุกคนคาดการณ์ได้ก็คือ ทุกสายอาชีพทุกสายงานกำลังจะเผชิญกับการรีเซ็ตใหม่!

ในความจริงแล้ว

การรีเซ็ตในครั้งนี้ได้เริ่มต้นไปในระดับหนึ่งแล้ว เพราะบนโต๊ะทำงานของกู้เฉียงอวิ้นมีจดหมายลาออกเพิ่มขึ้นมาสิบสองฉบับ เห็นได้ชัดว่ามีคนเกิดความคิดใหม่ๆ อยากลองพยายามสักตั้งท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงในประวัติศาสตร์ครั้งนี้

เรื่องนี้เพิ่งจะเริ่มต้น

กู้เฉียงอวิ้นเชื่อว่าพนักงานที่ยังเหลืออยู่ในบริษัท ถ้าไม่ได้ยังนึกไม่ออกว่าตนจะทำอะไรได้บ้างในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ก็คงอยากรอสังเกตการณ์ที่บริษัทก่อน ถ้ารูปการณ์ชัดเจนขึ้นมาอีกสักหน่อยค่อยตัดสินใจ ทางที่ดีคือรอดูก่อนว่าทางสำนักงานใหญ่มีนโยบายตอบรับอย่างไรบ้าง

และด้านหลินเยวียนเอง

ขณะที่การเปลี่ยนระบบของบลูสตาร์ในเดือนธันวาคมมีการรุกคืบเข้ามา เขาก็รับรูู้ได้อย่างลึกซึ้งถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการหลอมรวมของตลาดทั้งสองฝั่ง เพราะจู่ๆ ทางคลังหนังสือซิลเวอร์บลูในฉินโจวก็ส่งข่าวอันน่าประหลาดใจให้แก่หลินเยวียน นั่นก็คือยอดขายนิยายของเขาก็พุ่งพรวดขึ้นมากะทันหัน!

‘บ้าไปแล้ว!’

แม้ว่าจะเป็นเป็นการพูดคุยผ่านอินเทอร์เน็ต หลินเยวียนเองก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกซึ่งแทบจะเรียกได้ว่าตื่นอกตกใจของบรรณาธิการหยางเฟิง ‘ไม่ใช่แค่เรื่องกระบี่เทพสังหารนะครับ นิยายของทางฉินโจวเราเอาไปขายที่ฉีโจวได้แล้ว โดนเฉพาะนิยายแฟนตาซีที่ได้รับความนิยมสูงมากในฉีโจว มีนิยายเกือบครึ่งที่ยอดขายระเบิดเป็นพลุแตก ได้ยินว่าไม่ใช่แค่สายนิยายอย่างพวกเรานะครับ หนังหลายเรื่องของทางฉีโจว ลำพังแค่หนังเก่า ยอดจ่ายเงินดูได้ถล่มทลายไปแล้ว ถ้าอาจารย์ฉู่ขวงว่างก็ลองไปเดินดูที่ร้านหนังสือในฉีโจว จะต้องเห็นนิยายของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูเราแน่นอนครับ!’

หลินเยวียนเคยบอกกับหยางเฟิงแล้ว

ว่าช่วงนี้เขาจะอยู่ที่ฉีโจว

หลินเยวียนถาม ‘หนังสือทุกเรื่องขายดีขึ้นมาเลยเหรอครับ’

ครั้งนี้หยางเฟิงตอบช้าอยู่สักหน่อย ‘ขอโทษนะครับ ทางบริษัทกำลังยุ่งเลย ที่จริงไม่ใช่นิยายทุกเรื่องจะยอดขายพุ่งหรอกครับ แค่นิยายแฟนตาซีของเราค่อนข้างได้เปรียบ เรื่องนี้น่าจะเป็นเพราะนิยายแฟนตาซีของฉีโจวไม่สนุกด้วยน่ะครับ’

นิยายแฟนตาซีของฉีโจวไม่สนุก

แต่เมื่อก่อนไม่ยอมให้คนของทวีปตัวเองอ่านนิยายของฉินโจว ต้องจ่ายเงินมหาศาลเพื่อนำเข้ามาถึงจะได้ ดังนั้นคนฉีโจวโดยส่วนมากจะอ่านได้แค่นิยายแฟนตาซีของฉีโจวเอง แต่ตอนนี้กำแพงระหว่างสองทวีปทลายลงแล้ว นิยายแฟนตาซีของฉินโจวก็ย่อมตีตลาดของทางนี้ได้ทันที

‘งั้นประเภทอื่นล่ะครับ’

‘นิยายแนวสืบสวนสอบสวนได้รับความนิยมมากในฉีโจว ดังนั้นอาจารย์ฉู่ขวงน่าจะพอเดาได้ ว่าช่วงนี้นิยายสืบสวนสอบสวนของคลังหนังสือซิลเวอร์บลูเราขายไม่ค่อยดีเลย นักอ่านที่ชื่นชอบนิยายสืบสวนสอบสวนตอนนี้แห่ไปอ่านนิยายสืบสวนสอบสวนของฉีโจวกันครับ บ.ก.บริหารเลยสั่งการให้ดึงตัวนักเขียนนิยายสืบสวนสอบสวนที่เก่งๆ ของฉีโจวมาให้ได้ แต่จะว่าไปแล้วตลาดนิยายของทั้งสองทวีปในตอนนี้ดีขึ้นมากเลยครับ’

หยางเฟิงพิมพ์มาแทบจะเป็นเรียงความ

หลินเยวียนเริ่มเห็นรูปการณ์ในตอนนี้แจ่มชัดขึ้น แน่นอนว่าทัศนะของเขานั้นไม่ใช่การมองจากมุมกว้างแต่อย่างใด เขาไม่ได้มีวิสัยทัศน์และความสามารถด้านกลยุทธ์ อันที่จริงมีสิ่งหนึ่งที่หลินเยวียนซึ่งเป็นคนธรรมดาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ออกจะชัดเจนเกินไปหน่อย นั่นก็คือ

จะรวยแล้ว!

เรื่องสุดท้ายที่หยางเฟิงเตือนหลินเยวียนคือ ‘ตอนนี้การติดต่อสื่อสารของทั้งสองไม่มีอุปสรรคแล้ว รวมไปถึงแพลตฟอร์มอย่างปู้ลั่วด้วยนะครับ เมื่อก่อนถึงแม้ฉีโจวจะใช้ปู้ลั่วได้ แต่ก็ไม่ใช่เวอร์ชันเต็ม ดังนั้นจึงใช้ได้ไม่ค่อยลื่นมือเท่าไหร่ คุณลองไปดูก็ได้ เดี๋ยวผมไปทำงานก่อนนะครับ’

‘ครับ’

หลินเยวียนตอบไปคำเดียว หลังจากนั้นก็กดเปิดแอปพลิเคชันปู้ลั่วในมือถือทันที และเขาก็พบว่าระบบในโทรศัพท์มือถือของตนต้องการการอัปเดต น่าจะเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้จริงๆ

เขาอัปเดตอยู่ครึ่งชั่วโมง

ครึ่งชั่วโมงให้หลังโทรศัพท์ถึงกลับไปใช้งานได้อย่างราบรื่น จากนั้นหลินเยวียนก็ล็อกอินเข้าระบบปู้ลั่ว ถึงได้พบว่าหน้าอินเทอร์เฟสของปู้ลั่วเหมือนกับที่ใช้ตอนอยู่ฉินโจวไม่มีผิดเพี้ยน ก่อนหน้านี้เขาใช้งานปู้ลั่วที่ฉีโจวได้ก็จริง แต่มีหลายฟังก์ชันที่ถูกปิดกั้น ประหนึ่งเป็นแพล็ตฟอร์มกระจอกๆ ที่ไม่มีคนใช้ คอมเมนต์บนโลกออนไลน์ก็เขียนไว้อย่างน่าสนใจดีเดียว

‘นี่คือบล็อกของฉินโจวเหรอ?’

‘ก่อนหน้านี้ฉันเคยโหลดปู้ลั่วมา แต่ที่ฉีโจวไม่ใช่เวอร์ชันเต็ม พอลองใช้ดูแล้วรู้สึกไม่ค่อยสะดวก แถมระบบกับเน็ตก็ค้างแบบเอาแน่เอานอนไม่ได้เลย แต่ตอนนี้ใช้แล้วรู้สึกว่าจริงๆ ก็ดีพอๆ กับบล็อกของที่ฉีโจวเลย’

‘ฟังก์ชันใกล้เคียงกันเลย’

‘ในฐานะคนฉินโจว ผมแค่อยากบอกว่าความรู้สึกที่ได้แชร์นั่นนี่กับเพื่อนที่ฉีโจวมันสุดยอดไปเลย ช่วงนี้ผมดูหนังของฉีโจวทั้งวัน หนังของฉินโจวเรายังพัฒนาไม่ไกลถึงขนาดนั้น โดยเฉพาะเรื่องจัสติสลีกนี่สุดยอดไปเลย’

‘ฮรุกก!’

‘คุณควรตามหนังใหม่มากกว่า จัสติสลีกเป็นหนังเมื่อสิบกว่าปีก่อนของฉีโจว แต่ก็คลาสสิกอยู่นะ ต่อไปผลงานของทั้งสองฝั่งก็ปล่อยพร้อมกันหมด ไม่ต้องมีข้อจำกัดเรื่องทวีปแล้ว’

‘แล้วไงอะ’

‘ช่วงนี้ผมฟังเพลงของฉินโจวตลอดเลย ดนตรีของฉินโจวเป็นเบอร์ต้นๆ ของบลูสตาร์ ถ้าเทียบกันโดยภาพรวมกับฉีโจวเราแล้ว ของเราเทียบไม่ติด เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเพลงในเพลย์ลิสต์ผมเป็นเพลงของฉินโจว!’

‘…’

การสนทนาของทั้งสองฝั่งนั้นคึกคัก ความเห็นค่อนไปทางรู้สึกเสียดายที่เรื่องนี้ไม่เกิดขึ้นให้เร็วกว่านี้ เมื่อมองจากมุมนี้แล้ว การผนวกรวมกันของทั้งสองทวีปนั้นเป็นการตัดสินใจที่ดี อย่างน้อยก็สำหรับคนทั่วไป เพราะอย่างไรแล้วก่อนหน้านี้ทั้งสองทวีปออกจะหวงของกันไปสักหน่อย ที่ลดทอนช่องทางการติดต่อสื่อสารกันถึงขนาดนี้

และในช่วงกลางเดือน

ทางสำนักงานใหญ่ก็เกิดการเคลื่อนไหวในที่สุด ทุกคนในบริษัทย่อยจะต้องไปประชุมที่ฉินโจว โดยทางสำนักงานใหญ่จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าเดินทาง ในตอนนี้หลินเยวียนพอจินตนาการได้แล้วว่าจะต้องมีนโยบายและการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

……………………………………………….