ตอนที่ 173 บรรยากาศมาคุ (1)

การเดินทางไปฉีโจวของหลินเยวียนกินเวลาไปไม่น้อย เรื่องนี้เกี่ยวกับเส้นทางการบินและประเภทของอากาศยานที่เขาเลือก หลังจากที่การคมนาคมรูปแบบใหม่ได้เปิดใช้งาน เมื่อหลินเยวียนถึงฉินโจวและดูเวลา ก็พบว่าตนใช้เวลาไปราวหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว

วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเปลี่ยนชีวิต

ว่ากันว่าการขนส่งระบบรางความเร็วสูงมีประสิทธิภาพสูงมาก หลินเยวียนจึงคิดว่าจะไปลองสัมผัสประสบการณ์สักหน่อย แต่เขามักรู้สึกว่าระบบรางความเร็วสูงนั้นเป็นรถไฟฟ้าใต้ดินรุ่นปรับปรุง ถ้าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีบนโลกรุดหน้าไปมากกว่านี้ ก็สามารถแตะถึงความเร็วที่ใกล้เคียงได้ เพราะอันที่จริงบนโลกก็สามารถสร้างการคมนาคมภาคพื้นดินที่มีความเร็วที่สูงมากได้สำเร็จแล้ว

เมื่อมาถึงสตาร์ไลท์มิวสิก

ยังคงเป็นสภาพแวดล้อมอันคุ้นเคย แต่ถึงอย่างนั้นหลินเยวียนก็ไม่จำเป็นต้องนำทางด้วยตนเอง เพราะทางบริษัทได้ส่งคนมาต้อนรับแล้ว หลินเยวียนและคนอื่นๆ ก็เดินตามเจ้าหน้าที่ต้อนรับมาถึงห้องประชุมอันว่างเปล่าสักห้องหนึ่งในบริษัท

หลังจากเข้ามาในห้องประชุม

กู้เฉียงอวิ้นและคนอื่นๆ ยังคงรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง พูดคุยกันแทบนับคำได้ ส่วนกู้ตงก็ขยับเข้ามาด้านหลังหลินเยวียนอย่างระแวดระวัง บางทีความผ่อนคลายของหลินเยวียนอาจทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความปลอดภัยก็ได้

“หลินเยวียน…”

ไม่นานเหล่าโจวก็มาถึง

หลินเยวียนลุกขึ้นยืนเอ่ยทักทาย

เหล่าโจวเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “กลับมาก็ดีแล้ว นายอาจไม่ต้องเป็นนักศึกษาแลกเปลี่ยนที่ฉีโจวแล้ว ฉันไปถามกับที่มหา’ลัยเพื่อยืนยันมาแล้ว เทอมหน้าจะไม่ได้ให้นักศึกษาไปแลกเปลี่ยน แต่เปลี่ยนเป็นรูปแบบอาจารย์แลกเปลี่ยนแทน”

หลินเยวียนนึกสงสัย “หมายความว่ายังไงครับ”

เหล่าโจวเอ่ยอธิบายอย่างขบขัน “ประมาณว่าอาจารย์ของนายไปสอนนักศึกษาที่ฉีโจว แล้วอาจารย์จากฉีโจวจะต้องมาสอนที่วิทยาลัยศิลปะฉินโจว ก็หมายความว่าการแลกเปลี่ยนของทั้งสองฝั่งจะเป็นรูปธรรมในวงกว้างมากขึ้น เพราะถึงยังไงต่อไปทั้งสองทวีปก็เป็นเหมือนครอบครัวกันจริงๆ แล้ว นักศึกษาทางฉีโจวจะได้ประเมินมหา’ลัยทางนี้ไปด้วย ทางเราเองก็จะได้ประเมินฝั่งนั้นด้วย”

หลินเยวียนพยักหน้า

เหล่าโจวยังมีงานต้องทำอีก อยู่ได้ไม่นานก็ต้องรีบไป ก่อนจะไปก็เอ่ยทักทายกู้เฉียงอวิ้นและคนอื่นๆ ด้วย ปรากฏว่าทันทีที่เหล่าโจวไป จ้าวเจวี๋ยก็มาอีก เธอเองก็มาหาหลินเยวียนเช่นเดียวกัน แต่เธอเสวนาพาทีน้อยกว่าเมื่อเทียบกับเหล่าโจว เพียงแค่พูดให้กำลังใจด้วยสีหน้ายิ้มแย้มไม่กี่ประโยค ส่วนมากก็เกี่ยวข้องกับความสำเร็จของหลินเยวียนในบริษัทย่อย

เมื่อจ้าวเจวี๋ยออกไป

กู้เฉียงอวิ้นและคนอื่นๆ ก็ผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แม้ว่ากู้เฉียงอวิ้นจะเป็นผู้จัดการบริษัทย่อย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับบุคคลระดับหัวหน้าของสำนักงานใหญ่ เขาเองก็รู้สึกประหวั่นพรั่นพรึง ถึงแม้เทียบจากตำแหน่งแล้วทุกคนจะไม่ได้ต่างกันมากก็เถอะ

ผ่านไปหลายนาที

ในที่สุดผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานใหญ่ก็มาถึง เป็นหัวหน้าผู้หญิงคนหนึ่ง หานซิ่วรองผู้จัดการสำนักงานใหญ่ นับว่าเป็นหนึ่งในบุคลากรที่มีอำนาจเป็นรองเพียงประธานกรรมการเท่านั้น หลินเยวียนไม่รู้จักอีกฝ่าย แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้จักหลินเยวียน

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านค่ะ”

หานซิ่วออกตัวยื่นมือออกมาพร้อมรอยยิ้มบาง

หลินเยวียนยื่นมือออกมาจับทักทายตามมารยาท

กู้เฉียงอวิ้นและคนอื่นๆ พลันรู้สึกปั่นป่วนอยู่ในใจ แรกเริ่มเดิมทีทุกคนมองเพียงว่าหลินเยวียนเป็นนักแต่งเพลงมือทองที่สำนักงานใหญ่ส่งมายังบริษัทย่อย และนักแต่งเพลงมือทองแบบหลินเยวียนนี้ ที่สำนักงานใหญ่คงจะมีถมเถไป ทว่าท่าทีของเหล่าโจว จ้าวเจวี๋ย รวมไปถึงรองผู้จัดการที่มีต่อหลินเยวียนกลับหักล้างความคิดในตอนแรกของพวกเขา

ตัวแทนหลินมีหน้ามีตาสุดๆ!

แบบนี้เรียกว่านักแต่งเพลงมือทองซะที่ไหนกันล่ะ!

เห็นชัดๆ ว่าเป็นอริยบุคคลของสำนักงานใหญ่!

กลับเป็นกู้ตงที่แข็งแกร่งกว่าอยู่สักหน่อย เพราะในความคิดของเธอในตอนแรก การที่หลินเยวียนมายังบริษัทย่อยไม่ได้เกี่ยวกับตำแหน่ง แต่เป็นเพราะตัวแทนหลินยังเป็นนักศึกษาล้วนๆ เขาจำเป็นต้องมาเรียนที่ฉีโจว สำนักงานใหญ่เลยให้เขามาประจำที่บริษัทย่อยด้วยซะเลย

คิดดูแล้วก็จริง

ด้วยความสามารถในการประพันธ์เพลงของตัวแทนหลิน จะเป็นบุคลากรตัวเล็กๆ ของสำนักงานใหญ่ได้อย่างไร ต่อให้เป็นนักแต่งเพลงมือทอง จะมีกี่คนกันที่สามารถทำออเดอร์มูลค่าสูงสำเร็จถึงสองชิ้นโดยอย่างไม่ลำบากลำบนอะไร?

ไม่ต้องเอ่ยถึงสิ่งที่ผู้คนคิด

หลังจากหานซิ่วจับมือกับหลินเยวียน ก็ตรงไปนั่งประจำตำแหน่งประธาน ตำแหน่งนี้อยู่ใกล้กับหลินเยวียนมากที่สุด “ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผลงานของบริษัทย่อยไม่เลวเลยนะคะ แต่เชื่อว่าทุกคนเข้าใจถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ต่อไปฉีโจวกับฉินโจวจะผนวกกันเป็นหนึ่งเดียว”

ทุกคนพยักหน้า

ผ่านมาหลายวันขนาดนี้ หลายคนย่อมประมวลผลเรื่องที่ทั้งสองทวีปจะผนวกรวมกันได้แล้ว เพียงแต่ทุกคนกังวลเรื่องอนาคต ดังนั้นจึงยังไม่ได้สัมผัสถึงความแตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้

“ดังนั้น…”

หานซิ่วเหลือบมองหลินเยวียน ยิ้มเอ่ย “ทางบริษัทหวังว่าเจ้าหน้าที่จากบริษัทย่อย หลังจากนี้จะมีคนจำนวนหนึ่งที่ทำงานอยู่ที่สำนักงานใหญ่ ถึงยังไงตอนนี้การปิดกั้นของทั้งสองทางก็หมดไปแล้ว แต่ทางนั้นก็ยังต้องติดต่ออยู่ จะเลือกกันยังไงพวกคุณก็ตกลงกันเองได้เลยค่ะ”

ผู้คนต่างคนต่างมองหน้ากัน

หานซิ่วกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “ทุกคนมีเวลามากพอให้คิด แต่พรุ่งนี้จะต้องให้คำตอบกับทางสำนักงานใหญ่ อีกเรื่องหนึ่งฉันอยากเตือนทุกคนสักหน่อย เพราะการคมนาคมพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การไปมาหาสู่กันระหว่างทั้งสองพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันนี้พวกคุณน่าจะใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงก็มาถึงสำนักงานใหญ่แล้ว ต่อไปก็จะเร็วกว่าเดิม เพราะทางจงโจวได้เริ่มพัฒนาการคมนาคมที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ยังไงซะหลังจากนี้ทวีปอื่นๆ ในบลูสตาร์ก็จะถูกผนวกรวมในแผนการนี้เหมือนกัน”

ทุกคนพยักหน้า

หานซิ่วมองหลินเยวียนอีกครั้ง “ต่อไปจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของทางสำนักงานใหญ่นะคะ อาจารย์เซี่ยนอวี๋ทำผลงานได้โดดเด่นในบริษัทย่อย ฉะนั้นสำนักงานใหญ่ตั้งใจว่าจะให้อาจารย์เซี่ยนอวี๋รับตำแหน่งตัวแทนของแผนกประพันธ์เพลงชั้นเก้า”

หลินเยวียนชะงักไป

ให้เขาเป็นหัวหน้า?

หานซิ่วมองออกว่าหลินเยวียนยังไม่กระจ่างดี จึงอธิบายอย่างใจเย็น “ฉันรู้ว่าปกติแล้วอาจารย์เซี่ยนอวี๋ต้องไปเรียน ดังนั้นตำแหน่งตัวแทนหลินจะแค่แขวนไว้ที่ชั้นเก้า เรื่องการบริหารส่งให้รองหัวหน้ารับผิดชอบก็พอแล้วค่ะ แต่แน่นอนว่าอำนาจสูงสุดในการจัดการของชั้นนี้ยังเป็นของตัวแทนหลินอยู่ดี”

หลินเยวียนอยากปฏิเสธ

แต่คำพูดต่อมาของหานซิ่วนั้นทำให้ความคิดของหลินเยวียนอันตรธานไปทันที “เงินเดือนพื้นฐานของตัวแทนหลินคือเดือนละหนึ่งหมื่นหยวน ถ้านักแต่งเพลงในการดูแลมีผลงานปล่อยออกมา ตัวแทนหลินจะได้รับโบนัสด้วย รายละเอียดสัญญาจะร่างอีกทีอาทิตย์หน้า ตัวแทนหลินมีความเห็นอะไรไหมคะ”

“ไม่มีครับ”

หลินเยวียนตอบโดยไม่ลังเล

หลินเยวียนพยักหน้า “หลังจากนี้นักประพันธ์เพลงของแต่ละชั้นจะมีการปรับเปลี่ยนใหม่ นอกจากตัวแทนหลินแล้ว นักประพันธ์เพลงระดับสูงหลายท่านของบริษัทอย่างหยางจงหมิงจะรับตำแหน่งหัวหน้าของชั้นอื่นเหมือนกัน ถ้านับกันจากตำแหน่ง ตอนนี้พวกคุณอยู่ในระดับเดียวกันแล้ว พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือตัวแทนของชั้นอื่นๆ จะเป็นบุคลากรระดับพ่อเพลงทั้งหมด มีแค่ตัวแทนหลินซึ่งรับหน้าที่ดูแลทั้งชั้นโดยที่เขานั้นไม่ได้อยู่ในสถานะพ่อเพลง!”

ครืนๆ เปรี้ยง!

ประหนึ่งเสียงอัสนีบาตดังกัมปนาท กู้เฉียงอวิ้นและพนักงานบริษัทย่อยคนอื่นๆ ตะลึงงันอ้าปากค้าง ชั้นอื่นๆ มีพ่อเพลงเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ชั้นเก้ากลับรับผิดชอบโดยตัวแทนหลิน นี่เท่ากับว่าสำนักงานใหญ่จับตัวแทนหลินไว้ในตำแหน่งเทียบเท่ากับพ่อเพลง!

หลินเยวียนพยักหน้าเบาๆ

เมื่อเผชิญกับการตัดสินใจอย่างง่ายดายเช่นนี้จากเบื้องบน อย่าว่าแต่กู้เฉียงอวิ้นกับคนอื่นๆ เลย แม้แต่หานซิ่วเองก็รู้สึกแปลก บริษัทให้คุณไปอยู่ในระดับเดียวกับพ่อเพลง แต่คุณยังเงียบกริบขนาดนี้ เงียบจนชวนให้คิดว่าทุกสิ่งควรจะเป็นแบบนี้แต่แรกแล้ว

ต้องเข้าใจก่อน…

ที่บริษัทตัดสินใจอย่างใจกล้าบ้าบิ่นแบบนี้ได้ ก็เพราะเห็นศักยภาพอันไม่สิ้นสุดในตัวหลินเยวียน เพราะหลังจากนี้บริษัทจากทางฉีโจวจะเข้ามาเป็นจำนวนมาก เมื่อถึงตอนนั้นนักแต่งเพลงมือทองซึ่งมีศักยภาพไม่สิ้นสุดอย่างหลินเยวียนก็จะกลายเป็นเป้าหมายที่ทุกคนอยากคว้าตัว!

เพื่อที่จะปกป้องบุคลากรล้ำค่าไว้

บริษัทจึงได้ตัดสินใจเช่นนี้

แต่ถ้าหากวัดกันจากความสำเร็จและคุณสมบัติแล้ว หลินเยวียนก็ยังเทียบกับพ่อเพลงเหล่านั้นไม่ได้จริงๆ เพราะฉะนั้นเมื่อมีคนเสนอการตัดสินใจนี้ขึ้นมา ก็เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในหมู่บุคลากรระดับสูง ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นเหล่าโจวที่พูดขึ้นมาประโยคหนึ่งว่า

“อนาคตสดใสอย่างแน่นอน!”

…………………………………………….