บทที่ 166 งดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

เจ้า​งู​ตัว​ยาว​กระโจน​ขึ้น​สู่​ฟากฟ้า​ ​และ​ใน​ชั่วพริบตา​ ​มัน​ก็​กลายร่าง​เป็น​งูเหลือม​ขนาด​มหึมา​ ​โพรง​ปาก​กระหายเลือด​ของ​นัก​ล่า​พุ่ง​ดิ่ง​ลงมา​จาก​ข้างบน​!

การ​โจมตี​เช่นนั้น​รวดเร็ว​เป็น​อย่างยิ่ง​ ​พลัง​ของ​มัน​รุนแรง​เสีย​จน​แทบจะ​สามารถ​ส่ง​เหยื่อ​ของ​ตน​ลงนรก​ได้​ทันที​!

อย่า​ว่าแต่​ผู้ฝึก​ปราณ​ธาตุ​ดิน​เลย​ ​ต่อให้​เป็น​ผู้​ที่​มีพลัง​ปราณ​อยู่​ใน​ระดับ​ธาตุทอง​ ​หาก​ต้อง​เผชิญหน้า​กับ​งูเหลือม​ตัว​ใหญ่​ยักษ์​เช่นนี้​ก็​คง​หนี​ไม่​พ้น​!

ศีรษะ​ของ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ผลุบ​หาย​เข้าไป​ใน​ปากขอ​งงู​เหลือม​ยักษ์​ ​อีกทั้ง​ยัง​ดูเหมือน​กับ​ว่า​เขี้ยว​ของ​อสรพิษ​ตัว​นั้น​กำลังจะ​ฉีก​ศีรษะ​ของ​เขา​ออกจาก​กัน​!

ใน​วินาที​ที่​ทุกคน​ต่าง​ก็​กำลัง​หวาดกลัว​กัน​สุดขีด​นั้น​ ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋​ยก​ลับ​ค่อยๆ​ ​ลืมตา​ขึ้น​ ​นัยน์ตา​ที่​เดิมที​เคย​เป็น​สีดำ​สนิท​กลับ​คล้าย​จะ​มีแสง​สีทอง​บริสุทธิ์​ปกคลุม​อีก​ชั้น​ ​เขามอง​ตรง​เข้าไป​ใน​ดวงตา​ของ​งูเหลือม​ยักษ์​ตัว​นั้น​!

พื้น​หินอ่อน​ใต้เท้า​ไม่​อาจ​ต้านทาน​พละกำลัง​อัน​รุนแรง​มหาศาล​นี้​ได้​ ​พวก​มัน​จึง​แตก​ออกจาก​กัน​ทีละ​ชิ้น​!

ในที่สุด​เขี้ยว​ของ​งูเหลือม​ยักษ์​ก็​บดบัง​ตัว​เขา​จน​มิด​ ​แล้ว​กลืน​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋​ยลง​ท้อง​ไป​ไม่​เหลือ​ซาก​!

หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​ยก​ยิ้ม​อย่าง​พอใจ​ ​แต่​…​ ​ใน​วินาที​ถัดมา​ ​ดวงตา​ที่​มักจะ​ฉายแวว​ดูถูก​ใครต่อใคร​อยู่​เสมอ​ของ​เขา​ก็​พลัน​สั่น​ไหว​อย่างรุนแรง

เพราะ​นึกไม่ถึง​ว่า​ ​ร่าง​ที่​หมอบ​คุดคู้​อยู่​ใน​ซากปรักหักพัง​ที่​เต็มไปด้วย​ฝุ่น​นั้น​กลับ​ไม่ใช่​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ ​แต่​เป็น​อาวุธ​ที่​เขา​แสน​จะ​ภาคภูมิใจ​ต่างหาก​!

เป็นไปได้​อย่างไร​!

ชาย​คน​นั้น​ทำ​อะไร​ลง​ไป​!

เงียบ​ ​เงียบกริบ​!

ผู้ชม​ต่าง​ตกตะลึง​ ​ปาก​ที่​พวกเขา​อ้า​ค้าง​ไว้​มี​ขนาดใหญ่​กว่า​ไข่ไก่​เสียอีก​ ​สีหน้า​ของ​พวกเขา​นั้น​ยิ่งกว่า​คำ​ว่า​เหลือเชื่อ​ ​หลัง​ผ่าน​ไป​ได้​ครู่หนึ่ง​ ​พวกเขา​จึง​พากัน​สูด​ลมหายใจ​เข้า​ปอด​อย่างรวดเร็ว​ราวกับ​กังหันลม​ ​ก่อน​จะ​ถอนหายใจ​ออกมา

ทุกคน​ตกใจ​กับ​เหตุการณ์​ที่เกิด​ขึ้น​ตรงหน้า​ ​ความประหลาดใจ​ที่​ไม่เคย​มีมาก​่อน​แล่น​ขึ้นไป​ใน​ดวงตา​ของ​พวกเขา​!

งูเหลือม​ยักษ์​ที่​แต่เดิมนั้น​เปี่ยม​ไป​ด้วย​ความโหดร้าย​ป่าเถื่อน​ ​บัดนี้​กลับ​สูญเสีย​ความดุร้าย​ไป​จน​หมดสิ้น​ ​มัน​คู้​ตัว​เหมือน​ยอมแพ้​ ​และ​กลับคืน​สู่​ร่าง​ของ​งู​ตัวเล็ก​ ​พร้อมกับ​เลื้อย​ถอยหลัง​ไป​เรื่อยๆ​ ​คล้าย​กำลัง​ร้องขอ​ความเมตตา

แต่​ชายหนุ่ม​กลับ​ไม่สน​ใจ​สิ่งใด​ทั้งสิ้น​ ​เขา​ทำ​เพียง​สาวเท้า​ไป​ข้างหน้า​อย่าง​เชื่องช้า​ ​เสื้อคลุม​สีดำ​ทาบ​ทับ​เงา​ร่าง​สูงสง่า​ ​เสื้อ​ขนสัตว์​สีขาว​สะบัด​พลิ้ว​ ​ร่าง​นั้น​คล้าย​กับ​มีกลิ่น​อาย​แห่ง​ความตาย​อัน​เย็นยะเยือก​แผ่ออก​มา

สีหน้า​ของ​เขา​ยังคง​เย็นชา​ไม่แยแส​เช่นเคย​ ​ความ​ชั่วร้าย​ที่​มุม​ปากของ​เขา​ผสมผสาน​กับ​ความสง่างาม​เยือกเย็น​นั้น​ ​ราวกับว่า​การ​เกิด​และ​ดับ​ของ​โลก​มนุษย์​เป็น​แค่​การกะ​พริบตา​สำหรับ​เขา​เท่านั้น

ร่าง​ของ​เจ้า​งู​หาย​ไป​ ​เหลือ​ไว้​เพียง​ส่วนหนึ่ง​ของ​อาวุธ​ที่อยู่​ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​เขา

หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​ถือ​เศษเหล็ก​ใน​มือ​ของ​ตน​ขึ้น​อย่าง​ยากลำบาก​ ​และ​คล้าย​กับ​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ ​แต่​แล้ว​เขา​ก็​พบ​ว่า​มือ​ข้าง​ขวา​ของ​เขา​ไม่​สามารถ​ยกขึ้น​ได้​!

ตุ้บ​…​ ​รองเท้า​สีดำ​เหยียบย่าง​ลง​บน​พื้นดิน

ในที่สุด​หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​ก็​ตระหนัก​ได้​ว่า​อีก​ฝ่าย​ไม่​เพียงแค่​ทำลาย​อาวุธ​สุดรัก​สุด​หวง​ของ​ตน​เท่านั้น​ ​แต่​สิ่ง​ที่​น่ากลัว​ยิ่งกว่านั้น​คือ​การ​ที่​มือขวา​ของ​เขา​ไม่​สามารถ​ขยับเขยื้อน​ได้​เลย​!

เป็นไปได้​หรือไม่​ว่า​เขา​ก็​เป็น​คน​ของ​สี่​ตระกูล​ใหญ่​!

เป็นไปไม่ได้​!

เขา​เคย​เห็น​หน้า​คนใน​สี่​ตระกูล​ใหญ่​มา​แล้ว​ทุกคน​ ​ใน​จำนวน​นั้น​มี​แค่​มู่​หรง​ฉาง​เฟิง​เพียงผู้เดียว​ที่​มีฝีมือ​สูงส่ง​กว่า​เขา

ยิ่งกว่านั้น​ ​คนที​่​อยู่​ตรงหน้า​นี้​ไม่เคย​ปรากฏตัว​ขึ้น​ที่​การประชุม​ของ​สี่​ตระกูล​ใหญ่​มาก​่อน​!

เช่นนั้น​เขา​เป็น​ใคร​กัน​!

ใน​จักรวรรดิ​จ้าน​หลง​แห่ง​นี้​ ​มี​คนที​่​แข็งแกร่ง​ยิ่งกว่า​สี่​ตระกูล​ใหญ่​ของ​พวกเขา​ด้วย​หรือ​!

“​น่ารังเกียจ​นัก​!​”​ ​หยวน​หลิง​เซ​วี​ยน​คำราม​เสียงดัง​ลั่น​อย่าง​โกรธ​เกรี้ยว​ราวกับ​ต้องการ​สำรอก​ความ​ตระหนก​ใน​ใจ​ของ​ตน​ออกมา​ ​น้ำเสียง​ใน​ตอนท้าย​ของ​เขา​สั่นเทา​อย่าง​ไม่​อาจ​ปิดบัง​ได้​ ​ทันใดนั้น​กลิ่นคาว​เลือด​ก็​พุ่ง​ขึ้น​มาจาก​ลำคอ​ของ​เขา​ ​ตามมา​ด้วย​เลือด​ที่​ทะลัก​ออกมา​จาก​มุม​ปาก​ ​เขา​ไม่​อาจ​ประคองตัว​เอง​ได้​อีกต่อไป​ ​เพราะ​ถูก​พลัง​ปราณ​อัน​ไม่​สามารถ​ระบุ​ได้​สาย​หนึ่ง​พุ่ง​เข้า​ปะทะ​ร่าง​จาก​บน​เวที​!

ร่าง​ทั้ง​ร่าง​ของ​เขา​ลอย​ละลิ่ว​ไป​ทาง​อาจารย์​ไป๋​ ​และ​ผล​การ​ประลอง​ก็​ถูก​ตัดสิน​เป็น​ที่​แน่ชัด​แล้ว​!

อาจารย์​ไป๋​คิด​จะ​ยื่นมือ​ของ​ตน​ออก​ไป​ประคอง​เขา​โดยสัญชาตญาณ​ ​แต่​ทันใดนั้น​ฝ่ามือ​ของ​เขา​ก็​ถึงกับ​ชาวาบ​ ​ความ​ตกตะลึง​อัน​เหนือกว่า​คำอธิบาย​ใดๆ​ ​ปะทุ​ขึ้น​บน​ใบหน้า​ของ​เขา

นี่​มัน​…​ ​พลัง​ปราณ​ตกค้าง

พลัง​ปราณ​ตกค้าง​ที่​แม้แต่​เขา​ก็​ยัง​ไม่​สามารถ​ขจัด​ไป​ได้​!

เป็นไปได้​อย่างไร​!

ทุกคน​ตก​อยู่​ใน​ความโกลาหล​!

พวกเขา​ผุด​ลุกขึ้น​ยืน​แทบ​ทุกคน​!

รวมถึง​อาจารย์​ตู๋​เทียน​ที่นั่ง​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ผู้ตัดสิน​ด้วย​เช่นกัน​!

“​อัจฉริยะ​ ​นี่​มัน​อัจฉริยะ​ชัดๆ​!​ ​พวก​เจ้า​เห็น​หรือเปล่า​!​”

เหล่า​ลูกศิษย์​ที่​กลั้นหายใจ​เอาไว้​เมื่อ​ครู่​ไม่​สามารถ​ควบคุม​อารมณ์​ที่​ก่อตัว​อยู่​ภายใน​ได้​อีกต่อไป​ ​ทันใดนั้น​ทั่วทั้ง​สนาม​ก็​พลัน​ตก​อยู่​ใน​ความตื่นเต้น​อัน​ยาก​จะ​อธิบาย​ได้

เป็น​เพราะ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ไม่เคย​เข้า​รับ​การทด​สอบ​พลัง​ปราณ​มาก​่อน​ ​การ​ตอบสนอง​จาก​คนดู​ที่​พากั​นอ​้า​ปาก​ค้าง​ด้วย​ความ​ตกตะลึง​เช่นนี้​จึง​เพิ่งจะ​เกิดขึ้น​ใน​วันนี้​นี่เอง​!

บรรดา​ผู้คน​ที่​เคย​สงสัย​ใน​ความสามารถ​ของ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋​ยก​่อ​นการ​แข่งขัน​นั้น​ ​มาต​อนนี​้​กลับ​พบ​ว่า​ตน​กำลัง​ตัวสั่น​สะท้าน​ ​เลือด​ของ​พวกเขา​ร้อน​จน​เดือด​พล่าน

เป็น​อย่างที่​อาจารย์​ตู๋​เทียน​กล่าว​ ​คน​คน​นี้​ต้อง​เป็น​อัจฉริยะ​อย่างแน่นอน​!

สีหน้า​ของ​คนใน​หอ​ชั้นเลิศ​และ​หอ​ชั้นเยี่ยม​ดู​ไม่น่า​มอง​ยิ่งนัก​ ​ใบหน้า​ของ​พวกเขา​กลายเป็น​สีม่วง​คล้ำ​ราวกับ​ถูก​ตบหน้า​ใน​ที่สาธารณะ​เข้า​อย่าง​จัง

แต่​หอ​ชั้นดี​กลับ​ปรบมือให้​อย่างต่อเนื่อง​ ​เพราะ​ตั้งแต่​ตอนที่​พวกเขา​ถูก​หอ​สามัญ​เอาชนะ​ไป​ได้​ใน​รอบ​แรก​ ​พวกเขา​ก็​กล่าวว่า​จากนี้​เป็นต้นไป​พวกเขา​จะ​ขอ​ติดตาม​หอ​สามัญ​ ​มิหนำซ้ำ​ยัง​มี​ศิษย์​บางคน​ที่หวัง​จะ​ตีซี้​กับ​พวกเขา​วิ่ง​มาถา​มห​นาน​กง​เลี่ย​อีกด้วย​ว่า​เขา​คิด​ที่จะ​รับน้อง​ชาย​หรือเปล่า​!

หนา​นกง​เลี่ย​เป่า​ผม​ของ​ตัวเอง​ ​แล้ว​กำลังจะ​เอ่ย​ปฏิเสธ

แต่​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​กลับ​ยิ้ม​ออกมา​เล็กน้อย​ ​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​มา​เพียง​หนึ่ง​คำ​ว่า​ ​”​รับ​”

ตู๋​ซู​เฟิง​นั่ง​ฟัง​เสียง​รอบตัว​ที่​ดัง​เซ็งแซ่​ราวกับ​คลื่น​ซัดสาด​นั้น​ ​พลาง​ยก​ชา​ขึ้น​จิบ​เล็กน้อย​ด้วย​ท่วงท่า​อัน​งดงาม​ ​แต่​ดวงตา​ของ​เขา​กลับ​สว่าง​วาบ​ขึ้น​เล็กน้อย

นี่​คือ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย

เทพ​ผู้​ไร้​พ่าย​ใน​ยาม​นั้น

เขา​สูญเสีย​พลัง​ปราณ​ของ​ตน​ไป​หลาย​ปี​ ​และ​ขัง​ตัวเอง​อยู่​แต่​ใน​วัง​ ​โดย​ไม่เคย​คิด​ที่จะ​ขยับ​นิ้ว​เลย​แม้แต่​ครั้ง​เดียว​จน​ทุกคน​ต่าง​ก็​หลงลืม​ไป​แล้ว​ว่า​เวลา​ที่​เขา​เคลื่อนไหว​นั้น​มัน​น่าสะพรึงกลัว​เพียงใด​!

ร่าง​ของ​ใครคนหนึ่ง​มองดู​ภาพ​นี้​อยู่​ไกล​ออก​ไป​ ​กระดาษ​ที่อยู่​ใน​มือ​ถูก​ฉีก​เป็น​ชิ้นๆ​ ​ก่อน​ร่วงหล่น​ลง​สู่​พื้น​ ​รูม่านตา​ของ​เขา​หดตัว​เข้าหา​กัน​ ​จากนั้น​จึง​ขยาย​ออก​อยู่​อย่างนั้น​หลายครั้ง​ใน​ระหว่าง​ที่​เขา​เอ่ย​ว่า​ ​”​ผู้อาวุโส​ห้วน​ ​นี่​มัน​..​ ​นี่​มัน​!​”

สวรรค์​ ​จักรวรรดิ​จ้าน​หลง​มี​อัจฉริยะ​เช่นนี้​อยู่​ด้วย​หรือ

ทำไม​เขา​ถึง​ไม่ได้​อยู่​ใน​หน่วย​พิฆาต​วิญญาณ​ของ​พวกเขา​กัน​!

ว่า​กัน​ด้วย​เหตุผล​แล้ว​ ​คน​ระดับ​นี้​เป็นไปไม่ได้​ที่จะ​ถูก​มองข้าม​เลย​ด้วยซ้ำ​!

ห้วน​หมิง​เสียง​ลูบ​เครา​ขาว​เป็นประกาย​ของ​ตน​ ​ชาย​เสื้อ​ยาว​ของ​เขา​ลอย​อยู่​ใน​อากาศ​ราวกับ​เทพ​เซียน​ ​”​แล้ว​ทีนี้​เจ้า​ยัง​รู้สึก​ว่า​คน​จาก​หอ​สามัญ​ไม่มี​คุณสมบัติ​มาก​พอที่​จะ​แทนที่​บรรดา​ศิษย์​จาก​หอ​ชั้นเลิศ​ ​และ​เข้า​หน่วย​พิฆาต​วิญญาณ​ได้​อยู่​หรือเปล่า​”

ร่าง​นั้น​ราวกับ​สำลัก​คำพูด​ของ​ห้วน​หมิง​เสียง​ ​แล้วจึง​ถอนหายใจ​ออกมา​เฮือก​ใหญ่​ ​แต่​เขา​ก็​ยังคง​ชี้แจง​ด้วย​เหตุผล​อย่าง​รอบคอบ​ว่า​ ​”​เรื่อง​นี้​แค่​แสดงให้เห็น​ว่า​เขา​สามารถ​เข้า​หน่วย​ได้​ ​แต่​ข้า​ยัง​ไม่เห็น​ความสามารถ​ของ​คนอื่นๆ​”

“​เช่นนั้น​ก็​ดู​ต่อไป​เสีย​”​ ​ห้วน​หมิง​เสียง​ยืน​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​เดิม​อย่างสงบ​ ​แต่​หัวใจ​ของ​เขา​กลับ​เต็มไปด้วย​ความ​หวั่นวิตก​ ​หาก​เด็กสาว​คน​นั้น​ลง​แข่ง​ใน​สาขา​พลัง​ปราณ​ ​เขา​ก็​คง​ไม่ต้อง​กังวล​เลย​แม้แต่น้อย​ ​แต่​การ​สร้าง​อาวุธ​…​ ​ย่อม​ไม่ใช่​สิ่ง​ที่​คนธรรมดา​จะ​สามารถ​ทำเป็นเล่น​ไป​ได้​ ​โดยเฉพาะ​หลังจาก​จบ​การ​ประลอง​ใน​รอบ​นี้​ ​ก็​มี​ความเป็นไปได้​สูง​ทีเดียว​ที่​หอ​ชั้นเลิศ​จะ​เปลี่ยนตัว​ผู้เข้าแข่งขัน​ ​หาก​เป็น​เช่นนั้น​ ​คนที​่​นาง​จะ​ต้อง​ประมือ​ด้วย​ย่อม​เป็น​มู่​หรง​ฉาง​เฟิง

ถ้า​ตัด​คุณชาย​อู๋​ซวง​จาก​ตระกูล​ผู้สร้าง​อาวุธ​อัน​เลื่องชื่อ​ออก​ไป​แล้ว​

เท่าที่​พวกเขา​เคย​พบ​มา​ ​ก็​มี​เพียง​มู่​หรง​ฉาง​เฟิ​งค​นนี​้​เท่านั้น​ที่​นับว่า​เป็น​อัจฉริยะ​ที่สุด​ใน​ด้าน​การ​สร้าง​อาวุธ

ชัดเจน​อยู่​แล้ว​ว่า​เขา​แข็งแกร่ง​เพียงใด

ยิ่งกว่านั้น​ ​เขา​ยัง​เป็น​ถึง​ศิษย์​คน​แรก​ของ​อาจารย์​ตู๋​เทียน​อีกด้วย

ห้วน​หมิง​เสียง​แทบจะ​เดา​ได้​เลย​ว่าการ​ประลอง​ใน​รอบ​นี้​อาจจะ​จบ​ลง​ด้วย​การ​โดน​ถล่ม​อยู่​ฝ่าย​เดียว

แต่​ตัว​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​เอง​กลับ​ไม่รู้​สึก​กังวล​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​ท่าทาง​ใน​ตอนที่​นาง​เดิน​ตรง​เข้าไป​หา​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋​ยนั​้น​สง่างาม​ยิ่งกว่า​ที่​เคย​ ​ประหนึ่งว่า​นาง​กำลัง​เดินเล่น​อยู่​ใน​สวน​หลัง​จวน​ก็​ไม่​ปาน​ ​จนกระทั่ง​นาง​มา​หยุด​ยืน​อยู่​ตรง​ใบหน้า​เย็นชา​ดุจ​น้ำแข็ง​ของ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ ​พร้อมกับ​ชู​ฝ่ามือ​อันว่าง​เปล่า​ขึ้น​สูง​…

ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋​ยก​ระ​ตุก​ริมฝีปาก​บาง​ของ​ตน​ขึ้น​เช่นกัน​ ​จากนั้น​จึง​ยกมือ​ข้าง​ซ้าย​ขึ้น​เล็กน้อย

เพี​๊​ยะ​!

เสียง​ฝ่ามือ​กระทบ​กัน​ดัง​ขึ้น​อย่างสวยงาม

ร่าง​ของ​คน​สอง​คน​แผ่​กลิ่นอาย​แห่ง​ความ​เกียจคร้าน​แบบ​เดียวกัน​ออกมา​ ​และ​ใน​เสี้ยว​วินาที​นั้น​ ​ทุกคน​แทบจะ​รู้สึก​ว่า​สอง​คน​นี้​ดู​เหมาะสม​ที่จะ​ยืน​เคียงข้าง​กัน​ยิ่งนัก

“​ดีมาก​ ​รีบ​เปลี่ยน​ที่​กับ​ข้า​เร็ว​ ​ถึงตา​ข้า​ขึ้น​เวที​แล้ว​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​พับ​แขน​เสื้อ​ขึ้น​ ​สีหน้า​ยิ้มแย้ม​ของ​นาง​แฝง​ไป​ด้วย​ความ​ชั่วร้าย​…