ช่วงนี้รองเจิ้งขยันทำงานเป็นพิเศษจนแทบจะกินนอนอยู่ที่กั๋วจื่อเจียน
ในเมื่อเขาได้เป็นผู้แทนจี้จิ่วแล้ว และอีกไม่นานก็จะได้ขึ้นเป็นจี้จิ่วตัวจริงเสียงจริง
ตั้งแต่เขาถูกเซียวลิ่วหลังดูถูกไว้ว่าหมิงฮุยถังไม่ใช่ที่ของเขา นับแต่นั้นมารองเจิ้งก็เอาแต่ทำตัวเกาะแกะราชครูจวง และขอให้พูดถึงเขาในแง่ดีต่อหน้าฝ่าบาท จนในที่สุด เขาก็ได้มานั่งประจำโต๊ะด้านหน้าหมิงฮุยถังเสียที
แต่กระนั้น เขายังเข้าไปด้านในไม่ได้ ต้องรอให้เขาได้ตำแหน่งจี้จิ่วก่อน จึงจะสามารถเข้าไปได้
“รอก่อนเถอะ สักวันหนึ่ง ข้าจะเข้าไปนั่งทำงานในนั้น!” รองเจิ้งหยุดยืนอยู่หน้าประตูหมิงฮุยถัง แววตาเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว หาอะไรกินสักหน่อยดีกว่า
เขาต้องการให้ใครสักคนนำอาหารมา แต่ไม่มีที่กินในห้องโถงด้านนอก มีแต่ในห้องโถงด้านในเท่านั้น
เขาจึงเดินออกมาด้านนอก
ผู้ติดตามของเขาที่ยืนอยู่หน้าประตูเอ่ยถามขึ้น “นายท่านหิวแล้วหรือขอรับ จะกลับไปทานข้าวที่ห้องรองผู้อำนวยการหรือไม่ขอรับ เดี๋ยวข้าน้อยจะได้ให้คนไปเตรียมให้”
ตั้งแต่ที่เขาย้ายมาอยู่หน้าหมิงฮุยถัง รองเจิ้งก็แทบไม่อยากกลับไปที่ห้องทำงานเก่าของเขา เพราะรู้สึกว่าที่นั่นไม่เหมาะกับตำแหน่งปัจจุบันของเขา
รองเจิ้งโบกมือปัด “ช่างเถอะ เดี๋ยวข้าออกไปกินข้างนอกเอง”
เดินออกไปข้างนอกบ้าง เผื่อจะกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาบ้าง
ใกล้ถึงปีใหม่แล้ว ยังมีเอกสารมากมายที่เขายังทำไม่เสร็จ
เขาช่างเป็นคนขยันเสียจริง!
รองเจิ้งเดินออกมาจากกั๋วจื่อเจียนพลางนึกชื่นชมตัวเองในใจ
ขณะเดียวกัน กู้เจียวที่ปีนกำแพงเข้ามาทางหมิงฮุยถังก็พบกับความว่างเปล่า
นางไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาอีกไหม ขณะที่กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะอยู่รอเขาหรือไม่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงเหมือนลมหายใจของคนดังขึ้น
มีคนอยู่ที่นี่งั้นรึ!
หรือว่าจะเป็นรองเจิ้ง
เขาซ่อนตัวอยู่รึ
กู้เจียวในชุดดำจึงใช้มือข้างหนึ่งยันโต๊ะไว้กระโดดข้ามออกไป และคว้าร่างปริศนาออกมาจากหลังเสา
สรุปแล้วเขาคือ
“เจ้าเองรึ” กู้เจียวที่กำลังง้างหมัดจะต่อยคนตรงหน้าถึงกับชะงักกลางอากาศ
“เจ้ามาที่ทำไม ดึกขนาดนี้แล้วทำไมไม่กลับเรือน”
“แล้วเจ้ามาทำอะไรที่นี่กันเล่า” เซียวลิ่วหลังเอ่ยถามกลับ
กู้เจียวไม่ตอบเขา
และยิ่งไปกว่านั้น ทั้งเขาและนางต่างสวมชุดดำกันทั้งคู่
ความคิดแวบแรกที่เข้ามาในหัวพวกเขาคือ ไปแอบซื้อชุดดำมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!
เสื้อผ้าของนางส่วนใหญ่เป็นชุดสีเขียวสดใส ในขณะที่เขาเป็นเครื่องแบบสีขาวของกั๋วจื่อเจียน หรือไม่ก็ชุดสีน้ำเงินที่เขาชอบใส่
สรุปคือ ทั้งสองคนไม่เคยใส่เสื้อสีซ้ำกันเลยสักครั้ง
กู้เจียวนึกในใจ ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะต้องมาใส่ชุดคู่ในที่แบบนี้!
กู้เจียวทำหน้าเคร่งขรึม “ข้าถามเจ้าก่อน ดังนั้นเจ้าต้องตอบข้ามาก่อน”
“ข้ามาพบใครบางคน เลยแวะมาหยิบของด้วย” เซียวลิ่วหลังตอบหน้านิ่ง
“บังเอิญจริง ข้าก็เหมือนกัน”
ใครจะเชื่อคำพูดคนที่เพิ่งกลับมาจากเรียนแล้วแอบภรรยาออกมาห้องทำงานของอาจารย์อย่างเขา
เชอะ ใครจะเชื่อคำพูดของเด็กสาวที่แอบย่องเข้ามาในกั๋วจื่อเจียนกันเล่า
ทั้งสองจ้องตากัน ต่างคนต่างพยายามกุเรื่องมาหลอกคนตรงหน้า
เซียวลิ่วหลังกำลังจะอ้าปากเถียงกลับ แต่ทันใดนั้น
“มีคนมา!” กู้เจียวรีบเอามือปิดปากเขา
ฝ่ามือเล็กอันอ่อนนุ่มของนางทำเขาหายใจไม่ออก
เขาพยายามเอามือตบที่หัวไหล่นาง
“ชู่ว” กู้เจียวยกนิ้วชี้ขึ้นแนบปากเพื่อบอกให้เขาหยุดพูด
เซียวลิ่วหลังยกนิ้วแล้วชี้ไปที่มือของนางที่กำลังป้องปากของเขา
เจ้าปิดปากข้าก็พอแล้ว ทำไมต้องปิดจมูกเข้าด้วย
เขาหายใจไม่ออก!
“ออ ข้าขอโทษ” กู้เจียวเอามือออก
กู้เจียววางแผนไว้ว่า หากรองเจิ้งเดินเข้ามา นางจะกดจุดสลบเซียวลิ่วหลังก่อนแล้วค่อยเล่นงานรองเจิ้ง เสร็จแล้วค่อยแบกร่างเซียวลิ่วหลังกลับเรือน
แต่คนที่เดินมาไม่ใช่รองเจิ้ง
เป็นรองหลี่
รองผู้อำนวยการหลี่ ยศเล็กกว่ารองผู้อำนวยการเจิ้ง
แต่รองหลี่เป็นขุนนางที่ดีและตั้งใจทำงาน
เซียวลิ่วหลังไม่ทำร้ายเขา
กู้เจียวเองก็ไม่อยากทำร้ายคนที่อยู่นอกเหนือบัญชีดำ
ทั้งคู่เงียบเสียงหายใจลงพร้อมๆ กัน
“นายท่าน นี่ก็ดึกมากแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ดีกว่าขอรับ”
“ได้อย่างไร ข้ามีเรื่องด่วนต้องรายงานเขา ให้รอถึงพรุ่งนี้เกรงว่าจะไม่ทันการ ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเจ้าจะรับผิดชอบไหม”
ผู้ติดตามทั้งสองที่ยืนหน้าประตู พอได้ยินรองหลี่พูดเช่นนั้น พวกเขาเลยไม่กล้าขัด และให้เขาเดินเข้าไปด้านในหมิงฮุยถัง
หมิงฮุยถังมีคนคุ้มกันอยู่ตลอด ที่กู้เจียวเข้ามาได้เพราะชาติที่แล้วนางเคยเป็นสายลับมาก่อน แต่เซียวลิ่วหลังเข้ามาได้อย่างไรกัน
กู้เจียวมองเขาด้วยสายตาประหลาด
เซียวลิ่วหลังพยายามหลบสายตาของนาง
รองหลี่เดินเข้ามาถึงบริเวณด้านนอกของหมิงฮุยถัง “พวกเจ้าไปยืนเฝ้าตรงสุดทางเดินเถอะ พยายามอย่าปล่อยให้คนอื่นเข้ามา ข้าจะนั่งรอเขาที่นี่ละ”
ด้วยความที่รองหลี่เป็นคนวางตัวดีน่าเชื่อถือมาโดยตลอด ผู้ติดตามทั้งสองเดินออกไปตามที่เขาสั่งอย่างไม่ลังเล
ทีแรกเซียวลิ่วหลังกับกู้เจียวนึกว่าเขามาหารองเจิ้ง ใครจะไปนึกเล่าว่าพอผู้ติดตามที่เฝ้าประตูเพิ่งจะเดินออกไป รองหลี่ก็เริ่มทำท่าควานหาอะไรบางอย่าง
ห้องทำงานตรงนี้ จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ แต่ก็จะว่าไปก็ไม่เล็กเช่นกัน
รองหลี่ทำตัวมีพิรุธและเริ่มควานหาของอย่างรวดเร็ว
กู้เจียวไม่เข้าใจการกระทำของเขา
แต่ดูเหมือนเซียวลิ่วหลังจะเดาอะไรบางอย่างออก
ระหว่างที่รองหลี่กำลังหาอยู่นั้น ก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าชั้นวางหนังสือแถวที่สาม
ถัดจากชั้นวางหนังสือด้านขวามือก็เป็นเสาที่ทั้งสองคนยืนหลบอยู่
ทั้งคู่กลั้นหายใจ พยายามดันตัวเองไปด้านหลัง
ซึ่งด้านหลังพวกเขาคือกำแพง พวกเขายืนหันหน้าชนกันระยะใกล้จนแทบจะประสานร่างกันอยู่แล้ว
ต้นเสากว้างแค่ศอกเดียวเท่านั้น และในตอนนั้นเองที่เซียวลิ่วหลังได้รู้ว่ากู้เจียวตัวโตขึ้น
แต่ด้วยความที่ตัวเขาเองก็ตัวสูงขึ้นเหมือนกัน จุดสำคัญเลยไม่ได้อยู่ที่ส่วนสูง แต่เป็นทรวดทรงของนาง…
เซียวลิ่วหลังพยายามกันตัวเองไม่ให้โดนในจุดที่ไม่ควรโดน
กู้เจียวเองก็พยายามแนบตัวให้ชิดกับกำแพงมากยิ่งขึ้น
“ไม่มีหรือ เป็นไปได้อย่างไร…” รองหลี่เดินเข้ามาใกล้บริเวณต้นเสาเรื่อยๆ
ทันใดนั้นเสื้อของเซียวลิ่วหลังเกิดโผล่ออกมานอกต้นเสา
กู้เจียวยื่นมือออกไป พยายามจะโอบร่างของเขา แต่เซียวลิ่วหลังไวกว่า เขาประคองเอวบางของกู้เจียวแล้วสลับตำแหน่งให้ตัวเองไปยืนแนบกับกำแพงแทน
เขาโอบร่างเล็กของนางไว้ในอ้อมอก
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาถึงเนื้อถึงตัวนางขนาดนี้
แม้แต่กู้เจียวเองก็คาดไม่ถึงว่าเขาจะทำเช่นนี้
แผ่นอกของเขาทั้งอุ่นและเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ
นี่นอกจากจะแอบซื้อเสื้อดำโดยไม่บอกไม่กล่าว ยังแอบไปเล่นกล้ามมาอีกด้วย!
แผ่นอกของเขาทั้งใหญ่และแน่น ขณะที่ร่างของนางมีแต่ความอ่อนนุ่ม
เซียวลิ่วหลังเริ่มหน้าแดง