บทที่ 151.2 เอาคืน (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

หลังจากนั้น

รองหลี่บ่นอุบอิบ “ไม่น่านะ นี่เขาเอาข้อสอบไปซ่อนไว้ที่ไหนกัน”

และในตอนนั้นเองที่รองหลี่กำลังจะเดินมาที่เสาต้นนั้น จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากห้องโถง

รองหลี่มือไม้สั่นรีบยัดกระดาษต่างๆ เก็บเข้าที่เดิม แล้วรีบเดินออกไปด้านหน้า จัดแจงชุดของตน ทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

รองเจิ้งกลับมาพอดี เขาเปรยตามองรองหลี่หนึ่งทีก่อนเอ่ยถาม “มีเรื่องด่วนรึ”

“พรุ่งนี้ชั้นเรียนไชว่ซิ่งมีคาบยิงธนู ข้าได้ยินมาว่าที่สำนักบัณฑิตหญิงมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นในคาบยิงธนูเช่นกัน ข้าเลยจะมาปรึกษาท่านว่ายกเลิกวิชายิงธนูไปชั่วคราวก่อนดีไหม”

“นี่น่ะหรือเรื่องด่วนของเจ้า” รองเจิ้งเลิกคิ้วถาม “จะยกเลิกก็ยกเลิกไป เรื่องเล็กน้อยพวกนี้เจ้าตัดสินใจเองก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องมาถามข้า!”

“ขอรับ!” รองหลี่ยกมือคำนับ

“มีเรื่องอื่นอีกไหม” รองเจิ้งถาม

“ไม่มีแล้วขอรับ เช่นนั้น ข้าน้อยขอลา” รองหลี่ทอดสายตาไปทางชั้นวางหนังสือที่ยังควานหาไม่เสร็จ

เป็นรองผู้อำนวยการเหมือนกัน แม้จะต่างกันเล็กน้อย แต่รองหลี่ไม่จำเป็นต้องเรียกตัวเองว่าข้าน้อย

สงสัยอาจเป็นเพราะรองเจิ้งได้เป็นตัวแทนจี้จิ่วแล้ว

รองเจิ้งพอใจกับคำว่าข้าน้อยของเขามาก เลยอารมณ์ดีขึ้น “เอาละ นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้าเองก็ต้องกลับแล้ว เดินออกไปด้วยกันเถอะ”

“เชิญท่านก่อน” รองหลี่เอ่ยตามมารยาท

พวกเขาทั้งสองเดินออกไปจากหมิงฮุยถัง

กู้เจียวเดาออกแล้วว่าเหตุใดรองหลี่ถึงมาตามหาข้อสอบ เพราะเขาเองก็สงสัยเหมือนกันว่าคะแนนข้อสอบมีพิรุธ

รองหลี่ช่างเป็นคนดีจริงๆ

ไม่ควรลากเขาเข้าไปเอี่ยว

กู้เจียวตัดสินใจแล้วว่าค่อยมาเล่นงานรองเจิ้งวันหลัง

ทั้งสองยังอยู่ในท่าเดิมไม่ขยับ

เซียวลิ่วหลังใจเต้นแรง ส่วนกู้เจียวได้แต่ชมความงดงามบนใบหน้าของเขา ไม่ได้มีอาการใจเต้นอะไรทั้งนั้น

ก็เขาน่ามองนี่นา นางอยากมองเขาให้เต็มอิ่ม ไม่เห็นจะน่าอายตรงไหน!

“คือว่า…” เซียวลิ่วหลังกระแอม

กู้เจียวผู้รู้งานก็ก้าวถอยออกมา

พอท่านรองทั้งสองออกไป ตะเกียงไฟหมิงฮุยถังก็พลันดับลง มีเพียงแค่แสงจันทร์จากข้างนอกสาดส่องลงมาบนใบหน้าของเซียวลิ่วหลัง

เซียวลิ่วหลังทำตัวไม่ถูก

“เอาน่า ปฏิกิริยาทั่วไปของผู้ชาย เจ้าไม่ต้องเขินหรอก” กู้เจียวเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

เซียวลิ่วหลังถึงกับไปไม่ถูก

ขอบคุณนะ ไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นเท่าไหร่เลย

“เจ้าเองก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว กลับถึงเรือนก็ไปสงบสติอารมณ์เสียเถอะ” กู้เจียวเอ่ย

เซียวลิ่วหลังถึงกับสะอึก!

ช่วยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจะได้ไหม!

กู้เจียวเดินมาหยุดอยู่ที่ภาพวาดภาพหนึ่ง จากนั้นยื่นมือเลื่อนรูปภาพออก ก็พบกับช่องเก็บของลับ ในนั้นมีม้วนกระดาษอยู่หนึ่งชุด ซึ่งปรากฏว่าเป็นข้อสอบของเซียวลิ่วหลังที่รองหลี่ตามหาอยู่

กู้เจียวเอ่ย “ว่าแล้วว่าต้องอยู่ที่นี่!”

เซียวลิ่วหลังถาม “เจ้ารู้ได้อย่างไร”

เมื่อครู่ตอนที่พวกเขายืนหลบอยู่ กู้เจียวแอบยื่นหัวออกมาสอดแนมเหตุการณ์ในห้องโถง

ตอนที่รองเจิ้งเดินเข้ามาด้านใน สายตาของเขาจับจ้องไปที่ภาพวาดนั้นเป็นอย่างแรก

กู้เจียวเลยเดาว่าภาพนี้จะต้องมีอะไรซ่อนอยู่แน่ๆ

“เจ้ามาตามหาข้อสอบนี้ใช่ไหม” กู้เจียวเอ่ยถาม

“ยังเหลืออีกอย่าง” เซียวลิ่วหลังเอ่ยพร้อมกับเดินมาตรงบริเวณชั้นวางหนังสือแถวสุดท้าย จากนั้นใช้มือดันออก ปรากฏห้องลับด้านหลังชั้นวางหนังสือ เซียวลิ่วหลังเดินเข้าไปข้างใน จากนั้นเดินออกมาพร้อมกับสมุดเล่มหนึ่ง

“อะไรหรือ” กู้เจียวถามเขา

เซียวลิ่วหลังยื่นสมุดให้นางอ่าน

พออ่านจบ กู้เจียวยิ้มมุมปาก นึกในใจ ร้ายไม่เบาเลยนะ

“ไปเถอะ” เซียวลิ่วหลังเอ่ย

กู้เจียวกะว่าจะปีนออกทางหน้าต่าง แต่เหลือบไปเห็นเซียวลิ่วหลังเปิดประตูลับอีกบาน ซึ่งเป็นทางลับที่สามารถออกไปทางด้านนอกกั๋วจื่อเจียนได้

กู้เจียวทำท่าตะลึง ที่นี่มีทางลับด้วยหรือเนี่ย แล้วเขารู้ได้อย่างไร

แม้กู้เจียวจะไม่ได้ตะบันหน้ารองเจิ้ง แต่พวกเขาได้หลักฐานที่จะมัดตัวเขาไว้อยู่หมัด เท่านี้ก็ดีพอแล้ว

ทั้งสองกลับมาถึงที่เรือน ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ก่อนเซียวลิ่วหลังจะแอบออกมา เขาอุ้มจิ้งคงให้ไปนอนที่ห้องกู้เหยี่ยน และตอนนี้เขาก็กำลังอุ้มจิ้งคงกลับมาที่ห้องตัวเองดังเดิม

เซียวลิ่วหลังรีบอาบน้ำสวมชุดนอน พอออกมากำลังจะไปเทน้ำ ก็เจอกับกู้เจียวพอดี

กู้เจียวอุทาน “เร็วจัง”

กะอีแค่อาบน้ำ จะไม่ให้เร็วได้ยังไงเล่า

สักพักเขาก็ระลึกได้ว่าที่นางอุทานว่าเร็วนั้นไม่ใช่เรื่องอาบน้ำแต่อย่างใด!

ในวันถัดมา มีเรื่องใหญ่สองเรื่องเกิดขึ้นที่กั๋วจื่อเจียน

เรื่องแรก กระดาษคำตอบของเซียวลิ่วหลังถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ

ทุกคนที่ได้เห็นคำตอบของเขาล้วนสงสัยว่าเหตุใดถึงได้ที่โหล่ของห้อง

รองเจิ้งเป็นผู้ตรวจคำตอบ เห็นได้ชัดว่าเขาจงใจกลั่นแกล้งเซียวลิ่วหลัง

เรื่องที่สอง คือสมุดบัญชีของรองเจิ้งถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ใจความอยู่ที่รายการเดินบัญชีนั้นเป็นเงินที่เขาแอบร่วมมือลับๆ กับคนอื่นในการหาผลประโยชน์ใส่ตน

บัณฑิตของกั๋วจื่อเจียนส่วนใหญ่เป็นลูกท่านหลานเธอจากตระกูลดัง เบื้องหลังเรื่องนี้เกี่ยวพันกับผู้มีอิทธิพลจำนวนมาก มีทั้งคนที่ออกมาปกป้องรองเจิ้ง แต่ก็มีคนตัดหางปล่อยวัดเขาเช่นกัน

เรื่องนี้แพร่ไปถึงหูฮ่องเต้

ฝ่าบาททรงพิโรธอย่างหนัก สั่งเรียกรองเจิ้งมาที่ราชสำนัก และตำหนิเขาอย่างดุเดือด

ราชครูจวงเองก็อยู่ในเหตุการณ์

รองเจิ้งเป็นคนของราชครูจวง แน่นอนว่าเขาต้องพูดปกป้องรองเจิ้ง แต่ด้วยความที่หลักฐานมัดแน่น เลยไม่ใช่เรื่อง่ายที่จะพูดแก้ต่างให้เขา

พอเดินออกมาจากวัง ราชครูจวงรีบถามทันที “เกิดอะไรขึ้น ข้าให้เจ้าทำลายมันไปแล้วนี่ ทำไมยังเก็บไว้อยู่ล่ะ”

รองเจิ้งทำหน้าเจื่อน “ข้า…ข้าคงทำมันหายระหว่างทาง คงมีคน…บังเอิญเก็บได้กระมัง…”

“แล้วเหตุใดถึงได้ถูกเปิดโปงเอาตอนนี้เล่า ไหนเจ้าลองนึกดูว่าเจ้าไปล่วงเกินใครไว้”

“ไม่มีเสียหน่อย ก็แค่…”

“ก็แค่อะไร”

จู่ๆ รองเจิ้งก็นึกเรื่องเซียวลิ่วหลังขึ้นมา “…แต่เขาเป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง อย่าเรียกว่าล่วงเกินเลยดีกว่า!”

หากฝ่ายตรงข้ามมียศสูงกว่าตน ถึงจะใช้คำว่าล่วงเกินได้

คนตัวเล็กๆ อย่างเซียวลิ่วหลัง ต้องใช้คำว่ากลั่นแกล้งจึงจะถูกต้อง!

รองเจิ้งเริ่มหน้าถอดสี “หรือว่าจะเป็นเขา”

“เด็กบ้านนอกตัวเล็กคนหนึ่งไม่น่าจะทำเรื่องแบบนี้ได้นะ ลองนึกดูสิว่า ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ ผู้ใดกันที่ประสงค์จะสกัดดาวรุ่งเจ้า มิให้เจ้าขึ้นตำแหน่งจี้จิ่ว”

รองเจิ้งทำหน้าตะลึง “ใคร…อย่างนั้นรึ”

ราชครูจวงเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนสุด ก่อนจะหันหน้าไปทางจวนเซวียนผิงโหว แล้วแสยะยิ้มออกมา “บนโลกนี้ จะมีใครอีกที่กล้าเป็นปรปักษ์กับข้า นอกจากเขาคนนั้น”