บทที่ 157 ไปเป็นทหาร
บทที่ 157 ไปเป็นทหาร

ซูเสี่ยวเหลียงกับซูเสี่ยวซานผ่านการสอบประวัติ และกำลังจะไปเป็นทหาร

“เร็วเข้า ทางชุมชนใหญ่บอกว่าวันมะรืนนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้าแล้ว พวกเธอต้องเตรียมให้พร้อมเพื่อร่วมส่งอย่างมีความสุขที่สุดนะ!” ซูฉางจิ่วทำให้พวกเจ้าหน้าที่ในหงซินยุ่งกันทันที

“รับทราบค่ะหัวหน้า ฉันรับประกันให้ได้เลยว่าจะคึกคักที่สุด” เหยาซิ่วหงผู้ดูแลฝ่ายสตรีรีบตอบ “ฉันจะระดมกำลังพวกผู้หญิงในชุมชนมาค่ะ”

ซูโส่วเวินกล่าวในทันที “ผมจะแจ้งให้ทางโรงเรียนทราบ แล้วให้พวกนักเรียนตั้งกลุ่มเอากลองหลัวกู่ออกมาตีให้ดัง เพื่อส่งพวกเขาไปเป็นทหารอย่างมีความสุขที่สุด”

ซูฉางจิ่วพยักหน้า “เรื่องนี้ต้องรีบจัดการนะ ฉันขอดูหน่อยมีอะไรต้องทำอีก”

คนหลายคนที่แยกกันทำงานได้มาทำงานร่วมกัน ส่วนหัวหน้าซูก็ไปแจ้งให้กับทั้งสองครอบครัวทราบ

พอซูเสี่ยงเหลียงรู้ข่าวว่าตัวเองได้เป็นทหาร น้ำตาแห่งความตื้นตันใจไหลออกมา ณ ตรงนั้น

คนหนุ่มสาวในยุคนี้ มักมีความฝันเป็นทหาร

การได้เป็นทหารถือเป็นเกียรติมาก แม้จะไม่เป็นเกียรติเป็นศรีแก่บรรพบุรุษ แต่ก็ถือเป็นเกียรติของทหาร

เสี่ยวเหลียงอยากเป็นทหารมาตั้งแต่อายุสิบขวบ

ปีก่อนก็ได้ยื่นสมัครไป แต่เพราะอายุยังไม่ถึงเลยไม่ได้เป็น

การเกณฑ์ทหารเริ่มขึ้นในปีนี้ และเขาอยากจะไปเป็นทหาร แต่กังวลว่าเพราะเรื่องของพ่อที่เกี่ยวโยงมาถึงเขา จะทำให้ไม่ผ่านการสอบประวัติ

ด้วยเหตุนี้ เสี่ยวเหลียงจึงนอนแกร่วอยู่บ้านหลังวัน ไร้เรี่ยวแรงใด ๆ

ต่อมาซูเถาฮวาทนไม่ได้อีกต่อไป จึงทำได้แค่ไปบ้านซูเท่านั้น

แม้ว่าปัญหาของหลี่ฉางหมิงจะไม่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาทางการเมือง

และหลังจากที่เฉินจื่ออันจัดการให้แล้ว เขาก็แก้ปัญหาที่เกี่ยวโยงมาถึงซูเสี่ยวเหลียงได้

“หัวหน้าซู มันประกาศแล้วจริง ๆ หรือครับ ผมได้เป็นทหารใช่ไหมครับ?” หลังจากที่ซูเสี่ยวเหลียงตื่นเต้น ก็จำได้ว่าตัวเองได้ทำผิดไปหรือเปล่า

ถึงอย่างไรก็มีสี่ห้าคนในชุมชนที่สมัครเป็นทหาร

“จริงสิ ฉันถามไปหลายครั้งแล้ว ทั้งเธอกับเสี่ยวซานได้ไปเป็นทหาร”

ดวงตาของซูฉางจิ่วเต็มไปด้วยความยินดี

เขาเองก็เฝ้าดูเสี่ยวเหลียงเติบโต เด็กคนนี้เป็นเด็กดี ซ้ำยังได้เป็นทหารด้วย จะต้องมีชีวิตมีอนาคตที่ดีแน่นอน

“ขอบคุณมากครับหัวหน้า ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ!” ซูเสี่ยวเหลียงรีบพูดขอบคุณ และแสดงความรู้สึกขอบคุณออกมา

“ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย เธอควรไปบ้านน้าหม่านซานของเธอนะ ไปขอบคุณพวกเขาเถอะ!” ซูฉางจิ่วแนะนำเด็กหนุ่ม

ที่จัดการเรื่องนี้ได้อย่างราบรื่นเป็นเพราะเฉินจื่ออัน แต่ด้วยความรีบร้อนแล้ว เขาไม่สามารถไปถึงอำเภอเพื่อกล่าวขอบคุณได้ จึงทำได้แต่ไปบ้านซูเพื่อแสดงความของคุณแทน

ซูเสี่ยวเหลียงได้ยินดังนั้นก็ตอบทันที “เข้าใจแล้วครับ ไว้รออีกพักค่อยไปหาพวกเขานะ!”

เด็กหนุ่มหยุดไปครู่หนึ่ง ความตื่นเต้นบนใบหน้าก็ลดลงไปมาก

“หัวหน้า ผมจะไปแล้ว แต่ที่บ้านมีแค่น้องสาวกับเสี่ยวกังสองคนเอง ผมกลัวว่าพวกเขาจะดูแลแม่ไม่ได้ ในอนาคตอาจรบกวนคุณช่วยดูแลแม่ อย่าให้เธอโดนคนอื่น…”

คำพูดของซูเสี่ยวเหลียงเขาเข้าใจดี ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยหย่าจะโดนคนอื่นดูถูกอย่างไร

เสี่ยวเหลียงกังวลว่าหลังจากที่เจ้าตัวไปแล้ว คนในชุมชนจะรังแกแม่กับพวกน้อง ๆ และไม่มีใครเลี้ยงดู

“เสี่ยวเหลียงไม่ต้องกังวลไปนะ สมาชิกหงซินเป็นคนซื่อสัตย์ เกือบหนึ่งปีที่พวกเขาไม่ได้พูดอะไร จะต้องไม่มีพูดอีกในอนาคตแน่นอน!”

ซูฉางจิ่วเป็นประกันให้ แต่อันที่จริงเสี่ยวเหลียงไม่เชื่อเลย

เขาได้ยินคำซุบซิบนินทา แต่เพราะไม่มีคำพูดรุนแรงจึงแสร้งเป็นไม่รู้

แต่หลังจากนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว ครอบครัวเราไม่มีผู้ชายแล้ว เรื่องจึงไม่ง่ายอย่างที่พูด

พอซูเถาฮวาเข้ามา บังเอิญได้ยินบทสนทนาระหว่างสองคนนี้พอดี

เธอได้ยิน แต่ไม่อยากให้ลูกชายไม่สบายใจจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

“หัวหน้า ทำไมถึงมาที่นี่ล่ะคะ?” ซูเถาฮวาถาม

“มีเรื่องดีน่ะ เสี่ยงเหลียงจะได้เป็นทหารแล้ว ผมเลยมาแจ้งให้ทราบน่ะ” ซูฉางจิ่วยิ้มอย่างมีความสุข

“ขอบคุณหัวหน้าซูมากค่ะ ดีเหลือเกิน ขอบคุณที่ดูแลเสี่ยวเหลียงของเรานะคะถึงได้มีโอกาสแบบนี้” ผู้เป็นแม่ยิ้มแล้วขอบคุณ

“เถาฮวา คุณเป็นคนฉลาด ผมคุยกับเสี่ยวเหลียงแล้ว พวกคุณลองปรึกษากันเถอะ!”

ว่าจบก็พูดอีกว่าตัวเองต้องไปบ้านซูเสี่ยวซาน ก่อนจะจากไป

“แม่ครับ ผมได้เป็นทหารแล้ว ในที่สุดก็ได้เป็นแล้ว!” ซูเสี่ยวเหลียงจับมือผู้เป็นแม่ เขามีความสุขมาก ๆ

พอมองลูกชายที่มีท่าทางเช่นนั้น เธอกลับไม่สบายใจ

แต่ลูกชายดีใจมาก จึงไม่สามารถแสดงความเหงาออกมาได้

คืนนั้นเธอนั่งอยู่บนเตียงเตาตลอดทั้งคืน นอนไม่หลับเลยแม้แต่น้อย

ลูกชายโตแล้วและกำลังไปเกณฑ์ทหาร ส่วนลูกชายคนเล็กยังเด็กเกินกว่าจะทำอะไรได้ จากนี้ไป เรื่องในบ้านยังต้องพึ่งพาตัวเองคอยเลี้ยงดู

ข้างกายมีคนให้พึ่งพาน้อยลงทุกที พอวันหนึ่งลูก ๆ จากไป เธอจะทำอย่างไร?

ซูเถาฮวาไม่เคยคิดเรื่องนี้เลยตั้งแต่หย่า แต่ตอนนี้ต้องขบคิดแล้ว

เธอเคยคิดว่าถึงลูกจะโตก็ยังมีสามีที่อยู่เป็นเพื่อน แต่ตอนนี้เธอจะอยู่อย่างไร?

เธอแข็งแกร่งมาตลอดชีวิต แต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังความแข็งแกร่ง เธอก็เป็นผู้หญิงที่อ่อนแอเช่นกัน

เช้าวันรุ่งขึ้น

พอซูเถาฮฉวาลุกขึ้น เสี่ยวเหลียงก็อยู่ในลานบ้านแล้ว

เขากำลังถือถังเดินไปตักน้ำ

“ลูกวางไว้เถอะ แม่มาแล้ว” ซูเถาฮวารีบเอาหาบลงจากไหล่ลูกชาย

“แม่ ให้ผมทำเถอะ พรุ่งนี้ก็ไม่อยู่บ้านแล้ว ไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไรด้วย”

ซูเถาฮวาอดกลั้นความรู้สึกเศร้าใจแทบไม่ไหว น้ำตาเกือบจะไหลออกมา

“แม่ก็ไม่ได้แก่เกินกว่าจะแบกน้ำเสียหน่อย” ซูเถาฮวาหมุนตัวกลับมาแล้วปาดน้ำตาออกจากหางตา

“แม่ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ เรื่องอะไรที่เสี่ยวกังทำได้ก็ให้เขาทำ เด็กผู้ชายต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง”

ก่อนหน้านี้เคยคิดจะไปเกณฑ์ทหาร แต่พอจะไปจริง ๆ ก็เป็นห่วงครอบครัวทุกอย่าง

เขารู้ว่าเมื่อคืนแม่ไม่ได้นอนเลย อันที่จริงเขาเองก็นอนไม่หลับ!

“แม่รู้ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ แม่ไม่ได้อ่อนแออย่างที่ลูกคิดหรอก!” ซูเถาฮวายิ้ม “ยังมีน้องสาวอีกไม่ใช่หรือไง ตอนนี้น้องสาวก็ทำงานในฟาร์มแล้ว ถึงจะไม่เหมือนคนงานในอำเภอ แต่ก็ช่วยแม่ได้นิดหน่อย ลูกต่างหาก ไปแล้วต้องฝึกให้ดีเพื่อพรรคและประเทศชาติ แล้วก็ปกป้องตัวเองให้ดีนะ”

พูดเรื่องนี้ก็รู้สึกว่ามีอีกหลายเรื่องให้พูด แต่ทำได้แค่เตือนสติเท่านั้น

“เข้าใจแล้วครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ถ้าผมไปเมื่อไรจะทำหน้าที่ให้ดีให้แม่ได้ภูมิใจ และไม่ให้คนอื่นหัวเราะเยาะว่ามีลูกชายไร้ค่า!”

“เด็กคนนี้นี่ พรุ่งนี้จะไปแล้วอยากอะไรไหม? แม่จะทำให้ไป!” ซูเถาฮวาไม่อยากพูดเรื่องหนักใจอีกแล้ว

ซูเสี่ยวเหลียงยิ้ม “แม่ครับ คืนนี้ทำแป้งข้าวโพดทอดให้หน่อยครับ ผมจะเอาไปกินระหว่างทาง ไม่มีอย่างอื่นที่อยากกินแล้วครับ”