บทที่ 184 พลังมังกรทลายสวรรค์

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 184 พลังมังกรทลายสวรรค์

บทที่ 184 พลังมังกรทลายสวรรค์

ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ที่ขอบฟ้าอันไกลลิบ ลำแสงสายหนึ่งสาดส่องมา ตกกระทบบนปฐพี เฉิงไท่ผู้หลับตาทำสมาธิอยู่ก็ลืมตาขึ้น

อาจารย์ที่เหลือปรี่เข้ามา พวกเขายืนเอามือไพล่หลัง สายตาจับจ้องไปที่เจ้าสำนัก

ไม่ไกลกันนั้น พลังวิญญาณเหนือยอดเขาหอกยังคงพรั่งพรูอย่างบ้าคลั่ง ราวกับหุบเหวไร้ก้นบึ้งที่พยายามกลืนกินพลังวิญญาณมหาศาลทั้งหมดเข้าไป

หลังจากผ่านไปหนึ่งถ้วยชา เฉิงไท่ยังคงยืนตัวตรง สายตาจับจ้องไปด้านหน้า แต่กลับไม่คิดลงมือแม้แต่นิดเดียว

บรรพชนดาบซุนอวิ๋นถิงไม่อาจทนได้อีกต่อไป หลานชายของเขากับศิษย์จำนวนมากจากสำนักกำลังจะทะลวงในอีกไม่กี่วันต่อมา

ตอนนี้ทั่วทั้งแดนมัชฌิมไม่มีพลังวิญญาณเหลืออยู่ หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป การเลื่อนขั้นของพวกเขาอาจจะล่าช้า จนถึงขั้นสูญเสียโอกาสไป

คนอื่นจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่ถ้าหลานชายเสียโอกาสครั้งใหญ่เพราะเรื่องนี้ ซุนอวิ๋นถิงย่อมอยากให้ลู่หยวนชดใช้แน่นอน!

ผ่านไปหลายอึดใจ บรรพชนดาบก้าวมาข้างหน้า กล่าวว่า “เจ้าสำนัก นี่ก็รุ่งสางแล้ว ถึงเวลาที่ท่านต้องลงมือแล้วละ!”

เฉิงไท่กำมือที่อยู่ด้านหลังแน่น พร้อมสีหน้าลึกล้ำราวกับผิวน้ำ ทุกคนต่างรับรู้อารมณ์ของอีกฝ่ายในตอนนี้

เขาอยากรออีกสักหน่อย ด้วยรู้ว่าไม่เพียงแค่ลู่หยวนที่อยู่ในยอดเขาหอกเท่านั้น แต่ยังมีไป๋ชิวเอ๋อร์รวมอยู่ด้วย!

บางที หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ คนในยอดเขาหอกอาจจะทะลวงขั้นได้!

เมื่อซุนอวิ๋นถิงเห็นว่าเจ้าสำนักไม่ขยับ เขาก็ยิ่งวิตกมากขึ้น จึงส่งยันต์กลับไปที่ยอดเขาดาบ เพื่อสอบถามซุนซิงเหอผู้เป็นหลานชาย เกี่ยวกับสภาพปัจจุบันของเขา ไม่ช้าก็ได้รับคำตอบว่า การทะลวงที่ใกล้เข้ามาของซุนซิงเหอมั่นคงได้ด้วยโอสถ แต่หากไม่ได้รับพลังวิญญาณมาหล่อเลี้ยงนานเกินไป ช่วงเวลาการทะลวงขั้นก็จะล่าช้า

ซุนอวิ๋นถิงก้าวไปข้างหน้าทันที เอ่ยถามอย่างเกรี้ยวกราดด้วยเสียงต่ำว่า “เฉิงไท่ ท่านกล้าขัดขืนประกาศิตของจักรพรรดินีฉวนจงงั้นหรือ?!”

“ท่านปรนเปรอลู่หยวนเช่นนี้ แดนมัชฌิมกับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไม่อยู่ในสายตาหรืออย่างไร!”

“ท่านไม่รู้หรือว่ามีกี่คนที่ไม่สามารถฝึกฝนได้เพราะพวกเขาไม่ได้รับพลังวิญญาณ?! ทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ มีศิษย์กี่คนที่ไม่สามารถทะลวงได้ตามกำหนดในตอนนี้?!”

“คนอย่างท่าน ยังสมควรที่จะเป็นเจ้าสำนักอีกงั้นหรือ?!”

ซุนอวิ๋นถิงสะบัดแขนเสื้อ เจตจำนงดาบทั่วทั้งร่างกายปรากฏขึ้น ทั่วโลกถูกปกคลุมไปด้วยปราณดาบอันทรงพลัง เขาจับจ้องยอดเขาหอกที่อยู่ไม่ไกลอย่างเกรี้ยวกราดขณะปราณดาบทะยานออกไปรวมตัวกลางอากาศ เพียงพริบตา ดาบขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเหนือท้องนภาก็ได้ปรากฏขึ้น

“เฉิงไท่ ถ้าท่านไม่ทำ ข้าจะทำเอง!”

เมื่อกล่าวจบ ซุนอวิ๋นถิงชี้ไปที่ยอดเขาหอก ปราณดาบเจิดจ้ายังคงขยายใหญ่ขึ้นในความว่างเปล่า ดาบอันเปี่ยมพลังไร้ที่สิ้นสุดอยู่เหนือท้องนภาราวกับดวงอาทิตย์สีทอง ความว่างเปล่ารอบข้างไม่อาจแบกรับได้อีกต่อไป ก่อนถูกบดขยี้แล้วสลายหายไป

เฉิงไท่มองสีซีดของท้องนภา ทำได้เพียงหลับตาเท่านั้น

ส่วนอวี๋ฉู่มองดาบขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้น ขวดน้ำเต้าสีม่วงทองที่ถืออยู่สั่นเทา

แน่นอนว่าเขาไม่คิดจะหยุดดาบของซุนอวิ๋นถิง ถึงอย่างไรคำสั่งก็มาจากจักรพรรดินี คนที่อยู่ข้างนาง แม้แต่ตัวอวี๋ฉู่เองก็ต้องไว้หน้าอีกฝ่าย

หากเขายืนอยู่ข้างลู่หยวนในวันนี้ เท่ากับเขายืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับจักรพรรดินีฉวนจง

บุตรศักดิ์สิทธิ์ทำให้อวี๋ฉู่ไม่มีทางเลือก แต่ถึงอย่างไรเขาก็มีสายสัมพันธ์กับตระกูลลู่มากมาย ดังนั้นจะปล่อยให้คุณชายตายที่นี่ไม่ได้

หากถึงคราวจำเป็น เขายังคงอยากช่วยชีวิตของอีกฝ่าย ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะสามารถอธิบายกับตระกูลลู่ได้

บัดนี้ ร่างหนึ่งที่ยืนอยู่บนกระบี่ไม่ไกลนักตะโกนเสียงดังว่า “เหตุใดท่านบรรพชนดาบถึงก้าวร้าวนัก ยังไม่ทันจะรุ่งสางเลย?!”

ซุนอวิ๋นถิงหันไปหาพร้อมร่องรอยโทสะปรากฏขึ้นจากก้นบึ้งของหัวใจ นี่เขาดูทำตัวก้าวร้าวงั้นหรือ?!

ลู่หยวนลงมือก่อเหตุจนหลานชายของเขาไม่สามารถทะลวงได้ทันเวลา!

แถมนี่ก็ผ่านมาครึ่งค่อนวันแล้ว เจ้าสารเลวผู้นี้มาจากไหน ถึงกล้าบอกว่ายังไม่ทันจะรุ่งสาง?!

อาจารย์สำนักที่เหลือมองตามด้วยความสงสัย ในตอนนี้ ยังมีศิษย์บางส่วนที่กล้าเข้ามาสร้างปัญหาอยู่อีกหรือ?!

อยากตายมากสินะ!

ทุกคนมองอย่างตั้งใจ จึงพบว่าคนที่มาคือเซียวเทียน ศิษย์ยอดเขากระบี่!

บุตรแห่งโชคชะตาสายเลือดมังกรเผยสีหน้าจริงจัง เขายืนอยู่ไม่ไกลจากซุนอวิ๋นถิงพร้อมกระบี่ยักษ์ ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องการทำความเคารพแต่อย่างใด เพียงกล่าวเสียงดังว่า “พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้นดี สำนักดาบกลับหงุดหงิดแล้วงั้นหรือ?!”

เมื่อซุนอวิ๋นถิงเห็นผู้มาเยือน ในใจก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้น เขารู้จักเด็กคนนี้ อีกฝ่ายคือศิษย์ของบรรพชนกระบี่ นับว่าเป็นศิษย์คนโปรดทีเดียว

แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นที่โปรดปรานของบรรพชนกระบี่หรือไม่ ก็ไม่สมควรที่จะดูถูกซุนอวิ๋นถิงแบบนี้!

“โอหัง!”

บรรพชนดาบตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงกล้าออกมาวิจารณ์ข้าเช่นนี้?! เบิกตาของเจ้าดูให้ดี ๆ ตอนนี้รุ่งเช้ามาเยือนแล้ว!”

เสียงตะโกนเต็มไปด้วยแรงกดดันหนักอึ้ง มันกระจายไปทั่วร่างของเซียวเทียน

กร๊อบ! กร๊อบ! กร๊อบ!

เพียงหนึ่งอึดใจ กระดูกจำนวนมากในร่างกายของบุตรแห่งโชคชะตาพลันแตกหัก เขากึ่งคุกเข่าลงบนกระบี่ยักษ์ด้วยความอัปยศ คราบโลหิตไหลออกที่มุมปาก ทั่วร่างสั่นสะท้าน แต่ในดวงตาของเขากลับเต็มไปด้วยร่องรอยแข็งขืน

“ข้าบอกว่ายังไม่รุ่งสาง!”

ทันทีที่สิ้นเสียง แสงสว่างสีทองพลันปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเซียวเทียน เปลวเพลิงสีทองแผดเผาจากบริเวณหัวใจของเขา แรงกดดันแห่งเผ่ามังกรระเบิดออก กระจายไปทั่วสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์

ท้องนภาที่เดิมเต็มไปด้วยแสงเจิดจ้า กลับถูกพลังมังกรกดทับ ทำให้ทั่วโลกตกอยู่ในราตรีมืดมิดอีกครั้ง

ซุนอวิ๋นถิงตกตะลึง “เผาผลาญเกล็ดมังกรหรือ?”

เขามองเห็นชัดเจนว่าเซียวเทียนถึงกับกำลังเผาผลาญเกล็ดมังกรในหัวใจ!

“เจ้าเด็กบ้าเอ๊ย!”

ตอนนี้บรรพชนกระบี่ไม่อาจทำตัวเฉยชาอีกต่อไป เซียวเทียนผู้นี้บ่มเพาะด้วยตัวเขาเอง จนในที่สุดก็มีเกราะป้องกันชั้นเกล็ดมังกรห่มหุ้มหัวใจ โอกาสเช่นนั้นนับว่ามีน้อยนักในแผ่นดินหยวนหง

เจ้าหนุ่มคนนี้ถึงกับแผดเผาเกล็ดมังกรตัวเองในตอนนี้งั้นหรือ?!

เพื่อลู่หยวนงั้นรึ?!

เจ้านี่โง่จนเสียสติไปแล้วหรือ?!

ร่างของบรรพชนกระบี่วูบไหว เขามาถึงตรงหน้าเซียวเทียนในพริบตา มือข้างหนึ่งฟาดไปที่หัวใจของเซียวเทียน กดลงไปที่เปลวเพลิงสีทอง

เขาถ่ายสัมผัสเทวะส่วนหนึ่งเข้าไปในร่างของเซียวเทียนเพื่อตรวจสอบ พบว่าเกล็ดมังกรยังได้รับความสูญเสียไม่มากนัก ทำให้เขาถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

“คนทรยศ! เจ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังทำอะไร?!”

บรรพชนกระบี่ต่อว่า โทสะฉายชัดในดวงตาของเขา

เด็กคนนี้เสียสติไปแล้วใช่หรือไม่?!

เซียวเทียนคุกเข่าบนกระบี่ยักษ์ ระดับการบ่มเพาะของเขาตกต่ำ ไม่มีพลังวิญญาณมาคอยค้ำจุน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงใช้กระบี่ยักษ์ในการลอยตัว ก่อนแผดเผาเกล็ดมังกรบางส่วน ตอนนี้ถึงขั้นมีเหงื่อเย็นหลั่งออกมา ทั่วทั้งใบหน้าซีดเซียวมากขึ้น

“อะ… อาจารย์ ข้ารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่”

เซียวเทียนรวบรวมพละกำลังที่เหลืออยู่ “แต่พี่ลู่มอบไมตรีให้ข้าไว้มาก หากไม่มีเขา ข้าคงตายไปแล้ว!”

“วันนี้ความเป็นความตายของเขาอยู่ในภาวะคับขัน ข้าจะทนดูได้อย่างไร?!”

“นอกจากนี้ เขากำลังทะลวง ไม่ได้ไปคุกคามผู้ใด เหตุใดต้องขัดขวางกันด้วย?!”