ตอนที่ 209 ไม่เป็นก็ตาย

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 209 ไม่เป็นก็ตาย

พี่น้องสองคนดื่มจนถึงกลางดึก

เยียนอวิ๋นถงมอมเยียนอวิ๋นฉวนสำเร็จ มอมจนเขาหลับไป ต้องให้บ่าวรับใช้แบกกลับห้องพักแขกไปพักผ่อน

เยียนอวิ๋นเกอปรากฎตัวขึ้นมา “พี่ใหญ่ดื่มเสร็จแล้วหรือ”

เยียนอวิ๋นถงหัวเราะ “เพิ่งเสร็จ”

เยียนอวิ๋นเกอพินิจเขา ภายในใจคำนวณความสามารถในการดื่มสุราของเขา “เยียนอวิ๋นฉวนเมาจนไม่รู้เรื่องไปแล้ว แต่พี่ใหญ่ยังมีสติ ท่านไม่ได้ดื่มหรือ”

“จะเป็นไปได้อย่างไร! พี่ใหญ่ฉลาดอย่างมาก หากข้ามัวแต่กลอกสุราเขา แต่ไม่ดื่ม เขาจะสงสัยในเจตนาของข้าทันที ไม่ปิดบังน้องสี่ คืนนี้เขาดื่มหนึ่งจอกข้าก็ดื่มหนึ่งจอก มอมเขาให้เมาได้ล้วนอาศัยความสามารถในการดื่มของข้า ไม่มีการใช้กลอุบายทั้งสิ้น”

“ท่านพี่ร้ายกาจ ความสามารถในการดื่มสุราพัฒนา!”

“แฮะๆ ทั่วไปๆ เพียงแค่ดื่มได้มากกว่าผู้อื่นเล็กน้อย”

เยียนอวิ๋นถงทำหน้าได้ใจ

เยียนอวิ๋นเกอถามเขา “ท่านมอมเขาให้เมา ได้ข้อมูลใดที่มีประโยชน์ออกมาบ้างหรือไม่”

“มี เขาเอ่ยถึงตระกูลหลิง”

“ตระกูลหลิง? เขาสนิทกับหลิงฉางจื้อ หรือว่าหลิงฉางจื้อจะเป็นพ่อสื่อให้เขา”

เยียนอวิ๋นเกอคาดเดา

เยียนอวิ๋นถงส่ายหน้า “ไม่ใช่หลิงฉางจื้อ แต่เหมือนจะเป็นหลิงฉางเฟิง”

“จะเป็นหลิงฉางเฟิงไปได้อย่างไร เขาพูดว่าอย่างไรกันแน่”

“เขาพูดอย่างคลุมเครือ ความหมายโดยรวมก็คือหลิงฉางเฟิงหยิบยื่นโอกาสให้เขากับมือ แต่โอกาสใด ข้าไม่ได้ถาม”

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว

นางนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เมื่อตอนเดือนหนึ่ง ที่ปรึกษาหวังเคยมาหานาง

นางไม่อยากวุ่นวาย ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเยียนอวิ๋นฉวน ไม่ได้ปล่อยให้ที่ปรึกษาหวังเล่าเรื่องออกมา และให้บ่าวรับใช้ขับไล่เขาออกไป

หรือว่าเวลานั้น เกิดเรื่องใหญ่ใดขึ้นจริง

เยียนอวิ๋นเกอมีความคิดบางอย่างภายในใจ นางคิดจะไปพูดคุยกับที่ปรึกษาหวังเสียหน่อย

“ท่านพี่รีบพักผ่อน! ดื่มสุราไปมาก ข้าสั่งให้คนต้มน้ำแกงแก้เมาไว้ให้แล้ว ท่านอย่าถือว่าตนเองดื่มสุราได้มากก็ไม่ดื่มน้ำแกงแก้เมา วันพรุ่งนี้ท่านต้องไปรับคุณหนูหลิวที่นอกเมือง พร้อมกับพบพระราชบุตรเขยหลิวใช่หรือไม่”

“นางไม่ให้ข้าไปรับ”

เยียนอวิ๋นถงทำหน้าน้อยใจ

นางจากปากของเขาย่อมหมายถึงคุณหนูหลิว

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “นางไม่ยอมให้ท่านไปรับ ท่านไม่รู้จักไปเองหรือ ถือว่าเป็นการพบโดยบังเอิญ ไม่ได้หรือ”

เยียนอวิ๋นถงรีบหัวเราะขึ้นทันที “ขอบใจน้องสี่ เจ้ามีวิธีมากเสียจริง ข้าไปพักผ่อนก่อน วันพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าไปรับนางที่นอกเมือง”

“ไปเถิด ไปเถิด! เมื่อพบกับพระราชบุตรเขยหลิวแล้ว สุภาพหน่อย”

“ข้าสนิทกับหลิวเป่าผิง น้องสี่ไม่ต้องกังวล”

เยียนอวิ๋นถงจากไปอย่างมีความสุข

เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้าด้วยความกังวล

ในหัวของพี่สองมีแต่ความรัก

เมื่อเกี่ยวข้องกับเรื่องของคุณหนูหลิว สมองของเขาก็ตายทันที เหมือนตาทึ่ม

หวังว่าคุณหนูหลิวจะดีเหมือนที่พี่สองพูด!

ที่ปรึกษาหวังยุ่งมาก!

ยุ่งอยู่กับการดื่มชา ฟังละคร ยุ่งจนเท้าไม่ติดพื้น

เขาเพิ่งนั่งลงในโรงละคร ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญสองคนเข้ามาลากเขาออกไปด้านนอก

ที่ปรึกษาหวังตกใจ!

“พวกเจ้าเป็นผู้ใด ปล่อยข้า ใต้ธุลีโอรสสวรรค์จะยอมให้พวกเจ้า…อือๆ …”

ปากถูกอุดเอาไว้ พูดไม่ออก

ที่ปรึกษาหวังตกใจแทบแย่ คิดว่าตนเองถูกลักพาตัว ใกล้จะถึงคราวที่ต้องตาย

โชคดีที่โจรเหล่านี้ไม่ใช่โจรจริงๆ

ระยะทางก็สั้นมาก

บนถนนด้านนอกโรงละคร รถม้าคันหนึ่งจอดนิ่ง

เขาถูกคนยัดเข้าไปในรถม้า

ไป!

รถม้าเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

เวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา รถม้าก็หยุดลง

ที่ปรึกษาหวังถูกคนลากลงจากรถม้าด้วยความรุนแรง ก่อนจะพาเข้าเรือนพักแห่งหนึ่งในเมือง

“คุณหนูสี่ เหตุใดจึงเป็นท่าน ท่านจะพบข้า ส่งคนมาบอกก็พอ เหตุใดจึงรุนแรงเพียงนี้ ส่งคนมาลักพาตัวข้า ท่านรังแกกันเกินไปแล้ว!”

ที่ปรึกษาหวังตกตะลึงอย่างมาก โกรธเคืองอย่างมาก

เขาหลุดพ้นจากความกลัวในตอนแรก เสียงของเขาสูงขึ้นเหมือนไก่ชนที่กำลังโกรธ

สีหน้าของเยียนอวิ๋นเกอราบเรียบ นางรินน้ำชาด้วยตนเอง “ที่ปรึกษาหวังดื่มชา! ตะโกนมานานเพียงนี้ย่อมกระหายน้ำ นี่เป็นชาใหม่ของปีนี้ แม้คุณภาพจะเทียบปีก่อนไม่ได้ แต่ก็เป็นชาดีที่หาได้ยาก ท่านย่อมต้องพอใจ”

ที่ปรึกษาหวังส่งเสียงไม่พอใจ ไม่อยากจะร่วมสนทนา

เยียนอวิ๋นเกอไม่โกรธ “ยืนพูดคงเหนื่อยแย่ สู้ท่านนั่งลงค่อยๆ พูดกันดีกว่า วันนี้ข้ามีเวลามาก ไม่ถือสาที่จะประลองความอดทนกับท่าน”

ที่ปรึกษาหวังขุ่นเคืองอย่างมาก “คุณหนูสี่ให้คนไปลักพาตัวข้ามาด้วยความรุนแรง ท่านมีความเคารพข้าบ้างหรือไม่ คราวนี้พูดจาดี คิดว่าข้าจะหลงกลหรือ ท่านลักพาตัวข้ามาย่อมมีเจตนาไม่ดี ถึงแม้ข้าจะเป็นชายชราที่ไม่โดดเด่น แต่ก็รู้ว่าต้องซื่อสัตย์กับนาย ข้าไม่มีทางทรยศนายน้อยใหญ่ ยิ่งไม่มีทางทรยศท่านโหว”

เยียนอวิ๋นเกอกลอกตา “ไม่ได้ให้ท่านทรยศท่านพ่อข้า ยิ่งไม่ได้ให้ท่านทรยศพี่ใหญ่ข้า หากข้ามีแผนการใดต่อท่าน การสังหารท่านทิ้งคงจะง่ายกว่า”

“ท่านๆๆ …”

ที่ปรึกษาหวังโกรธจัด

เยียนอวิ๋นเกอจะสังหารเขา!

ไม่ใช่!

หากเยียนอวิ๋นเกอจะลอบทำร้ายเยียนอวิ๋นฉวน เรื่องแรกก็คือสังหารเขา

ฮือๆๆ …

ที่ปรึกษาหวังรู้สึกหนาวเย็นที่ลำคอขึ้นมา หัวของเขาอยู่บนบ่าอย่างไม่มั่นคง

เขาจับหัวและคอของตนเอง เมื่อมั่นใจว่ายังอยู่ดีจึงโล่งใจ

เกือบไปแล้ว!

เกือบถูกเยียนอวิ๋นเกอสังหารแล้ว

เมื่อเยียนอวิ๋นเกอเห็นว่าได้โอกาสแล้ว จึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “ที่ปรึกษาหวังยอมนั่งลงพูดคุยกับข้าหรือไม่”

ที่ปรึกษาหวังนั่งลงบนเก้าอี้ไม้ เพียงแต่สีหน้าไม่สู้ดีนัก

เยียนอวิ๋นเกอก็ไม่สนใจ “ที่ปรึกษาหวังดื่มชา!”

ที่ปรึกษาหวังยกถ้วยชาขึ้นชิมหนึ่งคำ ไม่พูดไม่จา

ชาเป็นชาดี เพียงแต่คนที่ดื่มชาไม่ถูก สถานที่ก็ไม่ถูก

หากไม่มีเรื่องการลักพาตัว เวลานี้เขาคงจะนั่งฟังคนเล่นละครอยู่ในโรงละคร ไม่ใช่ถูกคนสอบสวนอยู่ตรงนี้

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วยิ้ม “ที่ปรึกษาหวังไม่ต้องระแวงข้าเช่นนี้ ท่านวางใจ ข้าพาท่านมาวันนี้ไม่มีเจตนาร้ายอย่างแน่นอน ไม่รู้ท่านจำได้หรือไม่ ตอนเดือนหนึ่งที่ท่านมาหาข้า อยากขอความช่วยเหลือจากข้า”

ที่ปรึกษาหวังมีความคิดมากมายคุกรุ่นอยู่ภายในใจ “เรื่องนั้นหรือ จัดการเรียบร้อยแล้ว คราวนั้นข้าร้อนใจจึงได้ไปหาคุณหนูสี่ สร้างความเดือดร้อนให้คุณหนูสี่มากมาย คุณหนูสี่โปรดอภัย”

“จัดการแล้วแน่หรือ” เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างมีนัย “หลิงฉางเฟิงถูกขับไล่กลับบ้านเกิด มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ท่านมาขอความช่วยเหลือจากข้าตอนเดือนหนึ่งใช่หรือไม่”

ที่ปรึกษาหวังตากระตุก แต่ไม่แสดงออกมาทางสีหน้า “หลิงฉางเฟิง? เกี่ยวอันใดกับหลิงฉางเฟิง ข้ารู้ว่าคุณหนูสี่แค้นหลิงฉางเฟิง แต่นายน้อยใหญ่สนิทกับพี่น้องตระกูลหลิงเสมอมา คุณหนูอย่าได้ทำร้ายนายน้อยใหญ่! ท่านจะจัดการกับหลิงฉางเฟิง ไม่มีผู้ใดแทรกแซง เพียงแค่อย่าดึงนายน้อยใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้อง”

เฉไฉ?

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเสียงเย็น

นางถามอย่างตรงไปตรงมา “คู่หมายของพี่ใหญ่ใกล้จะกำหนดลงมาแล้วหรือไม่ ทางหลิงฉางจื้อว่าอย่างไร”

“พูดอย่างไรคืออันใด คุณหนูสี่เลอะเลือนหรือ คู่หมายของนายน้อยใหญ่จะเกี่ยวข้องกับหลิงฉางจื้อได้อย่างไร อีกอย่างเรื่องคู่หมายของนายน้อยใหญ่มีท่านโหวดูแล อย่าว่าแต่ข้า แม้แต่นายน้อยเองก็ไม่รู้สถานการณ์”

ที่ปรึกษาหวังพูดจาอย่างรอบคอบ ซื่อสัตย์และจงรักภักดีอย่างมาก

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะเสียงเย็น ยังอ่อนไปหากอยากหลอกนาง

นางหลอกเขา “พี่ใหญ่พูดออกมาเองแล้ว งานแต่งของเขาขึ้นอยู่กับตระกูลหลิง เวลานี้แล้ว ที่ปรึกษาหวังมั่นใจจะปิดบังข้าหรือ”

ที่ปรึกษาหวังหัวเราะตาม “ในเมื่อนายน้อยใหญ่บอกว่าเกี่ยวข้องกับตระกูลหลิง คุณหนูสี่ก็ควรไปถามนายน้อยใหญ่ ท่านถามข้าไม่มีประโยชน์ ข้าไม่รู้เรื่องใดทั้งนั้น”

“ในเมื่อท่านไม่รู้เรื่องใดทั้งนั้น อย่างนั้นก็พูดเรื่องในเดือนหนึ่งดีกว่า”

เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าเย็นชาด้วยความไม่พอใจ

จิตใจของที่ปรึกษาหวังมั่นคงอย่างมาก จิ้งจอกที่ฝึกฝนมาหลายสิบปี อีกทั้งยังได้รับภารกิจสำคัญจากท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านย่อมมีความสามารถ

เขาพูดด้วยเสียงเรียบ “เรื่องตอนเดือนหนึ่งหรือ ข้าต้องคิดก่อน ข้าแก่แล้ว ความจำไม่ดี มักจะลืมเรื่องนั้นเรื่องนี้ ข้าครุ่นคิดอยู่ว่าหากทางนายน้อยใหญ่ไม่ต้องการข้าแล้ว ข้าจะเขียนจดหมายไปให้ท่านโหว เดินทางกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านเกิด…”

เขาพูดจาไปเรื่อยเปื่อย หลักๆ คือเน้นย้ำเรื่องที่เขาแก่แล้ว ลืมเรื่องมากมายไปแล้ว

บนใบหน้าของเยียนอวิ๋นเกอยังคงเปื้อนยิ้ม แต่ในดวงตาของนางซ่อนเร้นไปด้วยคมมีด

นางไม่พูดขัดเขา นางอยากจะฟังดูว่าเขาจะพูดจาเหลวไหลได้นานเพียงใด

ที่ปรึกษาหวังยิ่งพูดยิ่งคอแห้ง

อากาศร้อน!

แต่คุณหนูสี่ไม่คล้อยตาม มีเขาพูดอยู่คนเดียว ไม่สนุกเอาเสียเลย

ดังนั้นเขาจึงหุบปาก พักผ่อน!

“เหตุใดที่ปรึกษาหวังจึงไม่พูดต่อ พูดต่อสิ! ข้ากำลังฟังอย่างออกรสออกชาติ ท่านพูดได้ดียิ่งกว่าคนเล่ามืออาชีพเรื่องด้านนอก ไม่เพียงสนุก อีกทั้งยังได้ความรู้”

เยียนอวิ๋นเกอเร่งเร้าให้ที่ปรึกษาหวังพูดต่อ

ที่ปรึกษาหวังแทบจะกระอักเลือดออกมา

เขากระแอมไอเสียงเบา “ข้าแก่แล้ว พูดเพียงเล็กน้อยก็เหนื่อย”

เยียนอวิ๋นเกอเสียดสีเขา “ที่ปรึกษาหวังนอกจากอ้างว่าแก่ ยังมีข้ออ้างอื่นอีกหรือไม่ ข้าอยากจะสั่งบ่าวรับใช้ไปเตรียมหีบศพให้ท่านบัดนี้เสียจริง”

“ท่านๆๆ …”

ที่ปรึกษาหวังโกรธจนหน้าซีดเผือด ทั้งตกตะลึงทั้งกลัว “คุณหนูสี่ ไม่มีผู้ใดพูดจาเหมือนท่าน ท่านจะทำให้คนไม่พอใจ”

เยียนอวิ๋นเกอกลับหัวเราะขึ้นมา “ข้าเป็นคนที่มีเพียงหนึ่งเดียวบนโลก ย่อมไม่มีผู้ใดพูดจาเหมือนข้า ข้าฟังท่านมามากแล้ว เวลานี้ข้าอยากฟังเรื่องที่มีประโยชน์ เดือนหนึ่งท่านมาหาข้าด้วยเรื่องใดกันแน่ ท่านอยากจะให้ข้าเตรียมหีบศพให้ท่านฝังในวันพรุ่งนี้ หรืออยากจะเดินออกจากที่นี่อย่างปลอดภัย ไม่มีทางที่สามให้เลือก”

ที่ปรึกษาหวังกลัวจนปากสั่น “คุณหนูสี่ ท่านฆ่าข้าไม่ได้”

“ข้าจะฆ่าท่าน มันจะเป็นอันใด ผู้ใดจะรู้ว่าข้าฆ่าท่าน จะมีผู้ใดรู้ว่าข้าลักพาตัวท่าน ท่านเดินทางไปทั่วเมืองหลวงในแต่ละวัน หลายปีนี้ก็ทำให้คนขุ่นเคืองไม่น้อย หากท่านถูกลักพาตัวอย่างกะทันหัน หายตัวไปก็สมเหตุสมผล”

เยียนอวิ๋นเกอพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา แต่ความหมายที่สื่อออกมาก็ทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน

ที่ปรึกษาหวังมองนาง ราวกับเห็นปีศาจร้าย

เขายิ้มขมขื่น “ท่านจะบีบข้าให้ตาย!”

“หากท่านยอมให้ความร่วมมือ บอกเรื่องราวทั้งหมดกับข้า ข้าย่อมไม่ทำให้ท่านลำบากใจ ไม่เพียงไม่ทำให้ท่านลำบากใจ เรือนแห่งนี้ก็จะมอบให้ท่าน เอาไว้ให้ท่านเลี้ยงอนุภรรยา”

คำพูดของเยียนอวิ๋นเกอมีแรงจูงใจอย่างมาก

การมีเรือนใหญ่อยู่ในเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่าย

ถึงแม้เรือนแห่งนี้จะเล็ก แต่อย่างน้อยก็ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีความเงียบสงบในความคึกคัก เหมาะสำหรับเลี้ยงอนุภรรยา

ที่ปรึกษาหวังกัดฟัน “ข้าพูด คุณหนูสี่อย่าได้ทำให้ข้าลำบากใจอีก”

———————————————-