ตอนที่ 210 ตายแล้วหรือ

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 210 ตายแล้วหรือ

หลิงฉางเฟิงจะสังหารภรรยา?

ข่าวนี้น่าตกตะลึงอย่างมาก

เรื่องต่อจากนั้น ไม่ต้องให้หวังกุนซือเล่า เยียนอวิ๋นเกอก็เดาได้

หลิงฉางจื้อไล่หลิงฉางเฟิงกลับบ้านเกิดย่อมเพราะต้องการหนีภัย

เพราะการเก็บน้องชายที่เหลวแหลก ก่อปัญหาเป็นครั้งคราวไว้ข้างตัวจะเป็นอันตรายอย่างมาก

ไม่แน่ว่าวันใดจะทำให้ตนเองเดือดร้อน

ไล่คนกลับบ้านเกิดเท่ากับลดความเสี่ยงลงให้เหลือต่ำที่สุด

ทางด้านบิดาชั่วเยียนโส่วจ้านย่อมได้ข่าวในเวลาแรก

เยียนอวิ๋นฉวนในฐานะผู้เชี่ยวชาญในการรายงาน เรื่องใหญ่เพียงนี้ เขาย่อมต้องให้ม้าเร็วส่งข่าวกลับจวนโหวที่แค้วนซ่างกู่ ขอความเห็นจากบิดาชั่วเยียนโส่วจ้าน

จากนิสัยเห็นแก่ผลประโยชน์ของบิดาชั่วเยียนโส่วจ้าน เรื่องนี้เป็นโอกาสดีที่ฟ้าประทานมาให้

ให้เยียนอวิ๋นเพ่ยครอบครองตำแหน่งนายน้อยหญิงของตระกูลหลิงจะเทียบกับเยียนอวิ๋นฉวนแต่งงานกับคุณหนูตระกูลหลิงได้อย่างไร

เพื่อบุตรชายสุดที่รัก เยียนโส่วจ้านย่อมต้องไขว่คว้าโอกาสนี้เอาไว้

เพียงแค่ประโยคเดียว เยียนอวิ๋นเกอก็เติมเรื่องทั้งหมดได้

นางรู้แล้วว่าเหตุใดเฉินฮูหยินถึงได้บอกว่าเยียนอวิ๋นถงแต่งงานกับคุณหนูหลิวก็ไม่ได้พิเศษนัก

หากเยียนอวิ๋นฉวนแต่งงานกับคุณหนูหลิง คุณหนูหลิวก็ไม่ได้พิเศษนักจริง

นางถามหวังกุนซือ “เยียนอวิ๋นเพ่ยตายแล้วหรือไม่”

หวังกุนซือปากกระตุก

เขาพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ “นางมีชีวิตอยู่อย่างดี!”

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคิ้วยิ้ม “คำนวฯจากเวลา เยียนอวิ๋นเพ่ยใกล้คลอดแล้วหรือไม่ เวลานี้แล้วนางยังมีชีวิตอยู่ เพราะท่านพ่อข้าเจรจากับตระกูลหลิงไม่ได้ หรือว่าหลิงฉางเฟิงมีจิตสำนึกขึ้นมาจึงเปลี่ยนแปลงความคิด”

หวังกุนซือส่ายหน้า “เรื่องนี้ท่านโหวรับผิดชอบเองเสมอมา ข้าไม่รู้รายละเอียด”

“ท่านไม่รู้รายละเอียด แต่คงรู้ท่าทีของหลิงฉางจื้อ”

“ไม่ปิดบังคุณหนูสี่ นายน้อยใหญ่ตระกูลหลิงเป็นคนรอบคอบ ไม่ว่าเขามีท่าทีอย่างไร เขาก็ไม่เปิดเผยแม้แต่น้อย”

มันเป็นความจริง

เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด “ให้เยียนอวิ๋นเพ่ยคลอดลูกก็ดี เด็กที่โตเพียงนั้นแล้ว อย่างไรก็เป็นชีวิตหนึ่ง”

หวังกุนซือเหยียดหยาม

คุณหนูสี่ที่อ้าปากปิดปากก็จะฆ่าคนจะมีจิตใจที่เมตตาได้อย่างไร

เขาไม่เชื่อ

ไม่เชื่อแม้แต่ประโยคเดียว

เยียนอวิ๋นเกอไม่สนใจว่าเขาจะเชื่อตนเองหรือไม่

นางถาม “พี่ใหญ่ไม่รีบร้อนเรื่องงานแต่งหรือ พี่สองกำลังจะแต่งงาน เขาในฐานะพี่ใหญ่ล่าช้าไปมาก ไม่รีบร้อนแม้แต่น้อยเลยหรือ”

หวังกุนซือพูดอย่างจริงจัง “เรื่องงานแต่งของนายน้อยใหญ่ล้วนมีท่านโหวจัดการ นายน้อยใหญ่ไม่รีบเพราะเขารู้ว่าท่านโหวจะหมั้นหมายคู่ครองที่เหมาะสมให้เขา”

“มันก็เป็นเรื่องจริง! พี่ใหญ่อยากแต่งงานกับคุณหนูหลิงย่อมต้องหวังให้เยียนอวิ๋นเพ่ยตาย จิ๊ๆ…”

ภัยธรรมชาติยังหลีกหนีได้

แต่ภัยจากมนุษย์ไม่อาจหลีกหนีได้

เยียนอวิ๋นเพ่ยตกอยู่ในสถานการณ์นี้จะโทษผู้ใดได้

โทษได้แต่ตัวนางเอง

ไม่มีความสามารถนั้น แต่กลับอยากได้สิ่งนั้นมาครอบครอง

เรื่องที่ควรรู้ก็รู้หมดแล้ว

เยียนอวิ๋นเกอลุกขึ้น พลันพูด “เรือนแห่งนี้มอบให้ท่าน ข้าจะให้คนมาส่งมอบกับท่าน ข้าขอตัวก่อน”

หวังกุนซือผงะ จบแล้วหรือ

เขาตะโกนใส่เยียนอวิ๋นเกอ “อย่าคิดว่าให้จวน ข้าจะรับใช้ท่าน เปิดเผยข้อมูลของนายน้อยใหญ่ให้ท่าน เพียงครั้งนี้ครั้งเดียว ไม่มีครั้งหน้า ครั้งหน้า ถึงแม้ท่านจะฆ่าข้า ข้าก็ไม่พูดแม้แต่คำเดียว”

เยียนอวิ๋นเกอไม่ได้ชะลอฝีเท้าลง เพียงแต่โบกมือ

ตามใจ!

ครั้งหน้าก็มีวิธีของครั้งหน้า

การพูดจาเสียดสี ผู้ใดทำไม่ได้กัน!

หวังกุนซือไม่ได้ไม่กลัวตาย

คนผู้นี้หยิ่งในศักดิ์ศรีเกินไป ใช้ไม่ได้!

เมื่อสืบเรื่องจนกระจ่างแล้ว เยียนอวิ๋นเกอก็ไม่รอช้า

นางเดินทางไปยังตระกูลสือในตรอกไป๋หม่าเพื่อพูดคุยกับพี่ใหญ่ เยียนอวิ๋นเฟยด้วยตัวเอง

“หลิงฉางเฟิงคิดจะสังหารภรรยา?”

เยียนอวิ๋นเฟยทำหน้าตกตะลึง

หลังจากตกตะลึง นางก็คิดได้ “หลิงฉางเฟิงย่อมทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ เขาเป็นคนที่ทำตามอำเภอใจ เขาคิดแต่ความสุขของตัวเอง ไม่สนใจความเป็นความตายของผู้อื่น หากไม่ใช่ตระกูลหลิงควบคุมอย่างเข้มงวด บิดาและพี่ชายของเขาปกป้องเขาได้ เขาคงก่อปัญหาจนถูกผู้อื่นกำจัดไปแล้ว”

อย่างไรก็เคยเป็นว่าที่สามีภรรยา เยียนอวิ๋นเฟยยังคงรู้จักหลิงฉางเฟิงอยู่ไม่น้อย

เยียนอวิ๋นเกอพูด “เยียนอวิ๋นเพ่ยยังมีชีวิตอยู่”

“ย่อมต้องยังมีชีวิตอยู่ แม้เขาคิดจะกำจัดภรรยาจริง ก็ต้องเลือกเวลาที่เหมาะสม ยังมีโอกาสที่ดีกว่าสตรีคลอดบุตรอีกหรือ”

เยียนอวิ๋นเฟยมองอย่างทะลุปรุโปร่ง

เยียนอวิ๋นเกอครุ่นคิด “ตระกูลหลิงจะยอมรับเงื่อนไขของท่านพ่อ ให้บุตรสาวแต่งงานกับเยียนอวิ๋นฉวนจริงหรือ”

เยียนอวิ๋นเฟยพูดอย่างจริงจัง “เพียงแค่ท่านพ่อให้ผลประโยชน์ที่เพียงพอแก่ตระกูลหลิง ตระกูลหลิงย่อมรับปาก”

เยียนอวิ๋นเกอพูด “ท่านพ่อช่างพยายามเพื่อคู่ครองของพี่ใหญ่”

เยียนอวิ๋นเฟยยิ้มเสียดสี นางพูดอย่างเชื่องช้า “เขาย่อมต้องพยายาม! เขาไม่ได้ข่มบุตรที่กำเนิดจากภรรยาเอกอย่างพวกเราเพียงแค่วันสองวัน หรือปีสองปี หากแต่กินเวลากว่าสิบยี่สิบปี เขาตั้งใจสนับสนุนบุตรของเฉินฮูหยิน หากไม่จนตรอก เขาไม่มีทางยอมแพ้”

เยียนอวิ๋นเกอถามคำถามที่อยากจะถามมาเป็นเวลานาน “ท่านพ่อแค้นท่านแม่ แค้นพวกเราเพียงนี้เชียวหรือ”

เยียนอวิ๋นเฟยส่ายหน้า “เขาไม่ได้แค้น แต่เขาระแวง”

“พวกเราต่างแซ่เยียน…”

“แต่บนตัวของพวกเรายังมีเชื้อสายของตระกูลเซียว ตระกูลเซียวเมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน ก่อนการก่อตั้งราชวงศ์ต้าเว้ย ขึ้นชื่อเรื่องความบ้าคลั่ง ในสายเลือดขงอคนตระกูลเซียวสืบทอดความกระหายเลือด”

เยียนอวิ๋นเกอตกตะลุง เพราะสาเหตุนี้หรือ

เมื่อครุ่นคิดอย่างละเอียด สาเหตุนี้ก็เพียงพอให้เยียนโส่วจ้านใช้มาตรการระแวงที่ดูเหมือนบ้าคลั่ง

แตกต่างจากเฉินฮูหยิน นางพึ่งพาอาศัยท่านโหวกว่างหนิง เยียนโส่วจ้านอย่างสมบูรณ์

บุตรของเฉินฮูหยินก็เช่นเดียวกัน พวกเขาภาคภูมิใจเพราะตระกูลเยียน คำนึงแทนตระกูลเยียนทั้งใจ

เมื่อเทียบกันแล้ว เยียนอวิ๋นเกอลูบคาง ตนเองกับพี่สาวทั้งสอง รวมทั้งพี่สองราวกับดื้อรั้นเล็กน้อย

ไม่แน่ว่าวันใดก็จะกำจัดคนในตระกูลเยียนทิ้ง

เมื่อพูดเช่นนี้ บิดาชั่วเยียนโส่วจ้านระแวงพวกเขาเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างมาก?

เยียนอวิ๋นเกอทำหน้าเหนื่อยหน่าย!

นางหาข้ออ้างให้เยียนโส่วจ้าน นางยืนอยู่ในมุมมองข้อเท็จจริงเสียจริง

นางถามพี่ใหญ่ เยียนอวิ๋นเฟย “พี่ใหญ่จะแทรกแซงงานแต่งกับตระกูลหลิงหรือไม่ ท่านเป็นฮูหยินท่านโหวผิงอู่ ในนามแล้วท่านเป็นท่านป้าของหลิงฉางเฟิง หากท่านออกหน้า ตระกูลหลิงต้องให้เกียรติท่านบ้าง”

เยียนอวิ๋นเฟยเลิกคิ้วยิ้ม “เจ้ากังวลว่าเยียนอวิ๋นฉวนแต่งงานกับคุณหนูหลิงจะข่มอวิ๋นถงหรือ ไม่จำเป็น! หากข้าแทรกแซงเรื่องนี้ ท่านพ่อย่อมต้องโกรธเคืองอย่างมาก เวลานี้ความร่วมมือระหว่างท่านโหวผิงอู่กับท่านพ่อกำลังอยู่ในช่วงสำคัญ ข้าไม่อาจสร้างปัญหาให้ท่านโหวผิงอู่ในเวลานี้

อีกทั้งเยียนอวิ๋นเพ่ยตายก็ตาย นางควรตายไปเมื่อหลายปีก่อนแล้ว หากไม่ใช่ท่านพ่อส่งคนคุ้มกันเยียนอวิ๋นเพ่ย ข้าคงจะถือดาบกำจัดนางทิ้งตั้งแต่ปีนั้น เก็บนางไว้ถึงวันนี้ก็เพียงพอแล้ว นางตายตาหลับแล้ว”

เยียนอวิ๋นเกอพบว่า บรรดาพี่น้องสามคน คนที่ใจร้ายที่สุดความจริงแล้วคือพี่ใหญ่ เยียนอวิ๋นเฟย

ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่แพ้บุรุษใด

นางพูด “ในเมื่อพี่ใหญ่ตัดสินใจที่จะไม่แทรกแซงเรื่องนี้ ข้าก็จะถือว่าไม่รู้ เยียนอวิ๋นเพ่ยจะเป็นหรือตาย ขึ้นอยู่กับกรรมของนางเถิด”

เยียนอวิ๋นเฟยพยักหน้าอย่างพอใจ

เยียนอวิ๋นเกอพูดอีก “เรื่องเกี่ยวกับตระกูลหลิง ข้าเคารพความเห็นของพี่ใหญ่ พี่ใหญ่ว่าอย่างไร ข้าก็ทำเช่นนั้น”

เยียนอวิ๋นเฟยจิบชา “ขอบใจน้องสี่ที่คิดแทนข้า ก่อนหน้านี้เจ้าสั่งสอนหลิงฉางเฟิงให้เขาได้รับความอับอาย ข้าดีใจอย่างมาก เสียดายเพียงคืนวันที่เกิดความโกลาหลในเมืองหลวง ไม่อาจสังหารหลิงฉางเฟิงให้ตายได้”

เยียนอวิ๋นเกอก็รู้สึกเสียดาย ”หลิงฉางจื้อมาเร็วเกินไป ทำให้ความพยายามล้มเหลว หากพี่ใหญ่อยากให้หลิงฉางเฟิงตาย คราวหน้ามีโอกาส ข้าจะทำให้เขามาได้แต่กลับไม่ได้”

“ไม่ต้อง! คราวก่อนสังหารเขาไม่ได้เพราะเขาดวงแข็ง ไม่ตายได้ง่ายๆ บัญชีก่อนหน้านี้จบสิ้นกัน เพียงแค่เขาไม่เหลวไหล เจ้าก็ไม่ต้องลงมือ เวลานี้ไม่ว่าตระกูลสือหรือตระกูลเยียนล้วนไม่เหมาะสมที่จะบาดหมางกับตระกูลหลิง การค้าของเจ้ากับหลิงฉางจื้อสามารถประคองต่อไป ไม่ต้องคำนึงถึงข้า เวลานี้ข้าเพียงแค่คลอดบุตร เลี้ยงดูบุตร รับรองความปลอดภัยของบุตร”

พูดจบ เยียนอวิ๋นเฟยลูบท้องแผ่วเบา ภายในใจกังวลเล็กน้อย

เยียนอวิ๋นเกอเห็นทีจึงกังวลอย่างมาก “พี่ใหญ่ตั้งครรภ์ ท่านโหวผิงอู่ สืออุนมีท่าทีอย่างไร”

“เขาไม่มีท่าที!”

เยียนอวิ๋นเฟยตอบอย่างเด็ดขาด

ไม่มีท่าทีก็หมายความว่า ท่านโหวผิงอู่ สืออุนไม่สนใจว่าเด็กในท้องของนางจะเป็นชายหรือหญิง จะคลอดออกมาอย่างปลอดภัยหรือไม่

เพราะเขามีบุตรชายจากภรรยาเอกและอนุภรรยาสิบกว่าคน

เมื่อมีบุตรชายมากเพียงพอ เขาก็ไม่สนใจเด็กในท้องของเยียนอวิ๋นเฟย

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้วมุ่น ภายในใจรู้สึกไม่คุ้มค่าแทนพี่ใหญ่

แต่เยียนอวิ๋นเฟยกลับหัวเราะขึ้นมา นางเปิดเผยอย่างมาก อีกทั้งยังมีสติอย่างมาก “น้องสี่ไม่ต้องกังวลแทนข้า ข้ามีกำลังในการปกป้องตัวเอง ท่าทีของท่านโหว ข้าไม่สนใจ”

เยียนอวิ๋นเกอแอบถอนหายใจ อย่างไรแล้ว…

หากตอนนั้นไม่เกิดเรื่องเยียนอวิ๋นเพ่ย หากตอนนั้นพี่ใหญ่แต่งงานกับหลิงฉางเฟิงจะมีสถานการณ์อย่างไร

จากฝีมือของพี่ใหญ่ สามารถมั่นใจได้ว่าจะควบคุมหลิงฉางเฟิงเอาไว้ได้ ทำให้เขาไม้กล้าก่อเรื่อง

แต่ไม่ว่าจะเป็นท่านโหวผิงอู่ สืออุน หรือหลิงฉางเฟิงก็ไม่ใช่คู่ครองที่ดี

มันเป็นสถานการณ์ทั่วไปของบุรุษในยุคสมัยนี้

เยียนอวิ๋นเกอออกจากจวนตระกูลสือด้วยเรื่องที่ค้างคาในใจ

ตอนออกจากจวน นางเห็นพ่อบ้านกำลังนำคนแปลกหน้าหลายไปเดินทางไปยังห้องตำรา

เวลานี้ พี่ใหญ่ เยียนอวิ๋นเฟยอยู่ในห้องตำรา

เยียนอวิ๋นเกอถามบ่าวรับใช้ที่นำทาง “คนแปลกหน้าเหล่านั้นเป็นผู้ใด”

“เรียนคุณหนูสี่ คนเหล่านั้นเป็นคนของตระกูลสือที่อยู่ในเมืองหลวง พวกเขามาพบฮูหยิน คงจะมาขอผลประโยชน์อีกแน่นอน”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยิน จึงถามต่อ “คนของตระกูลสือที่อยู่ในเมืองหลวงมักเดินทางมาหรือ”

บ่าวรับใช้ไม่ปิดบัง “นับแต่ฮูหยินมาถึงเมืองหลวง ตระกูลสือที่อยู่ในเมืองหลวงก็มักส่งคนมาเป็นประจำ”

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “ในเมื่อมาขอผลประโยชน์ ก็ให้บ่าวรับใช้รับมือไล่ออกไป เหตุใดจึงต้องนำพวกเขาไปหาท่านพี่ รบกวนการพักผ่อนของท่านพี่ พ่อบ่านทำงานไม่พิถีพิถันเช่นนี้หรือ”

บ่าวรับใช้ก็ไม่แน่ใจ เพียงแค่พูด “ทั่วไปแล้ว ล้วนมีคนเฝ้าประตูรับมือกับคนตระกูลสือ วันนี้พ่อบ้านนำคนไปยังห้องตำรา เกรงว่าจะมีเรื่องอื่น”

———————————————-