บทที่ 166 ไปสำนึกผิดในคุกซะ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่ 166 ไปสำนึกผิดในคุกซะ

ลี่จุนถิงหัวเราะเยาะเย้ยออกมาเบา ๆ สายตานั้นเต็มไปด้วยการดูถูกและเหยียดหยาม

เผชิญหน้ากับสายตาอย่างนี้ของเขา โค้ชที่ไม่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบอะไรในตอนแรกก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาทันที

“แก……แกอย่าทำอะไรบ้า ๆ เด็ดขาด ฉัน……ฉันจะบอกแกเอาไว้นะ ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะมารังแกกันได้ง่าย ๆ!”

แปลกมาก ทั้งที่ลี่จุนถิงยังไม่ได้เอ่ยพูดอะไร แต่โค้ชก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

สักครู่ เขาก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองเป็นแบบนี้ช่างน่าอายเสียเหลือเกิน

น่ารังเกียจจริง ๆ……ก็แค่ผู้ปกครองธรรมดา ๆ คนหนึ่ง มีอะไรให้ตัวเองต้องเกรงกลัวอย่างนี้ด้วย?

เมื่อคิดได้อย่างนี้ โค้ชก็มีท่าทีเปลี่ยนไป

แต่ทว่า ถึงแม้เขาจะบอกตัวเองในใจว่าห้ามแสดงความอ่อนแอต่อหน้าลี่จุนถิงเด็ดขาด แต่ก็ต้านทานพลังที่แผ่ออกมาจากลี่จุนถิงไม่ได้

เห็นท่าทางของโค้ชดูกล้าหาญอย่างนี้ มุมปากของลี่จุนถิงก็ค่อย ๆ ยกขึ้น แต่แววตากลับไร้ซึ่งรอยยิ้มใด ๆ

เขาคิดว่า……ถึงตอนนี้แล้ว จะยังมีพื้นที่ให้แสดงความรู้สึกผิดอะไรอีกเหรอ?

คิดขึ้นมาแล้วก็รู้สึกรังเกียจ โค้ชคนนี้……ถึงตอนนี้ ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองว่าได้หาเรื่องเข้ากับคนที่เขาไม่มีทางหาเรื่องได้

ลี่จุนถิงลุกขึ้นยืนกะทันหัน ตอนนั้นเองโค้ชก็ได้ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว

การที่แสดงท่าทางกลัวแบบเมื่อสักครู่ออกไปนั้น ในใจเขาก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาจริง ๆ

ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่เนี่ย……มีอะไรน่ากลัวงั้นเหรอ?

แต่ว่า ไม่รู้ทำไม ต่อหน้าลี่จุนถิง เขาถึงไม่สามารถทำใจให้ฮึกเหิมขึ้นมาได้

เหมือนกับว่า……เกิดมาก็ถูกลี่จุนถิงกดหัวเอาไว้เลย

ไม่รอให้โค้ชมีปฏิกิริยาตอบกลับ ลี่จุนถิงได้ยกขาขึ้นมากะทันหัน แล้วเตะเขาเข้าอย่างแรง จนเขาล้มหงายไปบนพื้น

“แก!” โค้ชพูดออกมาอย่างตกตะลึง แล้วก็ถูกลี่จุนถิงเหยียบลงบนพื้น ขยี้ลงไปบนหน้าอกของเขา

“ลักพาตัว? แกคู่ควร……พูดกับฉันอย่างนี้เหรอ?” ลี่จุนถิงพูดลากเสียงยาว แต่น้ำเสียงแฝงไปด้วยการข่มขู่

โค้ชในตอนนี้ รู้สึกเจ็บปวดจนแทบพูดอะไรไม่ออก

แต่ถึงแม้เป็นแบบนี้ เขากลับยังแสดงท่าทีโมโหออกมา

“แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ทำเรื่องแบบนี้กับฉัน แกต้องได้ชดใช้แน่!”

โค้ชลองเชิงแสดงท่าทางของตัวเองให้ดูดุร้ายขึ้นมา แต่เขาที่ถูกเท้าเหยียบอยู่นั้น ยิ่งทำก็ยิ่งดูน่าตลกเข้าไปใหญ่ ไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกกลัวขึ้นมาเลยสักนิด

“อย่างแกมันจะไปมีค่าอะไร?” ลี่จุนถิงแสยะยิ้มออกมา ไม่สนใจในคำพูดของโค้ชสักนิด

เมื่อเห็นดังนั้น โค้ชยิ่งรู้สึกเสียหน้าอย่างมาก จึงรีบพูดออกมาว่า : “แกอย่าโอหังนักเลย! ฉันจะทำให้แกรู้จักกับคำว่า เสียใจภายหลัง ว่ามันสะกดยังไง!”

คำขู่แบบนี้ สำหรับลี่จุนถิงแล้วมันก็เหมือนเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น เขามองไปที่โค้ชอย่างรู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามอย่างคิดพิจารณา : “แล้วแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? จ้างวานคนมาทำร้ายผู้หญิงกับเด็ก แกดูมีความสามารถมากเลยสินะ”

ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของลี่จุนถิงนั้นเบามาก แต่ในใจของโค้ชกลับเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา

ได้ยินดังนั้น สีหน้าของโค้ชก็ดูตื่นตระหนก

ทำไมถึงได้……ทำไมถึงได้รู้เรื่องนี้? ไม่สิ ต่อให้รู้เรื่อง ก็ไม่มีหลักฐานอะไรแน่นอน ตัวเองไม่มีทางยอมรับง่าย ๆ หรอก

ดังนั้น โค้ชจึงรีบเสแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง : “จ้างวานคน? จ้างวานคนอะไรกัน? แกจับผิดคนแล้วล่ะ? ฉันไม่รู้ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไรกันแน่”

“เหอะ? ยังแกล้งโง่อีกเหรอ?” ท่าทีเสแสร้งของโค้ชนั้น ลี่จุนถิงมองออกชัดเจน

ต่อให้ลี่จุนถิงพูดออกมาอย่างนี้ แต่โค้ชก็ยังยืนหยัดไม่ยอมรับผิด : “ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไร ตอนนี้แกต้องรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไปฟ้องจับแก!”

ฟ้องจับเขาเหรอ?

ได้ยินคำพูดแบบนี้ของโค้ช ลี่จุนถิงก็อดขำในใจไม่ได้

ถึงตอนนี้แล้วเขายังไม่รู้สภาพของตัวเองอีกเหรอ? ต่อให้เขามีความกล้าพอที่จะไปฟ้องจับ แต่สุดท้าย……คนที่จะถูกลงโทษก็ไม่ใช่ตัวเขาเองหรอกเหรอ?

“แก……แกอย่าคิดจะไม่เชื่อนะ! คนอย่างฉันพูดจริงทำจริง!” เห็นลี่จุนถิงไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ โค้ชก็ยิ่งร้อนรนขึ้นไปอีก

ลี่จุนถิงคิดไม่ถึงว่าโค้ชจะปากแข็งขนาดนี้ เมื่อคิดว่าเป็นเพราะคนคนนี้ ทำให้ถวนจื่อกับเจียงหยุนเอ๋อต้องถูกรังแก ความโกรธที่สะสมอยู่ในใจก็ปะทุขึ้นมา

เมื่อเห็นท่าทางของโค้ชที่แม้ต้องตายก็ไม่สำนึกผิดแล้วนั้น เขาก็รู้สึกหมดความอดทนทันที เอ่ยพูดกับโค้ชอย่างเย็นชาว่า : “อยากไปเหรอ? ได้สิ เหลือแค่ขาดมือข้างเดียว แล้วฉันจะปล่อยให้แกไป”

เมื่อได้ยินที่ลี่จุนถิงพูด โค้ชก็เริ่มตื่นตระหนกตกใจกลัวขึ้นมา

เขาพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง……ให้ตัวเองเหลือมือเพียงข้างเดียว? คงไม่ใช่……หมายถึงสิ่งที่ตัวเองคิดหรอกนะ?

เมื่อคิดถึงความน่าจะเป็น โค้ชก็เริ่มตัวสั่นขึ้นมา

ไม่……ไม่ใช่หรอก นี่มันเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผู้ชายตรงหน้านี้คงพูดข่มขู่ตัวเองเท่านั้น ไม่กล้าทำแบบนั้นจริง ๆ หรอก!

แต่ทว่า เรื่องราวจะไม่ค่อยเหมือนกับที่โค้ชคิดสักเท่าไหร่

ตอนที่เขาเห็นสายตาของลี่จุนถิงนั้น ก็รู้ได้ทันทีว่า เรื่องมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น

“แก……แกจะทำอะไรกันแน่!” น้ำเสียงของโค้ชเริ่มสั่นระริก เขาในตอนนี้ ปกปิดความกลัวของตัวเองไว้ไม่ได้แล้ว และไม่มีกระจิตกระใจไปปกปิดอีกแล้ว

สิ่งที่เขาสงสัย ลี่จุนถิงไม่ได้ตอบออกไป หรืออาจจะรู้สึกว่าไม่มีค่าอะไรที่จะต้องไปตอบ จากนั้นก็หันไปหาบอดี้การ์ดที่ยืนอยู่แล้วยื่นมือออกไป

บอดี้การ์ดมองไปที่เขา ก็เข้าใจได้ทันทีแล้วรีบยื่นไม้เบสบอลส่งไปให้

เมื่อรับไม้เบสบอลมา สายตาของลี่จุนถิงก็หันกลับมามองโค้ชทันที ทำเอาโค้ชตกใจกลัวจนตัวสั่นระริก

เขาเข้าใจแล้วว่าลี่จุนถิงต้องการทำอะไร รู้สึกหวาดกลัวทันที ถึงขั้นไม่กล้าต่อกรกับลี่จุนถิงอีกต่อไป แล้วคิดขึ้นมาได้ว่าต้องร้องขอความเมตตา

“ปล่อยฉันไปเถอะ! ปล่อยฉันไปเถอะนะ! ฉันรู้ตัวว่าผิดแล้ว!”

ลี่จุนถิงปรายตามองเขาอย่างเย็นชา ไม่มีทีท่าว่าจะใจอ่อน แล้วสั่งให้บอดี้การ์ดปิดปากเขาเอาไว้

เมื่อเห็นลี่จุนถิงยกไม้เบสบอลในมือขึ้น แววตาของโค้ชก็ดูหวาดผวามาก แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งไม้เบสบอลนั้นไว้ได้

“ทำเรื่องเลวทราม แกก็ต้องชดใช้ให้สาสม” ลี่จุนถิงเอ่ยพูดด้วยสีหน้าดุดันน่ากลัว

ทำร้ายเจียงหยุนเอ๋อกับถวนจื่อ เขายังหวังว่าเรื่องนี้จะจบง่าย ๆ เหรอ?”

ไม่ ไม่มีทางเด็ดขาด

โค้ชไม่กล้าร้องโวยวายแล้ว เพราะเขารู้แล้วว่า คนที่อยู่ตรงหน้าแตะต้องไม่ได้จริง ๆ

โค้ชที่นอนอยู่บนพื้น เริ่มร้องคร่ำครวญขอความเมตตา

“ฉันผิดไปแล้ว! ฉันผิดไปแล้วจริง ๆ! อ๊ะ!”

ลี่จุนถิงจ้องเขม็งไปยังโค้ชที่ดูน่าสมเพช แสยะยิ้มออกมาแล้วเอ่ยพูด : “ครึ่งชีวิตที่เหลือ ไปสำนึกผิดในคุกซะ”

พูดจบ ลี่จุนถิงก็ทิ้งไม้ที่อยู่ในมือ ปัดมือไปมา แล้วให้ลูกน้องของตัวเองเอาตัวโค้ชไป