จั้งไหมพูดจบ โหลวจวินเหยายังไม่ทันได้ตอบ ไป๋จือเยี่ยนก็ตอบปฏิเสธไปแล้ว “ไม่ได้หรอก เจ้านี้มีร่างกายไม่เหมือนคนอื่น ให้บาดเจ็บหรือมีแผลไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเลือดจะไม่หยุดไหล ยิ่งจะให้ผสมเลือดเข้าร่างนางเช่นนี้อาจทำให้เขาบาดเจ็บถึงแก่นพลังชีวิตทีเดียว!”

ได้ยินแล้วจั้งไหมก็หรี่ตาลง “ท่านหมายความว่าท่านไม่สนใจว่านายหญิงของข้าจะอยู่หรือจะตายใช่หรือไม่?”

“พวกเราย่อมต้องช่วยนาง แต่ด้วยวิธีอื่นไม่ได้หรือ?” ไป๋จือเยี่ยนพยายามต่อรอง

“แล้วจะไปหาวิธีที่ดีพร้อมเช่นนี้มาจากที่ไหนอีก?” จั้งไหมหัวเราะหยัน เริ่มรู้สึกไม่ชอบชายหนุ่มทั้งสองในระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาดูจะหาข้ออ้างไม่ยอมช่วยนายหญิงอยู่ได้ มีเพียงนายหญิงของเขาที่ใจดีเสียเปล่า หากนางรู้เช่นนี้ ปล่อยเขาตายไปตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง

โหลวจวินเหยามองเด็กสาวบนเตียงอยู่ครู่หนึ่งก่อนเอ่ยขึ้น “ต้องทำอะไรบ้าง?”

“จวินเหยา…..”

“ข้าปล่อยให้เกิดเรื่องกับนางต่อหน้าเช่นนี้ไม่ได้ ก็แค่เลือดเล็กน้อย ไม่เป็นไรหรอก” โหลวจวินเหยาขัดคำ

เห็นดังนั้น ไป๋จือเยี่ยนก็ทำอะไรไม่ได้อีก ได้แต่กลืนคำต่อว่าต่อขานทั้งหลายลงท้องไป พอเจอเรื่องที่เกี่ยวพันกับแม่นางน้อยทีไร เจ้านี่ก็เสียสติตลอด บอกว่าช่วยไปไม่เสียหาย เลือดเล็กน้อยย่อมไม่ทำให้คนปกติเป็นอะไร แต่กับเจ้ามันเอาชีวิตเจ้าได้เลยนะ!

“ต้องพยุงนายหญิงขึ้นนั่งก่อน” จั้งไหมอธิบายแล้วเดินมาข้างเตียง ยังไม่ทันได้ยื่นมือแตะร่างนางก็ถูกโหลวจวินเหยาผลักออกไป

โหลวจวินเหยาจ้องหน้าเด็กหนุ่มผมทองที่มีท่าทีไม่เข้าใจด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ข้าทำเอง”

จากนั้นเขาก็ก้มลงประคองไหล่เด็กสาวเด็กสาวไว้ พยุงนางขึ้นนั่งพิงหัวเตียง นางสวมเพียงชุดคลุมชั้นในตัวบางสีขาว คอชุดกว้างหลุดออกเล็กน้อยยามนางหลับ เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้างามวับ ๆ แวม ๆ อีกทั้งยังเห็นรูปร่างสัดส่วนนางอยู่เล็กน้อย

ชายหนุ่มช่วยจัดคอเสื้อนางให้ดีด้วยใบหน้าเรียบเฉย จ้องหน้านางคล้ายกับเป็นผู้ใหญ่คนหนึ่งที่ดูแลลูกหลานตนเองอย่างไรก็อย่างนั้น

จั้งไหมมองภาพตรงหน้าด้วยความฉงนเล็กน้อย กะพริบตาสีเงินและทองของตนนิ่ง อดคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นที่ตรงไหน

จนกระทั่งเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ขั้นต่อไปเล่า?”

จั้งไหมจึงตั้งสติได้ “กรีดข้อมือนายหญิง”

โหลวจวินเหยายกมือเด็กสาวขึ้นข้างหนึ่ง ใช้ปลายนิ้วกรีดผ่านผิวนุ่มเบา ๆ พริบตาต่อมาแผลยาวก็ปรากฏ แต่กลับไม่มีโลหิตไหลออกมา

เห็นได้ชัดว่าร่างนางแข็งจนกระทั่งเลือดในกายไม่อาจไหลเวียน มันทั้งข้นและเหนียวหนืดจนไหลเวียนไม่สะดวก

“ทีนี้กรีดแขนท่านเองแล้วเอาทาบลงกับแผลนายหญิง ใช้พลังวิญญาณส่งเลือดเข้าร่างนางจนกระทั่งเริ่มมีเลือดออกจากปากแปลนาง หลังจากนั้นร่างกายนางจะฟื้นฟูขึ้นมาเอง”

โหลวจวินเหยาทำตามคำทุกอย่าง กรีดนิ้วผ่านข้อมือตน ไม่นานก็เห็นเป็นเส้นเลือดสีแดงปรากฏ เลือดแดงค่อย ๆ ซึมออกมา

เขายกข้อมือเด็กสาว ทาบข้อมือตนเองลงไป พริบตาต่อมาก็ราวกับรู้สึกได้ถึงแรงดูดจากข้อมือนาง เลือดในกายเขาเริ่มถูกดูดเข้าข้อมือนางอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่กี่ชั่วอึดใจ โหลวจวินเหยาก็เริ่มหน้าซีดแล้ว

ไป๋จือเยี่ยนนั่งมองด้วยความกังวลอยู่ข้าง ๆ อดถามเด็กหนุ่มขึ้นมาไม่ได้ “แล้วเมื่อไหร่จึงจะพอ? หรือต้องให้นางสูบเลือดเขาจนหมดร่าง!?”

เช่นนี้น่ากลัวกว่าเจอปีศาจดูดเลือดเสียอีก!

ชิงอวี่มีผิวขาวเนียน เมื่อฉีดเลือดเข้าร่างไปเช่นนี้ก็เห็นเลือดกำลังไหลเวียนอยู่ใต้ผิวที่แขนเกือบชัดเจน

นอกจากจั้งไหมและตัวตนอีกตัวตนหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในร่างชิงอวี่แล้ว คงไม่มีใครรู้ว่าการมีเลือดบริสุทธิ์นั้นทรงพลังอย่างไร การส่งเลือดให้นางติดต่อกันเช่นนี้ หากชิงอวี่ไม่รีบฟื้นขึ้นมา มีหวังโหลวจวินเหยาได้ถูกนางสูบเลือดจนแห้งตายเป็นแน่

มีแต่คนที่มีพลังบำเพ็ญสูงส่งเท่านั้นจึงจะทนไหว หากเป็นคนอื่นก็คงสิ้นใจไปนานแล้ว

ไป๋จือเยี่ยนเป็นนักปรุงยา ย่อมต้องสัมผัสกลิ่นผิดปกติได้ เมื่อเห็นโหลวจวินเหยาหน้าซีดขาวจากการเสียเลือดมาก สีหน้าเขาก็ทะมึนลง ขยับร่างไปข้างเตียง แต่ตอนกำลังจะลงมือขัดขวางกลับถูกแสงจ้าส่งร่างกระเด็นออกไป

ลำแสงนั้นดุดันทรงพลังนัก แต่มันทำเพียงขวางไม่ให้เขาเข้าไปเท่านั้น ไม่ได้ทำอันตรายแต่อย่างใด ไป๋จือเยี่ยนกัดฟันก่นด่าออกมา “เวรเอ๊ย! หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาต้องตายแน่! เจ้าต้องเข้าไปขวางเดี๋ยวนี้!”

แน่นอนว่าเขาหันไปพ่นคำเหล่านั้นใส่เด็กหนุ่มผมทองที่ยืนกอดอกพิงผนังอยู่

ทว่าเด็กหนุ่มทำเพียงยักไหล่ไม่ใส่ใจ “ข้าก็ทำอะไรไม่ได้ ท่านก็เห็นลำแสงนั่นแล้ว ท่านเข้าไปไม่ได้ ข้าก็เช่นกัน”

เห็นใบหน้าไป๋จือเยี่ยนเปลี่ยนสีแล้ว จั้งไหมจึงพยายามเอ่ยปลอบด้วยความหวังดี “ท่านไม่ต้องห่วง นายหญิงของข้าต้องการเลือดเพียงนิดหนึ่ง ไม่ถึงชีวิตหรอก”

ไป๋จือเยี่ยนกดความรู้สึกอยากด่าเด็กหนุ่มไว้ เจ้าเรียกเช่นนี้ว่าเลือดเพียงนิดเดียวเหรอ!?

—————————-

นางรู้สึกมึนงงเป็นยิ่งนัก ชิงอวี่พลันลืมตาขึ้น พบว่าตอนนี้นางอยู่ในมิติของตนเอง ร่างทั้งร่างแช่อยู่ในบ่อจิตวิญญาณ ทว่าน้ำในบ่อกลับเป็นสีเลือด

ในใจนางยังสับสนอยู่บ้าง จู่ ๆ นางตื่นมาเช่นนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

แล้วทำไมจึงมีเลือดมากมายเช่นนี้ได้?

“นายหญิงฟื้นเสียที” ศีรษะที่มีผมยาวสีแดงโผล่เข้ามาใกล้ ถูศีรษะตนกับแก้มนางอย่างมีความสุข

ชิงอวี่ได้สติกลับคืนมาในที่สุด ดันศีรษะนั้นออกจากหน้าตน เป็นตอนนั้นเองที่ได้เห็นตัวของเจ้าสิ่งนั้นเต็มตา

เขาคือตุ๊กตาตัวจ้ำม่ำตัวหนึ่ง สวมชุดสีแดงทั้งตัว บนหัวคือผมสีแดงเพลิง….. นี่มันตัวบ้าอะไรกัน!?

เห็นนางชะงักค้างไปนาน ตุ๊กตาน้อยก็ย่นจมูกทำปากยื่น “นายหญิง ข้าคือจิตวิญญาณตำราของตำราแพทย์แดนเซียน!”

“ตำราแพทย์แดนเซียน?” ชิงอวี่จ้องเขาด้วยความประหลาดใจ “จิตวิญญาณตำรามีอยู่จริงหรือ!?”

“ก็มีน่ะสิ! ข้าบำเพ็ญอยู่ภายในตำรามาโดยตลอด หากร่างกายนายหญิงไม่จู่ ๆ ก็ถูกแช่แข็งจนเกือบไม่มีวันลืมตาตื่นอีกเช่นนี้ ข้าก็คงไม่ออกมากะทันหันอย่างตอนนี้หรอก เดิมทีข้าตั้งใจจะทำให้ท่านตกใจเล่นล่ะ!” ตุ๊กตาน้อยพูดจ้อ ๆ ไม่หยุด ใบหน้าดูจะไม่พอใจอยู่เล็กน้อย

ชิงอวี่มุมปากกระตุก “น่าสงสารจริง ๆ”

พูดจบ นางก็นึกขึ้นได้ว่าตนมองข้ามปัญหาสำคัญไป รีบถามขึ้นทันที “แล้วทำไมข้ามาอยู่ที่นี่ได้? แล้วในบ่อนี่มีแต่เลือดได้อย่างไร?”

แท้จริงแล้วนางกำลังแช่อยู่ใน “บ่อเลือด” ซึ่งนางก็ไม่ใช่คนที่มีความชื่นชอบประหลาดพิลึกพรรค์นี้ สถานการณ์นางตอนนี้ ไม่ว่ามองอย่างไรก็ดูประหลาด!

“อ้อ เลือดนี่มาจากคนตาสีม่วงน่ะ โชคดีที่เจ้างูประสาทเสียนั่นคิดหาวิธียอดเยี่ยมขึ้นมาได้ นายหญิงแช่อยู่ในบ่อเลือดบริสุทธิ์นี่สักสองชั่วยาม ท่านก็จะหายดีเอง ช่วยเพิ่มพลังบำเพ็ญด้วยนะ!”

ชิงอวี่ตะลึงไป “นานเท่าไหร่แล้ว?”

“อ่า ก็น่าจะมากกว่าหนึ่งชั่วยามแล้วกระมัง….. หือ? นายหญิง ท่านจะไปไหนน่ะ? ท่านยังไม่หายดี จะออกไปจากบ่อไม่ได้นะ…..”

แต่ไม่ว่าเขาจะร้องเรียกนายหญิงเพียงไหน ชิงอวี่ยังมุ่งหน้าต่อไปไม่หันหลังกลับ จนกระทั่งออกจากมิติมาได้

เจ้าสองคนนั้นก่อเรื่องไว้ขนาดนี้! เอาเลือดคนอื่นมาให้นางแช่งั้นหรือ!? ไม่รู้หรือว่าอาจทำคนตายได้? นางกลับไปเมื่อไหร่เจ้าสองคนนั้นโดนแน่!

เด็กสาวที่นอนหลับตาเอนหลังอยู่บนเตียง ทันทีที่ลืมตาขึ้น ภายในลูกตาก็มีประกายแสงสีแดงเต้นระริกอยู่ ดูน่ามองน่าค้นหา งดงามอย่างไม่อาจอธิบายได้

โหลวจวินเหยาหน้าซีดขาว เมื่อเห็นว่านางฟื้นแล้วจึงหรี่ตาลง ดวงตาสีม่วงเจือแววยินดี “เจ้าฟื้นแล้ว”

“คนโง่!” ชิงอวี่เอ็ดเสียงเบา

เมื่อเห็นว่าข้อมือที่ยังประกบอยู่กับเขายังคงดูดเลือดเขามาไม่หยุด นางก็ดึงแขนตนกลับมาทันที ปาดนิ้วผ่านรอยกรีดลึกที่ข้อมือเขา ปิดแผลให้เขาในพริบตา

แผลปิดแล้ว หากแต่เลือดสีเสียไปยังไม่ได้คืนกลับมา ทันทีที่ชิงอวี่ดึงข้อมือออกไป ร่างโหลวจวินเหยาก็ซวนเซไป เริ่มจะหน้าคะมำลงมา

เขาอาจรู้สึกอ่อนเพลียมาตั้งแต่เริ่มแล้ว แต่ในเมื่อชิงอวี่ยังไม่ฟื้น เขาจึงฝืนทนต่อไป ไม่ยอมล้มไปง่าย ๆ ในเมื่อตอนนี้ใจสงบลงได้แล้ว ร่างทั้งร่างย่อมรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง พลังทั้งหลายที่เคยมีหายไปจนสิ้น

และด้วยเขามีร่างกายไม่เหมือนใครเช่นนี้ ที่ยังคงสติอยู่ได้จนถึงตอนนี้ก็นับว่ามหัศจรรย์มากแล้ว

เมื่อเห็นเขาทำท่าจะล้ม ชิงอวี่จึงยื่นแขนโอบเอวเขาไว้ตามสัญชาตญาณ เขาสูญเสียเลือดไปมากจนร่างกายเย็นไปหมด นางจับมือเขาแล้วไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นใด

เขาเคยมีสภาพอ่อนแอเช่นนี้ด้วยหรือ? อ่อนแอราวกับเด็กสาวตัวน้อย! ชิงอวี่ทั้งโกรธทั้งเป็นห่วง อดตำหนิเสียงอ่อนออกมาไม่ได้ “ท่านโง่ขนาดนี้เชียวหรือ? หากข้าไม่ตื่น ท่านก็อาจเลือดหมดร่างตายไปแล้ว! ท่านอยากตายหรือไร!?”

โหลวจวินเหยาเอนร่างซบกับไหล่นาง หัวเราะเสียงแผ่ว “ข้าจะทำอย่างไรได้เล่า? จะปล่อยให้เจ้าเกิดเรื่องก็ไม่ได้”

ชิงอวี่ชะงักไปครู่หนึ่ง “ทำไมกัน?”

“หากเจ้าตายไป ข้าก็เบื่อแย่สิ?” เขาว่าแล้วก็หัวเราะอีก

ชิงอวี่หัวเราะหึ ยัดบางอย่างเข้าปากชายหนุ่มไปอย่างโหดร้าย มันละลายในปากทันที ชายหนุ่มจึงไม่ทันได้ต่อต้าน

“มันคืออะไร?”

“ยาพิษ”

“หึ เจ้าตอบแทนบุญคุณด้วยการสังหารข้างั้นหรือ?” โหลวจวินเหยาเอ่ยเย้า จากนั้นก็เงียบเสียงไป

เขาหลับไปแล้ว

ชิงอวี่เอนร่างเขานอนลงบนเตียงอย่างเบามือ จากนั้นก็ตวัดสายตาคมมองเด็กหนุ่มผมทองที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวออกมา “ไหมไหม เจ้าอธิบายการกระทำของเจ้าได้หรือไม่? เจ้าไม่รู้หรือว่าเขาอาจตายได้?”

“แล้วอย่างไร?” จั้งไหมไม่ได้รู้สึกว่าตนทำอันใดผิด “เขาได้ช่วยนายหญิง นับเป็นเกียรติด้วยซ้ำ อีกทั้งมีแต่เลือดของเขาจึงจะช่วยนายหญิงได้ หากช้ากว่านี้ท่านจะตกอยู่ในอันตราย”

ชิงอวี่นัยน์ตาเย็นเฉียบ “เพราะงั้นแล้ว เจ้าอยากช่วยข้ามากจนไม่สนใจชีวิตคนเลยงั้นหรือ? อีกทั้งคนผู้นี้ยังช่วยตามหาท่านแม่ของข้าอยู่ เขาเป็นผู้มีพระคุณของข้า!”

“นายหญิง ท่านตื่นเสียทีเถอะ นางไม่ใช่ท่านแม่ของท่าน” จั้งไหมไม่ใช่เด็กหนุ่มที่เชื่อฟังคำนางดังเดิม ใบหน้าเขาเคร่งขรึมนัก “นางเป็นสายเลือดเดียวกับร่างที่ท่านใช้อยู่ก็เท่านั้น ไม่ใช่สายเลือดเดียวกับท่าน นายหญิงลืมไปแล้วหรือว่าท่านเป็นผู้นำตระกูลชิง ตระกูลอันดับต้น ๆ นับวันท่านยิ่ง….. ตัดสินใจไม่เด็ดขาด ดูจิตใจโลเล นายหญิงลืมเรื่องชิงเทียนหลินไปแล้วหรือ?”

เมื่อเห็นเด็กสาวหน้าตาหดหู่ลง จั้งไหมก็หยุดกดดัน เอ่ยต่อเสียงอ่อน “นายหญิง เรื่องทรยศหักหลัง ท่านพบเพียงครั้งหนึ่งก็เกินพอ แต่เดิมมาคนที่ทำเรื่องใหญ่สำเร็จย่อมสามารถละทิ้งสิ่งต่าง ๆ มากมายลงได้ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงชีวิตคนเพียงหนึ่ง”

ชิงอวี่เห็นความโหดเหี้ยมไม่ปิดบังในดวงตาของเด็กหนุ่มแล้วก็นัยน์ตาทะมึนลง

อย่างไรเขาก็เป็นอาวุธปีศาจ แม้จะอยู่กับนางมานานหลายปี แต่ความชั่วร้ายในจิตใจโดยเนื้อแท้ก็ยังไม่อาจปกปิดไว้ได้ตลอด

หากไม่ใช่เพราะผูกสัญญาเลือดกันไว้ เขาก็อาจไม่ยอมก้มหัวให้นางก็เป็นได้! เพราะในสายตาพวกเขาแล้ว มนุษย์ก็เป็นเพียงมดตัวเล็ก ๆ ที่ทำอะไรไม่ได้เท่านั้น

อย่างไรนางก็ยังเป็นมนุษย์ ไม่อาจไร้จิตใจเช่นเขาได้

บรรยากาศกดดันอยู่ชั่วครู่ ไม่มีใครเอ่ยความใดขึ้นมา ก่อนที่เด็กสาวจะเอ่ยขึ้น “เจ้าไปเถอะ!”