ตอนที่ 78 ศิษย์อาจารย์หลิน!

ไม่นานเรื่องของหยางเย่ได้ถูกรายงานไปที่เมืองหลวงจิงโดยหัวหน้ายาม รองผู้ว่าการเมืองหลวงหลิวหรงรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที ไม่เพียงแค่หยางเย่จะล้างบางตระกูลหลิวแล้ว เขายังสังหารผู้ว่าการแห่งเมืองทักษิณภิรมณ์ตรงกลางถนนด้วย มันเป็นการดูหมิ่นกฎของจักรวรรดิต้าฉินอย่างมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้ว่าการแห่งเมืองทักษิณภิรมณ์เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาด้วย ดังนั้นเขาจึงรีบส่งคนไปแจ้งสมาคมผู้ใช้ยันต์ในเมืองหลวงทันที และได้ขอให้สมาคมลงโทษหยางเย่อย่างจริงจัง

เมื่อเจ้าหน้าที่ในสาขาทราบว่างหยางเย่เป็นศิษย์ของอาจารย์หลิน ความตั้งใจที่จะจับกุมหยางเย่ได้หายไปทันที ‘เรื่องบ้าอะไรกันนี่? ลงโทษศิษย์อาจารย์หลินงั้นหรือ?’ อันที่จริงเขามีอำนาจพอจะลงโทษหยางเย่ แต่การทำให้อาจารย์หลินขุ่นเคืองเพื่อตระกูลหลิวและผู้ว่าการเมืองเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย มันคุ้มค่างั้นหรือ? ในหัวของเขายังไม่ได้ผิดเพี้ยนไป!

ดังนั้นเจ้าหน้าที่คนนี้จึงเล่นเกมตามน้ำไปก่อน เขาบอกว่าหยางเย่ไม่ได้อยู่ในอำนาของเขา และบอกให้หลิวหรงไปยังเมืองอาทิตย์อุทัยแทน

หลิวหรงโกรธจนแทบระเบิดเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ใช้ข้ออ้างกับเขา อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่กล้าทำอะไรคนของสมาคมผู้ใช้ยันต์ แต่ก็ไม่ได้จะปล่อยให้เรื่องมันเงียบไป ดังนั้นเขาจึงมุ่งหน้าไปยังเมืองอาทิตย์อุทัยเพื่อพบเจ้าหน้าที่ที่นั่น

แต่หลิวหรงไม่คาดคิดว่าการบอกเหตุผลว่ามาทำไม จะทำให้ท่าทีเจ้าหน้าที่แห่งเมืองนี้เย็นวูบขึ้นมา เขารีบตอบกลับในทันที “ขออภัย ข้าไม่มีอำนาจมากพอจะลงโทษหยางเย่ เขาอยู่ใต้การควบคุมของสำนักงานใหญ่ในเมืองหลวง ดังนั้นท่านคงต้องไปที่นั่น“

เวลานี้หลิวหรงไม่ได้โกรธแค้นอะไรอีก ตั้งแต่ที่เขาสามารถไต่เต้าจนเป็นรองผู้ว่าการเมืองใหญ่ เขาก็หาได้เป็นคนโง่เขลาไม่ แต่เดิมเขาทราบว่าอาจารย์ยันต์ระดับสี่หยางเย่ไม่ใช่คนที่ธรรมดา ดังนั้นทันทีที่ได้สอบถามประวัติหยางเย่จากเจ้าหน้าที่ เขาก็ได้ทราบในทันที

“เขาคือศิษย์ของอาจารย์หลินชาน!” ทันทีที่กล่าวจบ เจ้าหน้าที่ของสมาคมได้หันหลังเดินจากไป

เมื่อได้ยินคำนี้ หลิวหรงชะงักไปนานก่อนเหงื่อได้แตกพลั่ก ‘สวรรค์! เราตั้งใจจะลงโทษศิษย์ของอาจารย์หลินงั้นหรือ นี่เรากำลังรนหาที่ตายชัด ๆ!’

อย่าว่าแต่รองผู้ว่าการเมืองใหญ่อย่างเขา แม้กระทั่งแม่ทัพคุมทหารทั้งหมดของเมืองหลวงจิง ก็ไม่กล้ายุ่งกับหลินชาน เขาจึงรู้สึกตัวสั่นขึ้นมาทันทีที่นึกถึงตอนตามหาคนมาลงโทษหยางเย่ มันไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย

แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่อาจปล่อยเรื่องที่เกิดขึ้นได้แน่นอน หลังจากหยางเย่สังหารผู้ว่าการเมืองและกำจัดตระกูลหลิว หากไม่จัดการเรื่องนี้ เช่นนั้นจักรวรรดิต้าฉินคงไม่ปล่อยเขาไว้แน่ และหากจะจัดการเรื่องนี้ สมาคมผู้ใช้ยันต์ก็จะใช้อำนาจจัดการเขาเช่นกัน

ยิ่งกว่านั้นเขาไม่สามารถโยนเรื่องให้คนที่ใหญ่กว่านี้ได้แล้ว เพราะคนรับเรื่องสูงสุดขึ้นหลิวหรงผู้นี้เอง ถึงแม้เมืองจิงจะมีคนที่อยู่สูงกว่าอีกคน เขาก็ไม่กล้าโยนเรื่องนี้ให้ เพราะตำเหน่งของเขาคือจัดการกับปัญหาเช่นนี้ หากโยนมันให้ผู้ที่อยู่เหนือกว่า เขาก็ไม่ต่างจากคนที่ไร้ค่า

กล่าวคือจะต้องมีปัญหาหากเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ และก็ยังมีปัญหาเหมือนกันหากไม่กระทำสิ่งใด!

หลังออกจากสมาคมผู้ใช้ยันต์ หลิวหรงรู้สึกสิ้นหวังและขัดแย้งอยู่ภายในเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ท้ายที่สุดเขาทำได้แค่สาปแช่งในใจ “ไอ้ระยำ! ผู้ว่าการต่ำต้อยกับตระกูลห่วยแตกบังอาจไปสร้างเรื่องให้ศิษย์อาจารย์หลินเอง! ไม่ว่าพวกแกจะตายหรือเป็นอะไรก็หาได้เกี่ยวกับข้าไม่ คิดว่าการเป็นรองผู้ว่าที่เมืองหลวงนี้มันง่ายนักหรือไง?”

ถึงแม้เขาจะสบถเช่นนี้ หลิวหรงก็ยังมุ่งหน้าไปยังสมาคมผู้ใช้ยันต์ในเมืองหลวง เวลานี้เขาไม่ได้บอกว่าต้องการจะลงโทษหยางเย่ แต่กลับบรรยายทุกอย่างที่หยางเย่ทำในเมืองทักษิณภิรมณ์ แน่นอนว่าไม่ได้กล่าวเกินจริง ทันทีที่กล่าวจบเขาทำได้เพียงรออาจารย์หลินตอบกลับ

หลังจากรออยู่นาน หลิวหรงจ้องมองอาจารย์หลินที่ยังไม่มีอะไรตอบกลับมา มันนานจนเขาแทบจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เพราะตอนนี้อาจารย์หลินได้นอนหลับไปแล้ว

หลิวหรงอดทนเก็บความโกรธนี้ไว้พร้อมกล่าวด้วยเสียงเบา “อาจารย์หลิน เรื่องที่เกิดขึ้น…”

“อ๊ะ…” หลินชานลืมตาและมองไปรอบด้านก่อนจะขยี้ดวงตาที่เพิ่งตื่น เขากล่าวอย่างงุนงง “เจ้าคือ?”

เปลือกตาหลิวหรงกระตุกพร้อมคำสบถนับล้านในใจ เขาสูดหายใจลึกเพื่ออดทนกับสิ่งนี้ก่อนจะอธิบายเรื่องราวอีกครั้ง

หลังจากได้ยินหลิวหรง หลินชานขมวดคิ้วพร้อมกล่าว “เจ้าหนูนั้นได้ก่อเรื่องใหญ่ในเมื่องทักษิณภิรมณ์เข้าแล้ว สารเลวนัก! อย่าได้กังวล ข้าจะไม่ปกป้องเขาแน่นอน และจะพาตัวมารับบทลงโทษด้วยตนเองที่นี่ ฮึ่ม.. ช่างอุกอาจนัก!”

‘แค่นั้นหรือ?’ หลิวหลงชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “อาจารย์หลิน ตามกฎของจักรวรรดิ…”

หลินชานยืนขึ้นในทันทีพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ข้าไม่ได้บอกจะลงโทษเขางั้นหรือ? เจ้าต้องการอะไรอีก? เจ้าต้องการให้ศิษย์ข้าตายงั้นหรือ? หืม?”

ขณะสนทนา พลังปราณสีแดงโคจรทั่วร่างของเขาราวกับภูเขาไฟที่กำลังจะปะทุ

หลิวหรงรีบถอยอย่างช้า ๆ พร้อมกล่าว “อาจารย์หลินใจเย็นก่อน ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าไม่กล้าหรอก ข้าเพียงแค่ต้องการคำอธิบายให้นายใหญ่เท่านั้น

หลินชานตะคอกกลับ “เจ้าไม่ต้องใช้คำอธิบายใดทั้งนั้น ข้าจะไปหาท่านทูตหลีซือเพื่อจัดการมันด้วยตนเอง เจ้าไปได้แล้ว!”

หลิวหรงถอนหายใจโล่งอกทันทีที่ได้ยิน “ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”

เ มื่อกล่าวจบจึงไม่รอช้ารีบจากไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับอาจารย์ยันต์อีกตลอดชีวิตนับจากนี้

หลังจากมองหลิวหรงจากไป หลินชานหัวเราะอย่างขมขื่น “เจ้าหนูนี้ไม่ต่างจากเปาเอ๋อแม้แต่น้อย ทั้งสองไม่เคยหยุดสร้างปัญหาสักที!”

ถึงแม้หลินชานจะไม่เคยพบหยางเย่ เขาก็ได้รับหยางเย่เป็นศิษย์ไปเรียบร้อย สิ่งนี้ไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของหยางเย่ แต่เพราะหยางเย่ได้ช่วยชีวิตเปาเอ๋อในสำนักดาบราชัน สำหรับเขา เปาเอ๋อมีค่ามากกว่าทุกสิ่งในโลกนี้ ดังนั้นแม้หยางเย่จะไม่ใช่อาจารย์ยันต์ ไม่ใช่ศิษย์ของเขา หรือเป็นเพียงแค่คนธรรมดา เขาก็จะปกป้องหยางเย่ เพราะหยางเย่ได้ช่วยชีวิตเปาเอ๋อไว้!

……

หลังจากร่ำลาชิงหงและพรรคพวก หยางเย่เริ่มรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับราชวังบุปผา หลังจากสูญเสียเวลาทั้งวัน หยางเย่ไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไป เขาใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายกลับไปยังสำนักดาบราชัน

เมื่อมาถึงยังสำนักดาบราชัน หยางเย่ได้นึกถึงซูชิงฉือและเสี่ยวเหยาขึ้นมา แต่ก็ไม่ทราบที่พำนักของซูชิงฉือ ดังนั้นจึงได้ยอมแพ้ และมุ่งไปยังหุบเขาวายุเหมันต์

บนโขดหินใหญ่ หยางเย่เรียกสหายตัวจ้อยออกมา เขามอบผมไม้จิตวิญญาณสีชาดให้

หยางเย่ค่อนข้างสงสัยผลไม้สีชาด เพราะมันเป็นสิ่งที่ทำให้สหายตัวจ้อยไม่ลังเลที่จะออกไปเอามากินด้วยตนเอง

เมื่อมันเห็นผลไม้ สหายตัวจ้อยรีบเข้ากอดอย่างรวดเร็วพร้อมคลอเคลีย ปากเล็กจ้อยได้เปิดออกอย่างช้า ๆ ขณะกำลังจะกินราวกับว่ามันคิดบางอย่างได้ จากนั้นมันปิดปากลงอีกครั้ง

เมื่อเขาเห็นสหายตัวจ้อยกระทำเช่นนั้นหยางเย่ได้กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หากเจ้าชอบมันก็กินมันเสีย!”

สหายตัวจ้อยส่ายหัว จากนั้นมันกลายเป็นแสงสีม่วงพุ่งเข้าไปในตันเถียนน้ำวน หยางเย่ได้แต่งุนงงเมื่อเห็นสหายตัวจ้อยทำเช่นนั้น

“สหายเจ้าทำอะไรงั้นหรือ?” หยางเย่ถาม

สหายตัวจ้อยขยับกรงเล็บไม่กี่ครั้ง ถึงแม้จะเข้าใจยาก แต่หยางเย่ก็สามารถทราบเหตุผลได้ในที่สุด หยางเย่กลืนน้ำลายลงปากก่อนจะถาม “เจ้ากำลังจะบอกว่าผลไม้นั้นสามารถเติบโตข้างในได้งั้นหรือ จากนั้นมันจะมีผลไม้มากมายในอนาคตใช่หรือไม่?”

มิงค์ม่วงพยักหน้าอย่างตื่นเต้น

หยางเย่ไม่กล่าวสิ่งใด สหายตัวจ้อยเจ้าเล่ห์นัก

แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามปราม เพราะเมื่อสหายตัวจ้อยมีความสุข เช่นนั้นเขาก็อนุญาตให้สหายตัวจ้อยทำ

หยางเย่ไม่สนใจในสิ่งนั้นอีก เขาได้นำหีบดาบล้ำค่าที่เปาเอ๋อให้มาดู หยางเย่มองไปยังอักขระยันต์บนหีบดาบ เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถ่ายพลังลงไป

ทันทีที่ถ่ายเทพลังลงไปยังหีบดาบล้ำค่า อักขระยันต์บนนั้นได้เปล่งแสงขึ้น จากนั้นพวกมันดูเหมือนจะมีชีวิตพร้อมไหลเข้าไปในดาบอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น สามสิบหกดาบขั้นสีเหลืองระดับสูงได้พุ่งขึ้นไปยังอากาศ พวกมันได้กลายเป็นแสงสว่างจ้าปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า

ดาบทั้งสามสิบหกเล่มเอนลงเป็นแนวนอนอยู่กลางอากาศ จากนั้นได้รวมตัวกันเป็นวงกลม ไม่นานวงกลมนั้นได้หมุนด้วยความเร็วสูง

เมื่อหมุนได้ครู่หนึ่ง ปลายดาบทั้งหมดได้ชี้ลงไปพร้อมพุ่งเข้าสู่ป่าด้านล่าง

ปั้ง! ปั้ง! ปั้ง!

ป่าส่วนหนึ่งถูกทำลาย ภูเขาและพื้นแแผ่นดินได้สั่นสะเทือน ต้นไม้จำนวนนับไม่ถ้วนลอยขึ้นท้องฟ้า

เวลาต่อมา สามสิบหกดาบได้ระบำอยู่ในป่าครู่หนึ่ง มันนานพอที่จะทำให้ผืนป่าทั้งหมดกลายเป็นเศษซากต้นไม้ในทันที

ขณะมองดูสิ่งที่เกิดขึ้น หยางเย่กลืนน้ำลายลงคอพร้อมกล่าว “ช่างเป็นค่ายกลดาบที่ร้ายกาจ!”

พลังทำลายของค่ายกลดาบนี้ทำให้หยางเย่ตกตะลึงอย่างแท้จริง เขาเชื่อว่าวิชาดาบขั้นสีดำระดับสูงบางอันก็ไม่สามารถทัดเทียมกับค่ายกลนี้ได้ แม้กระทั่งวิชาดาบแยกลมปราณ และวิชาดัชนีดาบราชันของเขาก็ไม่สามารถทัดเทียมมันได้แม้แต่น้อย

อย่างไรก็ตามค่ายก็ดาบนี้ก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ มันกินพลังปราณล้ำลึกมากเกินไป ระหว่างที่เปิดใช้ค่ายกล เขาต้องถ่ายเทพลังปราณเข้าไปในหีบดาบล้ำค่าเพื่อให้มันทำงานตลอดเวลา เพียงเวลาชั่วครู่มันผลาญพลังปราญในร่างไปเกือบหมด

หยางเย่รีบหยุดใช้มันในทันทีที่สังเกตได้ เมื่อหยุดถ่ายเทพลังปราณ ดาบทั้งสามสิบหกเล่มได้ลอยกลับมาอยู่ในหีบดาบล้ำค่าอีกครั้ง

“เราสามารถใช้มันเป็นไพ่ตายได้ในอนาคต!”

หยางเย่กล่าวขณะมองไปที่หีบดาบล้ำค่า

ทันใดนั้นแสงสีม่วงได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าหยางเย่ มิงค์ม่วงชี้กรงเล็บไปยที่หีบดาบล้ำค่า จากนั้นมันชี้ไปที่ท้องของหยางเย่

“เจ้ากำลังบอกให้ข้าเก็บมันไว้ในตันเถียนน้ำวนงั้นหรือ?” หยางเย่ถามด้วยความสงสัย

มิงค์ม่วงพยักหน้า

หยางเย่ลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นเขาพยักหน้า แต่ก็ต้องรู้สึกสับสนเล็กน้อยเพราะไม่รู้ว่าจะใส่มันเข้าไปได้ยังไง ท้ายที่สุดเขามองไปยังสหายตัวจ้อย “ช่วยข้าเก็บมันไว้ในนั้นที!”

สหายตัวจ้อยพยักหน้าก่อนจะขยับกรงเล็บเพื่อย้ายหีบดาบล้ำค่าเข้าไปข้างในตันเถียนน้ำวน

หยางเย่เงยหน้ามองความสว่างรำไรที่ปลายขอบฟ้าพร้อมกล่าวบางอย่าง “เราต้องไปยังศาลาเคล็ดวิชาเพื่อหาใครสักคนที่สามารถช่วยขัดเกลาได้ เราต้องบรรลุขั้นปราณสวรรค์ให้เร็วที่สุด ท่านแม่อดทนรออีกหน่อยนะ…”