ตอนที่ 291 โฉมสะคราญ (3) ตอนที่ 292 สวมรอย (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 291 โฉมสะคราญ (3)

“ตอนนี้ข้าพอใจกับใบหน้านี้ของข้ามาก เก็บของล้ำค่านี้ไว้ให้กับคนที่เขาต้องการเถิด” เฉียวฉู่รีบดันมือของจวินอู๋เสียที่ยื่นออกมากลับไปอย่างรวดเร็ว

เขาไม่กล้ากินยานี้อย่างแน่นอน แค่เห็นสภาพการเสียชีวิตของเคอฉังจวีก็ทำให้เขาสยดสยองแล้ว และเขาก็ไม่อยากกลายเป็นสภาพแบบนั้นแม้แต่น้อย

เม็ดยาโฉมสะคราญของจวินอู๋เสีย ไม่เพียงแค่ฆ่าเคอฉังจวีเท่านั้นแต่ยังสร้างความทรงจำที่ลึกซึ้งให้กับเฉียวฉู่ด้วย

ชายอกสามศอกจะใส่ใจใบหน้าไปทำไมกัน!

จวินอู๋เสียเก็บเม็ดยาโฉมสะคราญกลับไป

เฉียวฉู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ว่า…

นี่หมายความว่าน้องเสียล้อเล่นกับเขาหรือ ช่างหาได้ยากจริงๆ

เจ้าสัตว์ร้ายสีดำที่อยู่ด้านข้างมองไปที่เฉียวฉู่อย่างเงียบๆ ความคิดของเฉียวฉู่ถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจนบนใบหน้าของเขา เจ้าสัตว์ร้ายสีดำอยากจะบอกเจ้าเด็กโง่เขลาคนนี้เหลือเกินว่าเจ้านายของมันไม่เคยล้อเล่น ขอแค่เฉียวฉู่กล้าพยักหน้า จวินอู๋เสียก็จะป้อนเม็ดยาโฉมสะคราญให้เขากินจริงๆ!

มั่นใจได้เลย!

“ตอนนี้พวกเราต้องทำอย่างไรต่อหรือ” เฉียวฉู่กระแอมในลำคอเบาๆ และตัดสินใจที่จะไม่มองไปที่ศพของเคอฉังจวีอีก

“ยอดเขาเร้นเมฆาไม่ค่อยมีบุคคลภายนอกเข้ามา แม้ว่าเคอฉังจวีจะไม่ค่อยพูดคุยกับศิษย์ของยอดเขาเร้นเมฆามากนัก แต่เขาจะปรากฏตัวออกมาให้ทุกคนเห็นทุกวันและศิษย์ของที่นี่ก็เห็นว่าเขาเข้ามาข้างในนี้แล้ว หากเขาหายตัวไปเป็นเวลานานข้าเกรงว่าผู้อื่นจะเกิดความสงสัยเอาได้” ฮวาเหยาขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อเห็นเคอฉังจวีเสียชีวิตแต่รู้สึกว่าปัญหาที่ตามมานั้นมีมากมาย

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฮวาเหยาก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่จวินอู๋เสีย สิ่งที่จวินอู๋เสียเคยถามเขาก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้สึกว่าเด็กหนุ่มคนนี้ยังมีแผนการอื่นอยู่อีก

“เคอฉังจวียังไม่ตาย” จวินอู๋เสียกล่าวออกมาอย่างช้าๆ

เฉียวฉู่มองไปที่จวินอู๋เสียด้วยความประหลาดใจ แล้วชี้ไปที่ศพที่นอนอยู่บนพื้นแต่ไม่พูดอะไร

นี่ยังไม่ตายอีกหรือ

นี่มันตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรแล้วดีไหม

แต่ฮวาเหยากลับเข้าใจขึ้นมาทันที “เจ้าต้องการให้ข้าสวมรอยเป็นเคอฉังจวีหรือ”

จวินอู๋เสียพยักหน้า

ดวงตาของเฉียวฉู่เบิกกว้าง ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

“เจ้าจะให้พี่ฮวาปลอมตัวเป็นเจ้าอัปลักษณ์นี่หรือ แต่พี่ฮวาทำได้แค่เปลี่ยนกระดูก แต่เปลี่ยนผิวหนังกับใบหน้าไม่สามารถเปลี่ยนได้หรอกนะ”

เคอฉังจวีอายุมากแล้วและผิวหนังที่หยาบกร้านไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มที่มีผิวพรรณเรียบเนียนอย่างฮวาเหยาจะสามารถเลียนแบบได้

“ข้ามีวิธี” จวินอู๋เสียกล่าว

เฉียวฉู่เงียบในทันที เขาคิดว่าจวินอู๋เสียเก่งแค่เรื่องการทำยา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กคนนี้จะมีความสามารถมากมาย

แค่มีประโยคนี้ของจวินอู๋เสียฮวาเหยาก็ไม่ถามอะไรอีก เพราะเขาคิดไว้แล้วว่าจวินอู๋เสียคงวางแผนดังกล่าวไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว และตอนนี้เขาก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นไปอีก

หลังจากถูกเคอฉังจวีทรมานมานานกว่าครึ่งเดือน ฮวาเหยาก็สามารถจดจำรูปร่างของเคอฉังจวีได้ขึ้นใจชนิดที่ไม่อาจจะแม่นยำไปกว่านี้ได้อีกแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะบิดกระดูกให้เหมือนกับร่างกายของเคอฉังจวี

ไม่นาน กระดูกบนร่างกายของฮวาเหยาก็มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กระดูกที่อยู่บนร่างกายของชายหนุ่มค่อยๆ เปลี่ยนไปทีละนิด ส่วนสูงลดลงและกระดูกบนใบหน้าของเขาก็ตอบลง ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

จวินอู๋เสียมองฮวาเหยาเคลื่อนย้ายกระดูกอย่างเงียบๆ สายตาของนางเต็มไปด้วยความสนใจ นางมีความสามารถในการปลอมตัวแต่นางก็ไม่สามารถทำอย่างละเอียดเหมือนที่ฮวาเหยาทำได้ แม้ว่าคนๆ หนึ่งจะสามารถเปลี่ยนกระดูกได้เพียงเล็กน้อยด้วยเม็ดยา แต่รูปร่างต่างๆ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ฮวาเหยาสามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลงของกระดูกตัวเองได้อย่างอิสระไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหรือขนาด

นี่มันเกินขอบเขตที่ทางการแพทย์จะสามารถอธิบายได้แล้ว!

กระบวนการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดใช้เวลาไม่นาน ฮวาเหยาตรงหน้าก็กลายเป็นชายอัปลักษณ์ที่มีหลังค่อม แต่ผิวหนังของเขาก็ยังคงเรียบเนียนเหมือนเดิม ไม่หยาบกร้านและเหี่ยวย่นเหมือนเคอฉังจวี

ตอนที่ 292 สวมรอย (1)

ภาพของชายหนุ่มที่กลายร่างเป็นชายแก่อัปลักษณ์นั้นน่าอัศจรรย์ใจจนเกินไป เฉียวฉู่พูดอะไรไม่ออกจริงๆ

“แล้วต้องทำอย่างไรต่อ” ไม่สนใจเลยว่ารูปลักษณ์ของตัวเองจะน่าเกลียดเพียงใด ฮวาเหยามองไปที่จวินอู๋เสียเพื่อรอคำตอบว่าต้องทำอย่างไรต่อไป

จวินอู๋เสียไม่ได้ตอบอะไรเขา แต่หยิบเม็ดยาสองสามตัวออกมาจากถุงผ้าใบเล็ก

แต่ภาพต่อจากนั้นกลับทำให้เฉียวฉู่มึนตึบไปหมด

เม็ดยาแปลกๆ เหล่านั้นที่จวินอู๋เสียเพิ่งนำออกมา ถูกบดขยี้และทาลงบนใบหน้าของฮวาเหยา เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ผิวที่เรียบเนียนก็กลายเป็นหยาบกร้านเหี่ยวย่น ความขาวเนียนอิ่มน้ำก็ถูกแทนที่ด้วยความดำ คล้ำไม่น่ามอง และดวงตาที่สวยงามคู่นั้นก็น่าเกลียดขึ้นมาทันทีเมื่ออยู่ภายใต้ผิวเนื้อที่บวมเป่งขึ้นมา จวินอู๋เสียไม่เว้นแม้แต่ลำคอและผิวหนังที่มือของฮวาเหยา ทุกส่วนบนร่างกายที่คนสามารถมองเห็นได้ล้วนได้รับการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด

หลังจากนั้นไม่นาน ฮวาเหยาก็กลายเป็น ‘เคอฉังจวี’ อย่างสมบูรณ์

“สวมเสื้อผ้าของเขาเสีย” จวินอู๋เสียชี้ไปที่ศพของเคอฉังจวี

ฮวาเหยาเหลือบมองไปที่เฉียวฉู่ เฉียวฉู่จึงต้องเดินไปปลดเสื้อผ้าของคนตายออกอย่างเสียไม่ได้

หลังจากสวมชุดคลุมสีดำตัวนั้นแล้ว ฮวาเหยาก็กลายเป็นเคอฉังจวีผู้อาวุโสของยอดเขาเร้นเมฆาทันที ไม่มีความแตกต่างใดๆ เลยไม่ว่าจะเป็นส่วนสูงหรือรูปร่างหรือหน้าตา เฉียวฉู่มองดูเขาเป็นเวลานานก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ

“แค่มองก็ทำให้คนอยากจะอัดสักหมัดจริงๆ”

เคอฉังจวีผู้ซึ่งถูกปอกลอกออกจนหมดจนเหลือแค่ชุดเสื้อผ้าชั้นในนอนแผ่อยู่บนพื้น ดวงตาที่ปิดไม่สนิทของเขาทำให้ผู้คนไม่อยากจะจ้องมองไปแม้แต่น้อย

จวินอู๋เสียหยิบยาพิษสลายศพขวดหนึ่งออกมาจากชั้นวางที่อยู่ด้านข้างแล้วเทมันลงบนศพของเคอฉังจวี

ศพของเคอฉังจวีก็ถูกกัดกร่อนทีละน้อยอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเลือดและไม่นานก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ไปกันเถิด เจ้าควรออกไปดูยอดเขาเร้นเมฆาของเจ้าได้แล้วผู้อาวุโสเคอ” จวินอู๋เสียเหลือบมองไปที่ฮวาเหยา รอยยิ้มที่มุมปากของนางหายไปอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นเด็กหนุ่มผู้เย็นชาคนนั้นอีกครั้ง

ยอดเขาเร้นเมฆาของข้าหรือ ฮวาเหยายิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าวิธีการของเจ้าเด็กหนุ่มที่มีชื่อว่าจวินเสียคนนี้มันช่างสุดยอดจริงๆ ที่สามารถเปลี่ยนตัวผู้อาวุโสของยอดเขาเร้นเมฆาได้อย่างเงียบเชียบไร้ร่องรอย ดูจากความสามารถของนางแล้ว ที่บอกว่าจะทำลายสำนักชิงอวิ๋น เขาเกรงว่านางจะสามารถทำได้จริงๆ

ลูกศิษย์ยอดเขาเร้นเมฆาสองคนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกห้องใต้ดินยืนพิงกับประตูด้านนอก ทันใดนั้นประตูที่ปิดอยู่ก็ถูกเปิดออก ทั้งสองรีบยืนตัวตรงทันที

ท่ามกลางประตูที่เปิดออก ใบหน้าที่น่าเกลียดและอัปลักษณ์ของ ‘เคอฉังจวี’ ก็เดินออกมา ศิษย์ทั้งสองคนรีบก้มศีรษะทำความเคารพทันที แต่เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นสองคนที่อยู่ด้านหลังเคอฉังจวี พวกเขาก็หยุดชะงักไปอย่างตกตะลึง

เจ้าสองคนนี้ไม่ใช่เจ้าแกะอ้วนสองตัวที่เพิ่งถูกโยนเข้าไปในห้องใต้ดินเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วหรือ เหตุใดพวกเขาจึงสามารถเดินออกมาจากห้องใต้ดินโดยที่ไม่มีบาดแผลอะไรเลยเล่า!

เพราะ ‘แกะอ้วน’ ทุกตัวที่ถูกโยนเข้าไปในห้องใต้ดินนั้นจะไม่สามารถมีชีวิตกลับออกมาได้ หลังจากเสียชีวิต พวกเขาจะถูกขนย้ายออกมาจากห้องใต้ดินและศพของพวกเขาก็จะถูกฝังอยู่ใต้สวนสมุนไพร

แต่วันนี้แปลกมาก…

สายตาที่มองมาอย่างสงสัยของลูกศิษย์ทั้งสองคนทำให้ ‘เคอฉังจวี’ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขาหรี่ตาลงแล้วจ้องมองไปที่ศิษย์ทั้งสองคนด้วยสายตาที่เย็นชา แล้วกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ถ้ายังมองอยู่อีกข้าจะควักลูกตาของพวกเจ้าออกมาเสีย”

ลูกศิษย์ทั้งสองรีบส่ายหัวแล้วรีบละสายตาที่สงสัยกลับมาทันที ไม่กล้ายุ่งอะไรอีก

ผู้อาวุโสเคอเป็นคนอารมณ์แปรปรวนและสามารถฆ่าคนได้โดยไม่กะพริบตา ถ้าทำให้เขาโมโหขึ้นมาจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศิษย์สายในแต่ก็ต้องตายสถานเดียว

หลังจากทำให้ลูกศิษย์เจ้าปัญหาทั้งสองเชื่อฟังแล้ว ‘เคอฉังจวี’ ก็พาเฉียวฉู่และจวินอู๋เสียออกจากห้องใต้ดินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจากไปเขายังทิ้งคำพูดสุดท้ายไว้ให้กับทั้งสองคนนั้น

“ไปจัดการปุ๋ยดอกไม้ในห้องใต้ดินเสีย”