ตอนที่ 147 หนู
“องค์ชาย! พระองค์ยังทรงปกป้องมันอีกหรือพ่ะย่ะค่ะ มันทำร้ายพระองค์ถึงเพียงนี้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ!” ถงจี๋กล่าวจบก็เหมือนจะนึกสิ่งใดขึ้นมาได้ เขารีบก้มศีรษะคำนับฮ่องเต้ “ฝ่าบาท! เกาเซิงเป็นคนใส่ร้ายองค์ชายแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ เขาเคยเป็น…”

“ถงจี๋ ข้าบอกให้เจ้าหุบปาก!”

เหลียงอ๋องผู้ที่ดูอ่อนแอมาโดยตลอดบัดนี้มีสีหน้าถมึงทึงพลางตวาดออกมาด้วยความโมโหจนน่าตกใจ แม้กระทั่งฮ่องเต้ซึ่งประทับอยู่บนบัลลังก์สูงยังตกตะลึงเช่นเดียวกัน

ไป๋ชิงเหยียนมองไปทางเหลียงอ๋องแล้วลอบยิ้มเย็นในใจ เหลียงอ๋องผู้อ่อนแอไร้ความสามารถเก่งกาจในเรื่องการแสดงมาก เขาแสดงละครตบตาคนทั่วทั้งเมืองหลวงจนทุกคนหลงเชื่อไปตามนั้นจริงๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่เขาเสียอาการเช่นนี้

“องค์ชาย?!” ถงจี๋ตกใจกับรังสีทะมึนที่แผ่ออกมาจากร่างของเหลียงอ๋อง น้ำตาคลออยู่ในดวงตา

พริบตาเดียว รังสีทะมึนน่ากลัวเหล่านั้นก็สลายหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ชายหนุ่มคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้นแล้วคลานไปหาฮ่องเต้ “เสด็จพ่อ! เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ลูกขี้ขลาดเพียงใดเสด็จพ่อทรงทราบดีกว่าผู้ใดนี่พ่ะย่ะค่ะ ต่อให้มอบความกล้าให้ลูกอีกหมื่นเท่า ลูกก็มิกล้าสมคบคิดกับแคว้นของศัตรูหรอกพ่ะย่ะค่ะ! ลูกแค่อยากช่วยเสด็จพี่ซิ่นอ๋องเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อโปรดตรวจสอบด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายมากนัก

เดิมทีเหลียงอ๋องก็แสดงออกอย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าอยู่ฝ่ายซิ่นอ๋อง โยนความผิดทั้งหมดให้ซิ่นอ๋องเช่นนี้ก็ไม่แปลกอันใด อย่างไรเสีย…ไม่ว่าฉินเต๋อเจาหรือหลิวฮ่วนจาง เขาล้วนอ้างชื่อซิ่นอ๋องในการออกคำสั่งทั้งนั้น

ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพฮ่องเต้ กล่าวขึ้น “ฝ่าบาทเพคะ ในเมื่อเหลียงอ๋องทรงยอมรับแล้วว่าลายมือในจดหมายคือลายมือของเขาจริงๆ หม่อมฉันและท่านย่าขออ่านเนื้อหาในจดหมายได้หรือไม่เพคะ!”

ฮ่องเต้ได้ยินเสียงของไป๋ชิงเหยียนก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เขาโยนจดหมายไปให้นาง

กระดาษสีขาวร่วงลงบนพื้น หญิงสาวไม่ได้รู้สึกโกรธเคือง นางก้มหยิบจดหมายขึ้นมาอ่านคร่าวๆ จากนั้นส่งให้องค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่จะได้รู้ว่าเหลียงอ๋องวางแผนให้ตระกูลไป๋พังพินาศอย่างไรบ้าง

ฮ่องเต้ที่เมื่อครู่ตกพระทัยกับท่าทีของโอรสของตัวเอง เมื่อทบทวนถ้อยคำของเหลียงอ๋องอีกครั้ง นึกถึงคำว่าลูกที่อยู่ในประโยคที่เขากล่าวออกมา ในใจพลันนึกถึงสายสัมพันธ์พ่อลูก แม้จะเดือดดาลสักเพียงใดแต่ก็ทำเพียงตบโต๊ะอย่างแรงพลางตวาดออกมา “สารเลว! เจ้าทำสิ่งใดไปบ้างยังไม่รีบสารภาพออกมาอีก!”

“เสด็จพ่อทรงทราบดีว่าเสด็จพี่ซิ่นอ๋องเป็นโอรสสายตรง ดังนั้นลูกเลยค่อนข้างสนิทสนมกับเสด็จพี่ซิ่นอ๋อง หลายปีมานี้มีเสด็จพี่ซิ่นอ๋องคอยดูแล! เมื่อเสด็จพี่ซิ่นอ๋องถูกถอดยศกลายเป็นเพียงสามัญชน ลูกจึงร้อนใจมากพ่ะย่ะค่ะ! ในตอนนี้เอง ที่ปรึกษาของเสด็จพี่ซิ่นอ๋องได้มาพบลูกที่จวนพ่ะย่ะค่ะ!”

เหลียงอ๋องใช้แขนเสื้อปาดน้ำตาที่ไหลอาบใบหน้าทิ้ง “ที่ปรึกษาของเสด็จพี่ซิ่นอ๋องมาพบลูก ขอให้ลูกช่วยชีวิตเสด็จพี่สักครั้ง ก่อนหน้านี้ลูกเคยบอกกับเสด็จพี่ว่าลูก ชอบ…ชอบคุณหนูใหญ่ไป๋ ไม่รู้ว่าที่ปรึกษาของเสด็จพี่ซิ่นอ๋องทราบเรื่องที่ลูกแอบติดต่อกับสาวใช้ข้างกายของคุณหนูใหญ่ไป๋ได้อย่างไร เขาจึงเสนอแผนการนี้เพื่อช่วยเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ!”

“ตอนแรกลูกก็รู้สึกว่ามันไม่สมควร!” เหลียงอ๋องกล่าวถึงตรงนี้ก็มองไปยังองค์หญิงใหญ่อย่างระมัดระวัง น้ำเสียงแผ่วลงเล็กน้อย “ที่ปรึกษากล่าวว่า เจิ้นกั๋วอ๋องเสียชีวิตไปแล้ว แต่เสด็จพี่ยังมีชีวิตอยู่ ควรคำนึงถึงการช่วยชีวิตเสด็จพี่เป็นหลัก! มิเช่นนั้น หากโดนเนรเทศไปอยู่ในที่กันดารเช่นนั้น เสด็จพี่ที่ไม่เคยเผชิญกับความลำบากมาก่อนต้องทนไม่ไหวแน่นอน! เสด็จพ่อ นั่นคือพี่ชายแท้ๆ ของลูก! คือโอรสสายตรงที่เสด็จพ่อทรงให้ความสำคัญมากที่สุด! ไม่ว่าอย่างไรลูกก็อยากช่วยเสด็จพี่พ่ะย่ะค่ะ ดังนั้น…ลูกจึงยอมทำตามพ่ะย่ะค่ะ!”

มือที่จับอยู่บนที่วางแขนของเก้าอี้แน่นค่อยๆ คลายแรงออก หากเป็นเพราะต้องการช่วยเหลือซิ่นอ๋อง ฮ่องเต้รู้สึกว่ายังพอให้อภัยได้ “ที่ปรึกษาผู้นั้นอยู่ที่ใด!”

“ทูลเสด็จพ่อ ที่ปรึกษาผู้นั้นบอกกับลูกว่าเมื่อเขาพบฉินเต๋อเจาเสร็จเขาจะเดินทางไปจากเมืองหลวงทันทีพ่ะย่ะค่ะ ทว่า…” เหลียงอ๋องมีท่าทีราวกับนึกถึงสิ่งน่าสะพรึงกลัวอันใดขึ้นมาได้ ร่างของเขาสั่นเทิ้ม “ทว่า ต่อมา ฉินเต๋อเจาเสียชีวิตลง ที่ปรึกษาผู้นั้นก็หายตัวไปพ่ะย่ะค่ะ ลูก…ลูกกลัวมากจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”

น้ำหูน้ำตาของเหลียงอ๋องไหลอาบหน้า ร่างทั้งร่างดูขี้ขลาดไร้ความสามารถราวกับหนู[1] ตัวหนึ่ง

ที่เหลียงอ๋องทำตัวราวกับคนโง่งั่งเช่นนี้ก็เพราะอยากจะโยนความผิดทั้งหมดให้ซิ่นอ๋อง ที่ลากฉินเต๋อเจาเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะต้องการโยนความผิดเรื่องเสบียงอาหารที่หลู่จิ้นกำลังสืบคดีให้แก่ซิ่นอ๋องเช่นเดียวกัน เช่นนี้เขาจะสามารถกันตัวเองออกมาจากเรื่องทั้งหมดได้อย่างหมดจด

“แล้วเรื่องหลิวฮ่วนจางเล่า!” ฮ่องเต้ชี้ไปยังเกาเซิงและเถียนเหวยจวิน “สองคนนี้เป็นคนของจวนเหลียงอ๋องใช่หรือไม่! จดหมายก็เป็นลายมือของเจ้าใช่หรือไม่!”

“ที่ปรึกษาของเสด็จพี่ซิ่นอ๋องเป็นคนบอกลูกว่าหลิวฮ่วนจางหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองหลวงพ่ะย่ะค่ะ ที่ปรึกษาผู้นั้นส่งคนไปจับตาดูหลิวฮ่วนจางเอาไว้ ก่อนเขาจะจากไปเขากำชับลูกเอาไว้ว่าต้องแน่ใจว่าจดหมายเหล่านั้นถูกนำไปวางไว้ในห้องหนังสือของเจิ้นกั๋วอ๋องแล้วจึงค่อยพาตัวหลิวฮ่วนจางไปตีกลองที่ศาลต้าหลี่เพื่อฟ้องร้องว่าเจิ้นกั๋วอ๋องกบฏพ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้จะได้กันเสด็จพี่ออกมาจากเรื่องพวกนี้ได้ ลูกจึงสั่งให้เกาเซิงไปจับตาดูหลิวฮ่วนจางไว้”

เหลียงอ๋องเงยหน้ามองดูสีพระพักตร์ที่เคร่งขรึมของฮ่องเต้อย่างระมัดระวัง จากนั้นก้มหน้างุดลงอีกครั้งอย่างหวาดกลัว “เดิมทีลูกตั้งใจว่าหลังจากวางจดหมายไว้ในห้องหนังสือของเจิ้นกั๋วอ๋องแล้ว ลูกจะพาหลิวฮ่วนจางมาพบเสด็จพ่อ แล้วค่อยขอร้องแทนตระกูลไป๋พ่ะย่ะค่ะ อย่างไรเจิ้นกั๋วอ๋องก็เสียชีวิตไปแล้ว เสด็จพ่อคงไม่โหดร้ายถึงขั้นเอาชีวิตของสตรีของตระกูลไป๋ ลูกจะได้ช่วยเสด็จพี่ออกมาได้ด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“แต่วันนี้เมื่อคุณหนูสี่ตระกูลไป๋อ่านจดหมายเหล่านั้นต่อหน้าทุกคน ลูกจึงทราบว่าไม่อาจปกปิดเรื่องนี้ได้แล้ว มีเพียงทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่เท่านั้นถึงจะช่วยชีวิตเสด็จพี่เอาไว้ได้ เสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ ลูกเพียงแค่อยากช่วยเสด็จพี่เท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ!” เหลียงอ๋องกล่าวพลางหันไปมององค์หญิงใหญ่ ร้องไห้อย่างน่าเวทนาราวกับเด็กคนหนึ่ง “ท่านย่า บุรุษตระกูลไป๋เสียชีวิตลงหมดแล้ว คนตายไม่อาจฟื้นขึ้นมาได้ ท่านต้องการให้เสด็จพี่ชดใช้ด้วยชีวิตจริงๆ หรือขอรับ พวกเรา…คือครอบครัวเดียวกันนะขอรับ!”

มือที่จับที่วางแขนของฮ่องเต้สั่นน้อยๆ แม้ว่าโอรสองค์นี้จะทั้งโง่ทั้งขี้ขลาดตาขาว ทว่า เบื้องลึกเป็นคนจิตใจดีงาม เขาทำไปเพราะอยากช่วยพี่ชายของตัวเองเท่านั้น เขาจะตำหนิสิ่งใดได้!

องค์หญิงใหญ่เม้มปากแน่น จากนั้นจึงค่อยๆ กล่าวขึ้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความอ่อนล้า “ฝ่าบาท เรื่องในราชสำนักจะตัดสินกับภายในครอบครัวได้อย่างไรเพคะ โอรสทำผิดต้องได้รับโทษเดียวกับสามัญชน อีกอย่าง จากถ้อยคำขององค์ชายที่กล่าวมาเมื่อครู่ ดูเหมือนว่าซิ่นอ๋องจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเสบียงในครั้งนี้ด้วยอย่างนั้นหรือเพคะ!”

กล่าวถึงตรงนี้ องค์หญิงใหญ่เริ่มร้องไห้อย่างสะอึกสะอื้น “หลานชายคนที่สิบเจ็ดของหม่อมฉันถูกศัตรูคว้านท้อง ในท้องมีแต่เศษไม้และดินโคลน หากมีเสบียงอาหารจะพบจุดจบที่น่าอนาถเช่นนี้หรือเพคะ!

เพื่อจวินกง ซิ่นอ๋องบีบบังคับให้ไป๋เวยถิงสามีของหม่อมฉันไปออกรบ หม่อมฉันสามารถเข้าใจได้ว่าซิ่นอ๋องทรงต้องการสร้างผลงาน! ทว่า เหตุใดต้องตัดขาดเสบียงเหล่านั้นด้วยเพคะ! หรือว่าต้องการสร้างผลงานมากจนถึงขั้นทำร้ายทหารร่วมแคว้นเดียวกันด้วยเพคะ!”

องค์หญิงใหญ่สะบัดจดหมายที่อยู่ในมือ “หม่อมฉันยังมีเรื่องข้องใจเพคะ ในจดหมายของเหลียงอ๋องกล่าวว่า หากหลิวฮ่วนจางไม่ยอมทำตามหรือต้องการเปิดโปงเรื่องทั้งหมดโดยการเปิดเผยเรื่องที่องค์ชายกับเขาร่วมมือกัน องค์ชายจะให้เขาไปพบกับครอบครัวของเขาในปรโลก หลิวฮ่วนจางร่วมมือทำสิ่งใดกับองค์ชายกันเพคะ!”

———————————————

[1] หนู เป็นคำด่าคน อุปมาคนชั่วช้าเลวทราม หรือคนต้อยต่ำไร้ความสามารถ