บทที่ 184 การคำนวณ

บทที่ 184 การคำนวณ

เหลียงชิงไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย คำอธิบายของโจวอี้ไม่ใช่ปัญหา เขารู้ว่าอีกฝ่ายไปที่นั่น แต่ไม่มีหลักฐานว่าโจวอี้ฆ่าคนจากนิกายดอกบัวขาวที่ภูเขาอวิ๋นซาน

เมื่อคิดทบทวนดูอีกทีแล้ว

โจวอี้ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่ง

ในบรรดาคนของนิกายดอกบัวขาวที่ถูกฆ่าตายบนภูเขาอวิ๋นซาน มีสองคนเป็นชายที่แข็งแกร่งในระดับกึ่งปรมาจารย์ เป็นไปไม่ได้ที่โจวอี้จะสามารถฆ่าสองคนนั้นได้ด้วยตัวเอง

หลันเสวียนเป็นผู้ลงมืออีกแล้วเหรอ?

“โจวอี้ นายช่วยฉันหาสาเหตุที่หลันเสวียนโจมตีนิกายดอกบัวขาวได้ไหม” เหลียงชิงไห่ถาม

“ผู้เฒ่าเหลียง คุณเป็นประธานของคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลง หากคุณต้องการถามอะไร ก็แค่ถามเธอโดยตรง ทำไมคุณถึงถามผ่านผมล่ะ”

“แค่ก ๆ!”

เหลียงชิงไห่รู้สึกสิ้นหวัง แม้ว่าเขาจะเป็นประธานคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลง แต่เขาไม่กล้าเข้าไปในภูเขาเมิ่งหลาน!

แม้ว่าเขาจะเข้าไปในภูเขาเมิ่งหลานภายใต้การคุ้มครองของกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ แต่เขาจะถามหลันเสวียนได้อย่างไรว่าทำไมเธอถึงฆ่าพวกนิกายดอกบัวขาว หากหลันเสวียนไม่พอใจขึ้นมา ชาวบ้านหลายหมื่นคนของภูเขาเมิ่งหลานคงจะฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ!

ตัวตนของหลันเสวียนนั้นพิเศษเกินไป เธอคือบุตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาเมิ่งหลาน

“ถ้าฉันบอกว่าทำไม่ได้ นายจะเชื่อไหม” เหลียงชิงไห่ยิ้มอย่างขมขื่น

“ผมเชื่อ!” โจวอี้ยิ้มและพูดว่า “ชาวบ้านที่นั่นล้วนแล้วแต่เป็นพวกชอบความรุนแรง ตอนนู้นที่ผมตัดต้นมะเดื่อของพวกเขา ผมถูกไล่ล่าตั้งหลายร้อยลี้จากกลุ่มคนที่ผมเคยเรียกว่าเพื่อน! ดังนั้นหากมีใครกล้าตั้งคำถามกับบุตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขา…พวกเขาจะฉีกคนคนนั้นทั้งเป็นอย่างไม่ลังเลเลย”

“แล้วแบบนี้ฉันหวังพึ่งนายได้ไหม?” เหลียงชิงไห่พูดอย่างหมดหนทาง

“ไม่มีปัญหา ผมจะถามให้เอง” โจวอี้ยิ้ม และทันใดนั้นบทสนทนาก็เปลี่ยนไป เขาถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “ผู้เฒ่าเหลียง ผมได้ยินมาว่าตราบเท่าที่ตัวตนของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นมีความแข็งแกร่งเพียงพอและมีที่มาชัดเจน เขาก็จะมีคุณสมบัติเข้าร่วมคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลง คุณคิดว่าผมที่เป็นศิษย์ของสำนักโอสถมีตัวตนที่ชัดเจนพอไหม?”

“หมายความว่ายังไง? นายต้องการเข้าร่วมคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลงงั้นเหรอ?” เหลียงชิงไห่ขมวดคิ้วถาม

“แค่ก ๆ ผมเป็นแค่คนธรรมดา แต่ผมได้ยินมาว่าคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลงมีสมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ ที่ดูมีมนต์ขลังมาก หากเราพบปัญหาภายนอก เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการจุดไฟที่สมุดนั่น” โจวอี้หัวเราะ

“นั่นคือสิ่งที่นายต้องการ?” เหลียงชิงไห่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก

“ยังไม่พอหรอกเหรอ?” โจวอี้ถาม

“พอ แต่…”

“ผมเป็นแพทย์แผนจีนและหมอสมุนไพรนะ ถ้าคนของคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลงกำลังจะตายหรือเป็นโรคระยะสุดท้าย ผมคิดว่าผมสามารถรักษาได้ในราคาที่ต่ำกว่าคนทั่วไปมากนะ”

เหลียงชิงไห่ตกตะลึง

นายพูดถูก!

หากคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลงมีศิษย์จากสำนักโอสถเข้าร่วม มันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อสมาชิก

นอกจากนี้ ประวัติของโจวอี้ยังขาวสะอาด

ว่ากันว่าศิษย์ทุกคนของสำนักโอสถที่ต้องการสืบทอดเสื้อคลุมของอาจารย์ อย่างแรกคือต้องมีนิสัยเรียบง่ายและมีเมตตา

อาจกล่าวได้ว่าหากศิษย์ของสำนักโอสถคนใดต้องการเข้าร่วมคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลง เขาสามารถตกลงเข้าร่วมกับอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องตรวจสอบเพิ่มเติม

“ผู้อาวุโสสำนักของนายจะเห็นด้วยงั้นเหรอ?” เหลียงชิงไห่ถาม

“อาจารย์ของผมจะไม่รังเกียจแน่นอน”

“อาจารย์ของนายคือ…” เหลียงชิงไห่เคยได้ยินชื่อโจวอี้มาบ้างแล้ว แต่เขารู้เพียงว่าโจวอี้เป็นศิษย์ของสำนักโอสถ เขาไม่รู้ว่าอาจารย์ของชายหนุ่มคนนี้คือใคร

“อาจารย์ของผมคือฉู่เทียนฮุ่ย และอาจารย์อีกคนของผมคือชายชราไร้ใจ” โจวอี้ยิ้ม

ฉู่เทียนฮุ่ยผู้นำสำนักโอสถ?

ชายชราไร้ใจ? ผู้นำสำนักโอสถรุ่นก่อน?

แบบนี้ก็หมายความว่าโจวอี้คือผู้นำในอนาคตของสำนักโอสถน่ะสิ?

เหลียงชิงไห่มองดูถงหู่และโจวอี้ และทันใดนั้นก็เข้าใจแล้วว่าทำไมแม่ของถงหู่ถึงบอกว่าลูกชายของเธอมีสิทธิ์ที่จะบอกโจวอี้ก็ต่อเมื่อเขาทะลวงเข้าระดับปรมาจารย์

คงจะแปลกถ้าเขาไม่ได้รับการคุ้มกันจากผู้นำสำนักโอสถที่ทรงพลังและมีอิทธิพลที่น่ากลัว

‘ฉันโชคดีแล้ว!’

เหลียงชิงไห่ยิ้มอย่างสดใส เขามองโจวอี้อย่างใจดีและพูดว่า “ฉันตกลง นายสามารถเข้าร่วมคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลงได้ ใบรับรองจะมอบให้นายอย่างช้าที่สุดสามวันหลังจากนี้”

“ขอบคุณ คุณเหลียง เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” โจวอี้ยิ้ม

เหลียงชิงไห่ยิ้มและกล่าวว่า “นายต้องจำไว้ว่าใบรับรองนั้นไม่สามารถใช้งานได้ง่าย ๆ เว้นแต่จะมีความจำเป็นจริง ๆ”

“ผมเข้าใจแล้ว!” โจวอี้พยักหน้า

“อ้อ ฉันได้ยินมาว่านายบริจาคเงินร้อยล้านหยวนให้โรงพยาบาล?”

“ใช่! ในฐานะหมอ ผมทุกข์ใจมากที่เห็นคนไข้ไม่มีเงินรักษาโรค และครอบครัวต้องทนทุกข์หมดหนทาง ผมก็เลยบริจาคเงินเท่าที่จะช่วยได้ ก็แค่ช่วยพวกเขาน่ะ!”

“เด็กดี”

เหลียงชิงไห่พูดจบก็ยืนขึ้น และทิ้งข้อมูลติดต่อของเขาเอาไว้ให้ “ฉันจะรอข่าวจากนาย ตอนนี้คงต้องขอตัวก่อน”

“ไม่ต้องกังวลเลยครับ!” โจวอี้เดินตามเขาไป

เขาส่งเหลียงชิงไห่ที่หน้าวิลล่า เฝ้าดูพวกเขาขึ้นรถและจากไป จากนั้นรอยยิ้มบนใบหน้าของโจวอี้หายไปทันที

คณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลงจำเป็นต้องติดตามความเคลื่อนไหวโลกของผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมด แม้ว่าจะไม่อยู่ภายใต้อำนาจของทางการโดยตรง แต่ก็มีหน้าที่รับผิดชอบมหาศาล เหลียงชิงไห่ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลงมีสถานะที่ประเมินค่าไม่ได้

เฉิงฮ่าวเคยบอกเขาว่าตัวตนของสมาชิกคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลงสามารถอำนวยความสะดวกได้ในหลายกรณี

ตัวอย่างเช่น เมื่อจัดการกับศัตรูในบางช่วงเวลา คุณสามารถฆ่าก่อนแล้วค่อยตอบคำถามได้

และก่อนหน้านี้เขาได้ฆ่าคนไปมากมาย เขาต้องเข้าร่วมเป็นสมาชิกในคณะกรรมการนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาในอนาคต

“พี่ชาย พี่อยากเข้าร่วมคณะกรรมการกำกับเถิงหลงจริง ๆ เหรอ” ถงหู่ถาม

“นี่เป็นองค์กรกึ่งทางการที่สามารถรักษาระเบียบของโลกของผู้ฝึกยุทธ์ได้ หลังจากเข้าร่วมแล้ว มันก็จะสะดวกมากที่เราจะทำอะไรได้หลายอย่าง” โจวอี้อธิบาย

“อืม!”

“ไปเถอะ! คืนนี้ฉันจะพาไปกินของอร่อย ๆ” โจวอี้ยิ้ม

“ถัง… เอ่อ พี่สะใภ้ทำอาหารไว้แล้ว แถมวันนี้มีคนอยากชวนพี่ไปกินบาร์บีคิวด้วย” ถงหู่ยิ้มกว้าง

กินบาร์บีคิว?

โจวอี้ตบหน้าผากของตัวเองในทันใด เขาลืมนัดหมายกับอู๋ฉีหางไปซะสนิท

แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่สายเกินไป แต่ถังหว่านก็ทำอาหารด้วยตัวเองแล้ว ถ้าเขาไปที่บ้านของอู๋ฉีหางตามนัดหมายโดยไม่กินอาหารของถังหว่านละก็…

จริงด้วย!

ถงหู่กินได้เยอะอยู่แล้ว หลังจากกินอาหารที่ถังหว่านทำจนหมด เขาก็จะพาถงหู่ไปที่บ้านของอู๋ฉีหางเพื่อดื่มและกินบาร์บีคิวกันต่อ

เมื่อโจวอี้และถงหู่เข้าไปในห้องโถงของวิลล่า พวกเขาก็เห็นถังหว่านยืนอยู่ข้างโต๊ะน้ำชา

“พวกเขาไปกันหมดแล้วเหรอ?” ถังหว่านถาม

“ไปกันหมดแล้ว” โจวอี้พยักหน้า เขามองไปที่ชาหอมกรุ่นของถังหว่าน ก่อนจะยิ้มแล้วถามว่า “คุณไม่กลัวเหรอ”

“ไม่หรอก! แค่พวกเขา…” ถังหว่านส่ายหัว

“พวกเขาเป็นสมาชิกขององค์กรในโลกของผู้ฝึกยุทธ์ และชายชราคนนั้นเป็นประธานขององค์กร พวกเขาเป็นองค์กรกึ่งทางการและจะไม่เป็นอันตรายต่อผม ดังนั้นมั่นใจได้เลย!” โจวอี้อธิบาย

“พวกเขาต้องการอะไรจากคุณ”

“ผู้ชายของคุณยอดเยี่ยมเกินไปยังไงล่ะ พวกเขาต้องการให้ผมเข้าร่วมด้วย” จู่ ๆ โจวอี้ก็ขยี้ผมตัวเอง “แย่จัง ผมลืมถามไปเลยว่าองค์กรนั้นให้ค่าจ้างเท่าไหร่ แต่มันก็ควรจะต้องมากกว่าที่โรงพยาบาลให้ผมสิ จริงไหม”

“…” ถังหว่านพูดไม่ออก

ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงบางสิ่งขึ้นมาได้ เธอแสดงสีหน้าโอ้อวดออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “คุณก็อย่าดูถูกฉันเหมือนกัน ฉันผ่านการออดิชันละครเรื่อง ‘Crossing the Jianghu’ เรียบร้อยแล้ว และฉันจะต้องไปเข้าร่วมการถ่ายทำในวันพรุ่งนี้”

บัดซบฉิบหาย!

โจวอี้สาปแช่งในใจและคิดว่าถังจี้โจวคนนั้นน่าฆ่าให้ตายเหลือเกิน!