บทที่ 195 เซี่ยหยางปรากฏตัว

ตอนกลางคืน เซียวเย่เจ๋อเข้ามาหลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็เห็นเผยยวนกำลังถือสะดึงปักผ้าอยู่

ขาของเขาอ่อนยวบลง เกือบคิดว่าตนเองเดินเข้าห้องผิดเสียแล้ว

“เข้ามาแล้วก็รีบปิดประตู ตอนกลางคืนแมลงเยอะ” เผยยวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยเมย ราวกับว่าสิ่งที่เขาถืออยู่ในมือไม่ใช่อุปกรณ์เย็บปักถักร้อย แต่เป็นตำราพิชัยสงครามอย่างไรอย่างนั้น

เซียวเย่เจ๋อปิดประตู ก่อนจะไปนั่งที่ข้างกายเขา “นี่ท่านกำลังทำอะไรอย่างนั้นหรือ?”

เผยยวนครุ่นคิดครู่หนึ่ง “เจ้ามาได้เวลาพอดี เจ้าดูสิว่าลายนี้เหมาะกับฮวนฮวนหรือไม่?”

เซียวเย่เจ๋อรับมาไว้ในมือ “นี่…นี่มันหงส์มังกรนี่นา ท่านจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ?”

“ชุดแต่งงาน”

เซียวเย่เจ๋อสูดลมหายเข้าลึก “ให้ใครกัน? ท่านจะรับอนุอย่างนั้นหรือ? อนุก็ไม่ควรสวมชุดสีแดงสิ”

“…” เผยยวนคิดในใจ คนดี ๆ คนหนึ่ง เหตุใดถึงมีปากเช่นนี้กัน

เซียวเย่เจ๋อเองก็ได้สติขึ้นมาอีกครั้ง “อ้อ ท่านทำให้จี้จือฮวนหรือ?”

เผยยวนขี้เกียจจะสนใจเขา เซียวเย่เจ๋อจึงขยับเข้ามาใกล้ ๆ เสียเอง “ข้าคิดว่าดีทั้งนั้น ลายนี้ดูงดงามไม่น้อย ตอนที่ลูกพี่ลูกน้องข้าแต่งงานชุดนั้นก็สวยเหมือนกัน ด้านบนปักลายหงส์กับดอกโบตั๋น วันหลังข้าจะถามนางแล้วเอาแบบมาให้”

ค่อยเหมือนคนพูดหน่อย

“ท่านจะปักเองหรือ? เช่นนั้นชุดแต่งงานต้องใช้เวลานานเท่าใดกัน แม้แต่ช่างปักที่เก่งที่สุดก็ยังต้องช่วยกันทำหลายคนเลย”

“ข้าต้องทำเอง นั่นจึงจะแสดงถึงความจริงใจ”

เซียวเย่เจ๋อได้แต่บ่นอยู่ในใจ ปักชุดแต่งงานไปจะมีประโยชน์อันใดกัน หากเจ้ายังเสร็จเร็วเช่นนั้น หรือไม่พรุ่งนี้ไปทำภาพวาบหวิวมาเสริมบทเรียนให้เขาดี?

นั่นจะไม่ดีกว่าชุดแต่งงานหรืออย่างไร?

“เรื่องนี้เจ้าอย่าปากมากพูดไปทั่วล่ะ”

เซียวเย่เจ๋อรับปาก “ข้าไม่พูดหรอก ท่านวางใจเถอะ”

ภายใต้แสงเทียน เซียวเย่เจ๋อยืนไขว้ขาพิงกำแพงอยู่ เฮ้อ! จี้จือฮวนทำให้เผยยวนของเขากลายเป็นสามีตัวเล็ก ๆ ไปเสียแล้ว

ชุดแต่งงานก็ยังให้เขาทำให้อีก

พรุ่งนี้เขาต้องไปบอกจี้จือฮวนสักหน่อย ให้ทำดีกับเผยยวนบ้าง จะทำผิดต่อความรักที่คนเขามีให้ไม่ได้เด็ดขาด

วันต่อมา จี้จือฮวนจะไปสำรวจภูเขาด้านหลัง เพื่อวางแผนกำหนดขั้นตอนพัฒนาทะเลสาบน้ำเค็ม แล้วจะได้หาของป่ากลับมาด้วย หลังจากส่งเผยจี้ฉือไปสำนักศึกษาแล้วนางก็ขึ้นเขาไป

จี้จือฮวนตรงไปที่ทะเลสาบน้ำเค็มทันที ระหว่างทางจับไก่ป่าได้ตัวหนึ่งจึงโยนไว้ในตะกร้าสะพายหลัง หลังจากไปถึงทะเลสาบน้ำเค็มก็หยิบเครื่องมือวัดพื้นที่ออกมาและเริ่มวัดขนาด

พร้อมทั้งหยิบหินเกลือบางส่วนกลับไปด้วย ขณะที่จี้จือฮวนกำลังยุ่งอยู่กับการวางแผนจัดการพื้นที่ นางก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวในป่า

จี้จือฮวนหยิบมีดสั้นออกมาทันที และมุ่งหน้าไปตามเสียงนั้น

เพื่อป้องกันเผื่อเป็นสัตว์ป่าแล้วจะโจมตีเข้ามาอย่างกะทันหัน การเคลื่อนไหวของนางจึงแผ่วเบาเป็นอย่างมาก ทันทีที่แหวกพงหญ้าออก จี้จือฮวนจึงได้เห็นว่ามีชายหนุ่มใบหน้าซีดขาวผู้หนึ่งนอนอยู่ตรงนั้น และกำลังจ้องมองมาที่นาง

จี้จือฮวนขมวดคิ้ว พลางพิจารณาเสื้อผ้าของชายหนุ่ม เนื้อผ้าธรรมดาทั่วไป แต่มีบาดแผลที่หลัง เสื้อผ้าชุ่มไปด้วยเลือด หน้าตานับว่าไม่เลว เพียงแต่ดวงตาดูเป็นคนร้ายกาจ

จี้จือฮวนรู้สึกได้โดยสัญชาตญาณว่าคนผู้นี้ต้องไม่ใช่คนดีแน่

และคนผู้นี้ก็คือเซี่ยหยางที่หนีมาจนถึงที่นี่!

เซี่ยหยางอดทนมาหนึ่งวันหนึ่งคืน และทิ้งสัญลักษณ์เอาไว้ระหว่างทาง โดยหวังว่าองครักษ์จะมาช่วยได้ทันเวลา เพราะร่างกายของเขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว

อาวุธที่ใช้ทำร้ายเขามีพิษ แต่เขาได้สกัดจุดเพื่อถอนพิษออกมาแล้ว ทว่าเมื่อเดินมาถึงที่นี่ก็หมดแรงพอดี คิดไม่ถึงว่าบนภูเขารกร้างลูกนี้ จะมีหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้อยู่ ไม่ด้อยไปกว่าบรรดาสาวงามในเมืองหลวงเลย

“แม่นาง…ช่วย…ช่วยข้าที…” เซี่ยหยางยื่นมือออกไป พยายามเรียกร้องความสงสารจากจี้จือฮวน

จี้จือฮวนมองไปที่อาวุธที่อยู่ใกล้มือเขา จากนั้นก็มองไปที่แหวนหยกที่เขาสวมอยู่ที่นิ้ว ในใจก็พอจะคาดเดาบางอย่างได้แล้ว

คนผู้นี้ต้องปิดบังตัวตนอยู่อย่างแน่นอน และถูกคนตามฆ่าจนมาถึงที่นี่ ทว่านางไม่มีเวลามาสนใจเรื่องไร้สาระเช่นนี้ “ข้าไม่รู้วิชาการแพทย์ ที่นี่ห่างไกลและรกร้างไม่มีโรงหมอ ข้าว่าหากเจ้ายังสามารถพูดได้ ก็รีบไปที่ตำบลให้หมอช่วยดูให้เถอะ”

เซี่ยหยางมีหน้าตาที่หล่อเหลาและปากหวาน สามารถหลอกล่อให้สตรีจำนวนไม่น้อยมาตกหลุมรักได้ ทว่าตอนที่เขาเอ่ยปากขอร้องหญิงสาวชาวบ้านคนหนึ่ง กลับคิดไม่ถึงเลยว่านางจะปฏิเสธเขาตรง ๆ เช่นนี้

ตอนนี้จี้จือฮวนรู้สึกดีใจที่นางได้ซื้อภูเขาลูกนี้เอาไว้แล้ว ทะเลสาบน้ำเค็มก็จะไม่ถูกคนพบอีก ส่วนคนภายนอกที่บุกรุกเข้ามาเหล่านี้ อยากไสหัวไปที่ใดก็ไสหัวไป

จี้จือฮวนกำลังจะจากไป แต่กลับถูกเซี่ยหยางคว้าข้อเท้าเอาไว้เสียก่อน

จี้จือฮวนแม้ว่าจะเป็นคนสมัยใหม่ แต่ผู้ชายจะแตะต้องตัวผู้หญิงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน อะไรที่เป็นจุดละเอียดอ่อนนางไม่เชื่อว่าคนสมัยก่อนจะไม่รู้ ดังนั้นนางจึงเตะเขาด้วยความโมโหทันที จนเกือบจะทำให้เซี่ยหยางกระอักเลือดออกมา

“อยากตายนัก ข้าก็จะทำให้เจ้าสมปรารถนาเสียเดี๋ยวนี้!”

เซี่ยหยางกลิ้งไปกับพื้นสองตลบ คิดไม่ถึงว่าสตรีที่งดงามเช่นนี้จะเป็นคนที่อารมณ์ร้าย

เขาใช้แขนพยุงร่างกายไว้ พลางไอออกมาสองครั้งก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “แม่นาง ผู้น้อยไม่ใช่คนไม่ดีจริง ๆ ขอแม่นางช่วยเหลือผู้น้อยสักครั้ง ผู้น้อยจะตอบแทนแม่นางอย่างแน่นอน”

ภายภาคหน้าหากเขาได้เป็นองค์รัชทายาท ก็สามารถยกตำแหน่งในวังหลังให้นางได้ หมิงซูรู้ความเพียงนั้นไม่มีทางหึงหวงเพราะเรื่องนี้อย่างแน่นอน สาวชาวบ้านคนหนึ่งสามารถเป็นผู้หญิงของเขาได้ ก็ถือว่าเป็นบุญมากแล้ว

เซี่ยหยางมองว่าด้วยรูปลักษณ์ของเขา ไม่มีสตรีคนไหนที่จะไม่สนใจอย่างแน่นอน แต่เขาหารู้ไม่ว่านั่นคือรัศมีของตัวเอก แต่จี้จือฮวนไม่ใช่ตัวประกอบในนิยายเรื่องนี้ เป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ ด้วย คนที่เคยชินกับการเห็นชายรูปงามเช่นนางหาได้เห็นเซี่ยหยางอยู่ในสายตาไม่

ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ไม่ใช่คนประเภทที่เห็นผู้ชายหน้าตาดีก็จะหวั่นไหวง่าย ๆ

“เจ้าจะตายอยู่แล้ว จะตอบแทนอะไรได้ คงไม่คิดว่าข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน จากนั้นก็จัดการกับคนที่ตามฆ่าเจ้าให้หรอกกระมัง” จี้จือฮวนก้มลงและเปิดโปงจุดประสงค์ของเขา

เซี่ยหยางชะงักไปเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าคำพูดของจี้จือฮวนไม่ใช่สิ่งที่สาวชาวบ้านคนหนึ่งจะคิดได้

“เสแสร้งไปทำไมกัน? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเจ้าถูกคนตามฆ่า พาเจ้ากลับไปและทำให้คนทั้งหมู่บ้านพลอยลำบากไปด้วยอย่างนั้นหรือ ข้าขอเตือนว่าเจ้าเก็บความคิดนั้นไปซะเถอะ ข้าไม่มีทางช่วยเจ้าแน่” เมื่อครู่จี้จือฮวนเพียงแค่อยากทำเป็นมองไม่เห็น ทว่าตอนนี้กลับกำลังคิดว่าควรฆ่าคนผู้นี้ทิ้งเสียดีหรือไม่

เซี่ยหยางตัวแข็งค้างไปทันที เวลานี้เขาได้ล้มเลิกความคิดนั้นไปแล้ว สตรีตรงหน้าผู้นี้ไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่าย ๆ ดังนั้นการจะไปพักฟื้นที่หมู่บ้าน เกรงว่าคงไม่สามารถทำได้แล้ว

เพียงแต่สตรีผู้นี้ดื้อรั้นราวกับม้าพยศ ทำให้ความปรารถนาที่อยากจะพิชิตของบุรุษผุดขึ้นมาทันที โดยเฉพาะคนที่หยิ่งทะนงอย่างเซี่ยหยาง ทันใดนั้น เซี่ยหยางก็เปลี่ยนวิธีการใหม่

เขาไม่แตะต้องจี้จือฮวนอีก กลับเอนกายพิงตอไม้ด้านหลังอย่างอ่อนแรง “เมื่อครู่ผู้น้อยใจร้อนเกินไป หากแม่นางไม่ต้องการจะช่วย ผู้น้อยก็จะไม่บังคับ”

จี้จือฮวนไม่รอให้เขาพูดจบก็หมุนกายจากไปทันที ครั้งนี้นางไม่ได้ไปที่ทะเลสาบน้ำเค็ม แต่ไปเก็บของป่าก่อน

จนกระทั่งนางขุดสมุนไพรและวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารเพียงพอแล้ว ก็มีการเคลื่อนไหวในป่าดังขึ้นกว่าเดิม คล้ายกับเสียงฝีเท้าของคนสองหรือสามคนได้

จี้จือฮวนแบกของไว้บนหลัง ทว่าหลังจากคิดไปคิดมาแล้วจึงได้ย้อนกลับไป

คนที่มาคือองครักษ์ของเซี่ยหยาง เห็นได้ชัดว่าผ่านการต่อสู้ที่ดุเดือดมา แต่ละคนล้วนมีสภาพสะบักสะบอมอย่างมาก เมื่อเห็นว่าเซี่ยหยางยังมีชีวิตอยู่ เหล่าองครักษ์ก็พากันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

“องค์ชายรอง กระหม่อมขอพระราชทานอภัยที่มาช้าพ่ะย่ะค่ะ”

จี้จือฮวนที่เดินเข้าไปใกล้ ๆ อย่างระมัดระวัง ก็พลันได้ยินประโยคนี้เข้า จึงหยุดการเคลื่อนไหวลงทันที

องค์ชายรอง…หรือว่าจะเป็นพระเอกของเรื่อง เซี่ยหยาง?!