“ไม่มีอะไรหรอก! ฉันแค่เหนื่อย ฉันแค่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแล้วก็เท่านั้น! “หลิ่วเยว่เอ่อร์กอดอก ท่าทางดูเย่อหยิ่ง
เมื่อเฉินฮวนฮวนมองไปที่ท่าทางของหลิ่วเยว่เอ่อร์ก็ทำให้เธอก็รู้สึกแปลกใจ
ในตอนแรกหลิ่วเยว่เอ่อร์นั้นดูน่ารักและขึ้อายมาก ต่อหน้าเกาจวินเซวียนเธอจะดูน่าเอ็นดูเสมอ แต่ตอนนี้…
ทำไมเธอถึงได้ดูเปลี่ยนไปขนาดนี้?
“เยว่เอ่อร์ เกาจวินเซวียนทำอะไรไม่ดีใช่ไหม?” เฉินฮวนฮวนคิดว่าน่าจะเป็นเพราะเหตุนี้
ถ้าไม่อย่างนั้นก็…
หลิ่วเยว่เอ่อร์ทำงานพาร์ทไทม์ในคลับระดับไฮเอนด์อย่างบลูส์คลับทุกวัน และผู้ชายที่เข้าออกที่นั่นส่วนใหญ่ก็เป็นถึงระดับเศรษฐี เป็นไปได้ไหมว่าเธอจะ… แต่เฉินฮวนฮวนไม่กล้าคิดต่อ
เธอคิดว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่น่าจะเป็นผู้หญิงแบบนั้น
“เขาไม่ได้ทำอะไรไม่ดี มันก็แค่นั้น! ก่อนวันวาเลนไทน์เขาให้แค่ลิปสติกYSLมาให้ฉันแท่งเดียวเท่านั้น แต่ผู้ชายของคนอื่นๆให้เป็นเซ็ท! เขาไม่ใช่ไม่มีเงิน แต่เขาแค่ขี้งกกับฉัน กลางวันฉันก็ทำงานและยังทำพาร์ทไทม์ตอนกลางคืนอีก ฉันไม่มีเวลาให้เขา ฉันเลยคิดว่าเขาคงจะไม่มีความสุข… นี่ฉันไม่รู้จริงๆว่าฉันได้แฟนหรือลูกชาย เหมือนฉันไปขโมยลิปสติกเขามาใช้ ฉันไม่เหมาะที่จะคบกับเขาจริงๆ…”
หลิ่วเยว่เอ่อร์บ่นยาวมาก ทุกคำพูดเต็มไปด้วยความโกรธ
เฉินฮวนฮวนก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่ออยู่ดี
แม้ว่าสิ่งที่หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดจะดูสมจริงเกินและดูหน้าเงินไปหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลิ่วเยว่เอ่อร์คงจะเหนื่อยกับเกาจวินเซวียนจริงๆ
ครอบครัวของหลิ่วเยว่เอ่อร์นั้นไม่ค่อยดีนักเพราะเธอถูกเลี้ยงดูมาโดยพ่อเพียงคนเดียว และเฉินฮวนฮวนเองก็รู้เรื่องนี้ดี
หากแฟนของเธอไม่เข้าใจการทำงานพาร์ทไทม์ของเธอและดูแลเธอไม่ดีพอ ทางที่ดีก็ควรจะรีบเลิกกับเขาซะ
“ฮวนฮวน ทำไมจู่ๆถึงเงียบไป? เธอคิดว่าฉันไม่ชอบลิปสติกของเกาจวินเซวียนและหน้าเงินมากไปใช่ไหม? ” หลิ่วเยว่เอ่อร์เหลือบมองเฉินฮวนฮวน เธอพูดออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
เฉินฮวนฮวนเป็นแบบนี้มาตลอด เธอไม่แต่งหน้าและไม่ใช้อะไรเลย เธอไม่ใช้ลิปสติกหรือเครื่องสำอางเลยด้วยซ้ำ เธอมักจะทำให้ผู้หญิงคนอื่นดูเยอะเกินไปเสมอ
ในใจลึกๆของหลิ่วเยว่เอ่อร์เองก็ไม่ค่อยพอใจเธอสักเท่าไหร่
“ไม่ใช่นะเยว่เอ่อร์ ฉันแค่คิดว่าถ้าเป็นเพราะเหตุผลที่เธอบอกมา เธอก็ควรเลิกกับเขาจริงๆ ฉันว่าเธอทำถูกแล้ว”เฉินฮวนฮวนพยักหน้าและมองไปที่หลิ่วเยว่เอ่อร์อย่างจริงจัง
“จริงเหรอ?” หลิ่วเยว่เอ่อร์ไม่อยากจะเชื่อ เฉินฮวนฮวนดูเป็นคนจริงจังขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“จริงสิ”เฉินฮวนฮวนพยักหน้าอีกครั้ง
“โอเค ถ้าอย่างนั้นฉันจะฟังเธอ” หลิ่วเยว่เอ่อร์จับแขนของเฉินฮวนฮวนและซบลงบนไหล่ของเธอ
เฉินฮวนฮวนไม่ได้พูดอะไร แต่คำที่หลิ่วเยว่เอ่อร์พูดก่อนหน้านี้จุู่ๆก็ผุดขึ้นมาในหัวเธอ
ผู้ชายที่ชื่อหลิวตงรุ่ยกำลังตามหาเธอ สร้อยคอทองคำของแม่อยู่ในมือของเขา…
ไม่นานช่วงเช้าก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากรับประทานอาหารกลางวันกับหลิ่วเยว่เอ่อร์เสร็จแล้ว เฉินฮวนฮวนก็ไปที่ร้านชานมเพื่อทำงานพาร์ทไทม์ ในขณะเดียวกันหลิ่วเยว่เอ่อร์เองก็บอกกับเธอว่าเธอจะกลับไปที่หอพักเพื่องีบหลับและจะไปทำงานพาร์ทไทม์ที่บลูส์คลับในตอนกลางคืน แต่ที่จริงแล้วเธอกลับไปที่คฤหาสน์ในเขตชานเมืองด้านตะวันตกต่างหาก
……
ในตอนบ่ายดวงอาทิตย์ยังคงส่องแสงสดใส
หลังจากช่วงเที่ยงผ่านไป ในร้านชานมก็แทบจะไม่เหลือใคร จะมีก็แต่เฉินฮวนฮวนที่ยังคงยุ่งอยู่กับการทำออเดอร์
ขณะที่เธอกำลังง่วนอยู่กับการชงชานมที่เคาท์เตอร์ จู่ๆเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากทางประตู
“โห บังเอิญจัง! ฮวนฮวน เธอทำงานพาร์ทไทม์เร็วไปหรือเปล่า? ฉันคิดว่าเธอจะมาทำงานในร้านชานมแค่ช่วงกลางคืนเท่านั้น! ”
เฉินฮวนฮวนเงยหน้าขึ้นและพบเข้ากับเฉินซินโหรวที่เดินจับมือของเยี่ยจิ่งเฉินเข้ามา ภายใต้แสงของดวงอาทิตย์ทั้งสองดูเหมาะสมกันจริงๆ
แม้แต่นักเรียนที่ผ่านไปก็อดไม่ได้ที่จะมองเพราะพวกเขาดูโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน
“ฮวนฮวน ไม่เจอกันนานเลยนะ”เยี่ยจิ่งเฉินก็เดินเข้ามาด้วย สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่ เขาเอามือปิดปากและไอ ดวงตาของเขาหลบสายตาเธอเล็กน้อย
ดูเหมือนเขาจะอายเกินกว่าที่จะมองตรงๆไปที่เฉินฮวนฮวน
ท่าทางเยาะเย้ยค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินฮวนฮวน
ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้เห็นสองคนนี้พร้อมกันเป็นเวลานานแล้ว และเธอก็อดนึกถึงสิ่งที่เธอเห็นในโรงแรมปีที่แล้วไม่ได้
ตอนนั้นเธอทำงานอยู่ในร้านชานมแห่งนี้ด้วย วันนั้นพอเลิกงานเธอก็ได้รับข้อความจากเขา
เป็นข้อความที่เยี่ยจิ่งเฉินส่งมาและขอให้เธอไปพบเขาที่โรงแรม
เพราะวันถัดมานั้นเป็นวันเกิดของเธอและเธอก็เชื่อใจเยี่ยจิ่งเฉินพอสมควรว่าเขาคงจะไม่ได้นัดเธอไปโรงแรมเพื่อทำสิ่งนั้น
ในตอนนั้นเธอคิดว่าเยี่ยจิ่งเฉินคงจะเตรียมเซอร์ไพรส์ไว้ให้เธอ
ตอนนั้นเธอรีบไปหาเขาอย่างมีความสุข เธอค่อยๆเปิดประตูห้องในโรงแรมอย่างเงียบๆ แต่ก็ดันได้พบกับคนสองคนที่กำลังมีอะไรกันอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์
การเคลื่อนไหวของพวกเขารุนแรงเต็มไปด้วยกามอารมณ์ เยี่ยจิ่งเฉินอ้าปากครางและสบถคำหยาบออกมาอย่างมีความสุข
คนที่อยู่ใต้เยี่ยจิ่งเฉินไม่ใช่คนอื่นคนไกลแต่เป็นพี่สาวต่างแม่ของเธอ เฉินซินโหรว
ในตอนนั้นเฉินซินโหรวเห็นเธอแล้วแต่ก็ไม่ได้บอกเยี่ยจิ่งเฉินแต่อย่างใด กลับกันเธอก็เริ่มยั่วยวนเยี่ยจิ่งเฉินมากขึ้นกว่าเดิม
เฉินซินโหรวมองเธอด้วยสายตายั่วยุและถามเยี่ยจิ่งเฉิน: “อาเฉิน ใครมีเสน่ห์มากกว่ากัน ระหว่างเฉินฮวนฮวนกับฉัน?”
“ซินโหรว คุณนั้นแหละ คุณมีเสน่ห์มากที่สุดเลย ผมรักคุณนะ..” ขณะที่พูดเยี่ยจิ่งเฉินก็ยิ่งเพิ่มแรงมากขึ้น
เฉินฮวนฮวนยังคงจำได้ว่าในตอนนั้นเธอพูดอะไรไม่ออกเลย แม้แต่ตอนที่น้ำตาไหลลงมาก็แทบไม่มีเสียงด้วยซ้ำและเธอไม่รู้ด้วยว่าเธอยืนมองอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน
เมื่อเยี่ยจิ่งเฉินเสร็จภารกิจของเขา เขาก็หันร่างของเขามาและกำลังจะนอนพักผ่อน แต่ดวงตาของเขาก็พบเข้ากับแฟนสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตู
“ฮวนฮวน คุณ…ทำไมคุณถึงมาที่นี่! คุณ…มานานเท่าไหร่แล้ว? “ดวงตาของเยี่ยจิ่งเฉินเบิกกว้างขึ้น ใบหน้าของเขาดูตกใจมาก
เฉินฮวนฮวนยิ้มอย่างน่าสังเวช ใบหน้าของเธออาบไปด้วยน้ำตาและเอ่ยถามเขาว่า: “นานเท่าไหร่แล้ว? นานเท่าไหร่แล้วที่พวกคุณแอบทำแบบนี้? ”
เฉินซินโหรวไม่ได้สวมใส่อะไรบนร่างกายของเธอเลย เธอลุกขึ้นนั่งและเกี่ยวคอของเยี่ยจิ่งเฉินเข้าไปใกล้ๆ เธอเล่นหูเล่นตาจงใจจะยั่วยุเฉินฮวนฮวนและกล่าวว่า: “อาเฉิน บอกเธอไปสิ!”
“ฉัน…..”เยี่ยจิ่งเฉินแข็งทื่อเหมือนคนโง่
“อาเฉิน ถ้าคุณไม่พูด งั้นฉันพูดเอง! ฉันก็ไม่อยากจะแอบทำอะไรลับหลังเธอหรอกนะแต่เราทำแบบนี้มาครึ่งปีแล้ว เธอคงรู้จักตัวฉันดี ยังไงเธอก็ต้องชดใช้! “เฉินซินโหรวพูดออกมาโดยไม่รู้สึกละอายสักนิดเลย
เมื่อเฉินฮวนฮวนได้ยินเช่นนั้นเธอก็แทบทรุดลงไป ดวงตาของเธอพร่ามัวไปหมด
เธอทิ้งไว้แค่เพียงประโยคเดียวว่า “เราเลิกกันเถอะ” แล้วรีบวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่นั้นมาเฉินซินโหรวและเยี่ยจิ่งเฉินก็เปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเขา
กลับมาที่ปัจจุบันเยี่ยจิ่งเฉินสวมเสื้อกันลมสีเบจดูสดใสและดูหล่อเหลาเป็นพิเศษ การแต่งกายของเขาทำให้เฉินฮวนฮวนรู้สึกคลื่นไส้
ข้างนอกดูดีแต่ข้างในเน่าเฟะ ตอนที่เขามีอะไรกับคนอย่างเฉินซินโหรว เธอจะไม่มีวันลืมมันไปชั่วชีวิต!
“คุณเยี่ย คุณเฉิน รับอะไรดีคะ?”เฉินฮวนฮวนถามอย่างเย็นชา