ตอนที่ 195 อาวุธทำลายล้าง
บนโต๊ะอาหาร มู่เถาเยาบอกกับคนตระกูลตี้ว่าตอนเที่ยงจะมีคนจากหมู่บ้านเถาหยวนมาหาเธอ จึงอยากขอให้พ่อครัวของบ้านตระกูลตี้ช่วยเตรียมอาหารเที่ยงเพิ่มอีกสี่ที่
หากว่ากันตามเหตุผลเธอไม่ควรพาแขกมาที่นี่ แต่อีกสามวันคนตระกูลตี้ต้องกลับหมู่บ้านเถาหยวนพร้อมเธอ ยังไงก็ต้องได้เจอกับชาวหมู่บ้านเถาหยวน
ดังนั้นพามารู้จักกันตอนนี้ก็ไม่ต่างกันมาก
ย่าตี้ยิ้มพูดกับมู่เถาเยาอย่างใจดี “เสี่ยวเยาเยา ในเมื่อเป็นคนจากหมู่บ้านเถาหยวน งั้นย่าจะให้ห้องครัวเตรียมอาหารเยอะหน่อย”
มู่เถาเยายิ้มบางพลางส่ายหน้า “ย่าตี้คะ ชาวหมู่บ้านเถาหยวนไม่ใช่คนนอกสำหรับหนู ไม่ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษ ทำตัวตามปกติก็พอค่ะ”
อาหารการกินของคนตระกูลตี้ต่อให้เป็นยามปกติก็อลังการกว่าคนส่วนใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีหัวหน้าเชฟที่ฝีมือขั้นเทพอีก
ปู่ตี้พยักหน้า “ก็ได้ ยังไงซะวันศุกร์พวกเราก็จะไปค้างที่นั่นชั่วคราวอยู่แล้ว ต้องรู้จักกับชาวหมู่บ้านเถาหยวนอยู่ดี เกรงใจเกินไปกลับจะดูไม่ดีด้วยซ้ำ”
ตี้อู๋เปียน “คุณปู่คุณย่า ชาวหมู่บ้านเถาหยวนน่ารักมากครับ พวกเราทำตัวตามปกติก็พอแล้วครับ พวกเขาก็ไม่มีทางอึดอัดกับสถานะของคนอื่นด้วย”
จุดนี้ต้องมีผลงานของมู่เถาเยารวมอยู่ด้วยแน่นอน
มู่เถาเยา “ปู่ตี้ย่าตี้คะ คุณลุงผู้ใหญ่บ้านกับคุณป้ามาหาหนูเป็นเพื่อนเสี่ยวหว่านค่ะ เดิมทีหนูวางแผนว่าวันนี้จะไปหาเสี่ยวหว่าน แต่เธออยากมาเอง งั้นก็ให้เสี่ยวหว่านผ่อนคลายสักสองสามวัน วันจันทร์หน้าเสี่ยวหว่านจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่ะ”
คนชราทั้งสองมีสีหน้ายินดี
ย่าตี้ยิ้มถาม “ย่าจำได้ว่าเฟิงเหมียนของครอบครัวอาจารย์อาเล็กของหนูก็ต้องสอบด้วยหรือเปล่า”
“ใช่ค่ะ วันนี้เสี่ยวเหมียนก็ได้หยุดแล้วเหมือนกัน เดี๋ยวหนูไปมหาวิทยาลัยจะไปบอกอาจารย์อาเล็กด้วยค่ะ ขอพาเสี่ยวเหมียนมาพักด้วยกัน”
ก็เลยต้องมีอาหารเที่ยงเพิ่มมาสี่ชุด ไม่ใช่แค่เฉพาะครอบครัวมู่หว่านสามคน
ปู่ตี้ “เด็กสองคนจะได้มีเพื่อน รับมาอยู่ด้วยกันก็ดีนะ”
“ค่ะ สิ่งที่เสี่ยวหว่านกับเสี่ยวเหมียนเรียนหนูสอนให้ได้ ระหว่างที่ทั้งสองคนพักอยู่กับหนูจะได้ผ่อนคลายด้วย”
ย่าตี้ยิ้มพลางพยักหน้า “น่าเสียดายที่สุ่ยเหยากับสุ่ยเหยาอยู่เจียงตู”
ตี้อู๋เปียน “ไม่อย่างนั้นผมบอกให้น้าเล็กพาพวกเขามาดีไหมครับ จะได้เป็นเพื่อนเล่นมู่หว่านกับเจียงเฟิงเหมียน”
มู่เถาเยา “ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ของคุณจะวางใจเหรอ” นี่เป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตในสายตาของคนส่วนใหญ่
“มีน้าเล็กอยู่ ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้วางใจแน่นอน ไม่อย่างนั้นมาด้วยกันเลยก็ได้ ใช่ว่าบ้านเราจะไม่พอพักอาศัย”
ผู้อาวุโสทั้งสองไม่คัดค้าน
“ซาลาเปาน้อย ป้าสะใภ้ใหญ่ของฉันอาจยังไม่รู้จักเธอ”
เรื่องที่ในเผ่ามีเจ้าหญิง อีกทั้งยังหายสาบสูญไปสิบแปดปี เดิมทีก็มีแค่ไม่กี่คนที่รู้ ก็เหมือนกับที่ตระกูลตี้มีคุณชายเล็กขี้โรค ไม่มีทางเปิดเผยให้ภายนอกรู้
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ก็ไม่ได้กลัวว่าจะมีคนรู้”
เพื่อนของอาต้องไว้ใจได้แน่นอน
“ได้ กินข้าวเช้าเสร็จฉันจะโทรหาป้าสะใภ้ใหญ่”
ครึ่งชั่วโมงต่อมาเหลียงจีก็ขับเครื่องบินไปรับครอบครัวของมู่หว่านสามคน โดยที่อาคุนกับเจ้าถุงลมน้อยไปส่งมู่เถาเยาที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู
เจ้าถุงลมน้อยทำตัวติดมู่เถาเยาจนแทบจะเข้าไปเรียนด้วย
ระหว่างทางกลับเด็กน้อยมีสีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
อาคุนกับสองบอดี้การ์ดของตี้อันเหยี่ยเห็นแล้วรู้สึกขำ
บอดี้การ์ดคนหนึ่ง “คุณชายอันเหยี่ย ทำไมถึงได้ชอบคุณหมอเทวดามากขนาดนี้ครับ”
“พี่สาวเก่ง”
“อาเล็กของคุณชายก็เก่งมากเหมือนกัน ไม่เห็นคุณชายติดอาเล็กเลย”
“อาเล็กเก่งสู้พี่สาวไม่ได้”
หลักๆ คืออาเล็กชอบให้เขาอ่านหนังสือ ตรงไหนไม่เข้าใจก็หาว่าเขาโง่
พี่สาวเคยบอกว่าเขาฉลาดมาก อาเล็กผิดแล้ว ดังนั้นอาเล็กเก่งสู้พี่สาวไม่ได้!
พอพวกเขากลับถึงบ้านตระกูลตี้ ตี้อู๋เปียนก็ให้พ่อบ้านเรียกรวมบอดี้การ์ดทั้งหมด ไป๋เฮ่าอวี๋ก็รวมอยู่ด้วย
“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ช่วงเช้ากับช่วงบ่ายทุกคนต้องมาเรียนกับฉันช่วงละสองชั่วโมง คาบละห้าสิบนาที ระหว่างนั้นมีพักยี่สิบนาที”
เขาบอกซาลาเปาน้อยแล้ว เรื่องฝึกสมองยกให้เป็นหน้าที่เขา
ไป๋เฮ่าอวี๋ “…” เขาต้องฟังผิดแน่!
พ่อบ้านจง “…” เหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ!
บอดี้การ์ดทุกคน “…” นี่มันนรกชัดๆ!
เจ้าถุงลมน้อยพอได้ยินว่าต้องเรียนกับอาเล็กก็วิ่งออกไปข้างนอกทันที ไปหาคนชราทั้งสองที่เดินเล่นอยู่ในสวนหย่อม
เขาไม่ยอมเรียนกับอาเล็กหรอก!
ตี้อู๋เปียนมองตามหลานชายที่วิ่งหนีราวกับมีสุนัขวิ่งกวดหลัง เขาเบ้ปากใส่
ไป๋เฮ่าอวี๋ “คุณชายเล็ก ผมยังต้องช่วยคุณหมอเทวดาคัดลอกหนังสือครับ ไม่…เข้าร่วมได้ไหมครับ”
เมื่อวานตอนกินข้าวเย็นมู่เถาเยาเอาตำราแพทย์ให้เขาหนึ่งเล่ม ขอให้เขาช่วยคัดลอก
พอรู้ว่าเป็นตำราโบราณ เขาดีใจแทบบ้า!
อย่าว่าแต่คัดรอบเดียวเลย ต่อให้คัดสิบรอบเขาก็เต็มใจ!
เวลานี้ยิ่งรู้สึกว่าคัดร้อยรอบ พันรอบ หมื่นรอบ ก็ยังไหว! ขอแค่ไม่ต้องเรียนกับคุณชายเล็ก (มันทรมาน) ให้เขาคัดตำราไปจนแก่เลยก็ได้!
ตี้อู๋เปียนพยักหน้า “อืม”
เรื่องของซาลาเปาน้อยสำคัญที่สุด
“คุณชายเล็ก ผมยังมีงานอีกมากมายก่ายกอง…” พ่อบ้านจงก็อยากหาข้ออ้างไม่เรียน
อาคุน “ผมนึกออกแล้ว ผมมีเรื่องต้องทำหลายเรื่อง…”
ตี้อู๋เปียนเหลือบมองพวกเขา สีหน้าเคร่งขรึม “พ่อบ้าน งานของพ่อบ้านมีคนทำแทนอยู่แล้ว อาคุน ฉันไม่ได้มอบหมายงานอะไรให้นาย นายอยากไปทำอะไร อยากได้วันหยุดยาวจากฉันไหม”
พวกบอดี้การ์ดพากันกลั้นขำ
อาคุนกลับอยากตาย
เวลาแบบนี้เขาจะไปจากบ้านตระกูลตี้ได้ยังไง!
ถ้าไปจากบ้านตระกูลตี้แล้วใครจะสอนวิทยายุทธ์ให้เขา!
ถ้าไปจากบ้านตระกูลตี้แล้วยังอยากเจอคนแบบคุณหมอเทวดาอีกมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน!
ตี้อู๋เปียน “ไหนใครยังมีธุระอีก พูดออกมาได้เลย” ยังไงซะเขาก็ไม่มีทางอนุญาตหรอก!
เกิดความเงียบภายในห้องรับแขก
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ไปที่หอเก็บตำรา หาสมุดกับปากกาของตัวเองไปด้วย”
กลุ่มผู้ชายวัยทำงานเดินคอตกออกไป
ตี้อู๋เปียนเดินเรื่อยเปื่อยตามหลังพวกเขา
ไป๋เฮ่าอวี๋กอดตำราโบราณเดินตาม
ต่อให้คัดลอกหนังสือเขาก็ต้องไปทำข้างๆ คุณชาย ต้องคอยสังเกตอาการของคุณชายตลอดเวลา
เมื่อทั้งสองคนไปถึงหอเก็บตำรา ทุกคนก็นั่งเรียบร้อยเหมือนเด็กอนุบาลอยู่ในห้องโถงชั้นหนึ่งที่คล้ายห้องประชุมอยู่ก่อนแล้ว
ตี้อู๋เปียนพยักหน้าด้วยความพอใจ หยิบหนังสือออกมาหนึ่งเล่มจากชั้นหนังสือแล้วเปิดออก
“ตอนนี้เราจะมาพูดถึงอาวุธนิวเคลียร์กัน…”
เอ๊ะ อาวุธนิวเคลียร์!
ดีเลย!
ชอบฟังเรื่องแบบนี้!
คนที่เคยเป็นทหารคงไม่มีใครไม่ชอบเรื่องเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์
“…ระเบิดปรมาณูเป็นอาวุธทำลายล้างสูงที่ใช้การแผ่รังสีความร้อน คลื่นกระแทก และกัมมันตภาพรังสีที่เหนี่ยวนำจากปฏิกิริยานิวเคลียร์เพื่อทำให้เกิดการบาดเจ็บและทำลายล้าง ตลอดจนมลพิษกัมมันตภาพรังสีในวงกว้าง ขัดขวางการปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายตรงข้าม เพื่อบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์…”
ทุกคน ใช้ได้ๆ ไม่ยากๆ
อยู่ๆ ก็ไม่รู้สึกต่อต้านแล้ว
“…พลังงานที่ปล่อยออกมาเมื่ออาวุธนิวเคลียร์ทำงานนั้นมากกว่าพลังงานของอาวุธทั่วไปที่มีแต่สารผสมวัตถุระเบิด อีกทั้งเมื่อมันระเบิด ปฏิกิริยานิวเคลียร์จะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และเสร็จสิ้นได้ภายในเวลาไม่กี่ไมโครวินาที…”
ทุกคน ใช้ได้ ฟังเข้าใจหมด!
ชักสนใจขึ้นมาแล้ว!
“…การระเบิดของนิวเคลียร์บนพื้นดินและในอากาศยังสร้างลูกไฟในอากาศโดยรอบ มีการปล่อยรังสีอย่างรุนแรง…”
ฟังไปฟังมาชักทะแม่งๆ
“…ระเบิดปรมาณูประกอบด้วย…ยูเรเนียม…ยูเรเนียมธรรมชาติ…”
ในดวงตาของพวกบอดี้การ์ดปรากฏความงุนงง
แม้แต่ไป๋เฮ่าอวี๋ยังสัมผัสได้ เพราะความเซ็งของคนพวกนี้ปกคลุมไปทั่วหอเก็บตำรา มากเสียจนทำเขาสลบได้!
อาจารย์ตี้ยังคงพูดไม่หยุด “…ยูเรเนียมเฮกซาฟลูออไรด์ถูกบีบอัดภายใต้แรงดัน…”
ช่วยด้วย…
พ่อบ้านจง ไป๋เฮ่าอวี๋ และพวกบอดี้การ์ดต่างหมดอาลัยตายอยากแล้ว
มู่เถาเยาที่เวลานี้เข้าเรียนอยู่ไม่รู้เรื่องอย่างสิ้นเชิง เพราะคำพูดของเธอไม่กี่คำได้ ‘ทำร้าย’ คนกลุ่มใหญ่มากทีเดียว