ตอนที่ 196 ไปโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 196 ไปโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง

หลังจากมู่เถาเยาเลิกเรียนช่วงเช้า พอออกจากห้องเรียนก็เห็นเจียงเฟิงเหมียนสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่ ยืนพิงกำแพงเล่นโทรศัพท์รอเธออยู่ตรงระเบียงทางเดิน

“เสี่ยวเหมียน”

“พี่เยาเยา!”

เจียงเฟิงเหมียนได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้น น้ำเสียงเจือด้วยความดีใจ

“เสี่ยวเหมียน ทำไมไม่รอในรถล่ะ”

เธอบอกให้อาคุนไปรับเสี่ยวเหมียนก่อน จากนั้นให้รอเธออยู่ที่ลานจอดรถ

ดวงตากลมโตของเจียงเฟิงเหมียนกะพริบปริบๆ พลางพูด “ก็ฉันอยากรีบมาเจอพี่เยาเยานี่คะ! ไม่เจอกันตั้งนาน!”

มู่เถาเยามองเจียงเฟิงเหมียนที่ยิ้มแฉ่ง มุมปากค่อยๆ ยกขึ้น

“เสี่ยวเหมียน”

เด็กสาวสามคนที่อยู่ข้างมู่เถาเยาทักทายเจียงเฟิงเหมียนพร้อมกัน

อย่างน้อยมีนักศึกษาครึ่งหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่รู้ว่าเจียงเฟิงเหมียนเป็นลูกสาวคนเดียวของอธิการบดีเจียง

“สวัสดีค่ะพี่ๆ ทั้งสาม”

เจียงเฟิงเหมียนก็รู้ว่ามู่เถาเยามีเพื่อนร่วมห้องที่สนิทกันสามคน

เซียวเซียวถาม “เสี่ยวเหมียนมารับเสี่ยวเยาเยาไปกินข้าวเหรอ”

“หนูได้หยุดแล้วค่ะ จะไปค้างที่บ้านพี่เยาเยา ฮี่ๆ…”

“…จริงสิ เธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วนี่นา! สู้ๆ นะ!”

เจียงเฟิงเหมียนพยักหน้า

หวังหมิ่นชิ่น “เสี่ยวเหมียนเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูหรือเปล่า งั้นมาอยู่คณะพวกเราสิ!”

เจียงเฟิงเหมียนส่ายหน้า “เปล่าค่ะ หนูจะเข้าวิทยาลัยวิจิตรศิลป์เหยียนหวง”

หมิ่นชีสยาดวงตาเป็นประกาย “ว้าว! ที่แท้ก็ว่าที่จิตรกรระดับโลกนี่เอง!”

เจียงเฟิงเหมียนฉีกยิ้มกว้าง

แน่นอน!

เธอจะต้องสร้างชื่อในวงการศิลปะให้ได้!

มู่เถาเยายิ้มพูด “เซียวเซียว ชิ่นชิ่น ชีสยา ฉันมีแขกมาที่บ้าน พวกเราต้องขอตัวก่อน ไว้วันหลังค่อยกินข้าวด้วยกันนะ”

“อืมๆ พวกเราลงไปพร้อมกันนะ”

สาวๆ ทั้งห้าเดินลงจากตึกพร้อมกัน พูดคุยหัวเราะสนุกสนาน

แยกกันที่ล่างตึก คนสองกลุ่มเดินไปคนละทาง

“พี่เยาเยาคะ พี่เสี่ยวหว่านจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหนเหรอ”

“ตัวเขาเองยังไม่รู้เลย”

“ไม่งั้นมามหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูไหมคะ พวกเราจะได้มีโอกาสเจอกันเยอะขึ้น”

“…เสี่ยวเหมียน เธอจะไปอยู่วิทยาลัยวิจิตรศิลป์ไม่ใช่เหรอ”

สองคนอยู่คนละเมืองจะเจอกันยังไง

เจียงเฟิงเหมียน “…ฉันเกือบลืมไปเลยค่ะ! ตอนฉันอยู่มหา’ลัย พี่เสี่ยวหว่านก็อยู่มหา’ลัยเหมือนกัน วันหยุดฉันกลับมาพี่เสี่ยวหว่านก็คงกลับหมู่บ้านเถาหยวน โอกาสจะได้เจอกันมีไม่เยอะ…งั้น ถ้าพี่เสี่ยวหว่านไม่เรียนหมอจะสอบไปเรียนที่เมืองหลวงไหม เมืองหลวงมีมหา’ลัยเยอะแยะเลยนะคะ!”

“เดี๋ยวถามดูเองแล้วกันนะจ๊ะ”

“ได้เลยค่ะ”

ทั้งสองคนคุยกันบนรถตลอดทาง

ตอนพวกเธอกลับถึงเซิ่งซื่อฉางอัน ครอบครัวมู่หว่านสามคนก็เพิ่งลงจากเครื่องบิน

ตี้อู๋เปียนส่งรถมารอรับที่ลานจอดเครื่องบินก่อนแล้ว พอคนมาถึงก็รับกลับได้ทันที

ครอบครัวมู่สามคนพอเห็นมู่เถาเยาก็ดีใจมาก ราวกับไม่ได้เจอกันมาสามปีห้าปี!

มู่เถาเยารอจนพวกเขาหายตื่นเต้นดีใจแล้วถึงแนะนำให้รู้จักกับคนตระกูลตี้

ผู้ใหญ่บ้านมู่กับภรรยาเคยเจอตี้อู๋เปียนที่หมู่บ้านเถาหยวน แต่กลับเป็นครั้งแรกที่ได้เจอปู่ตี้ย่าตี้

ถามไถ่ด้วยความนอบน้อม แต่ท่าทีไม่ได้หวั่นเกรง เหมือนเจอคนใหญ่คนโตจนชินแล้ว

ในความเป็นจริงคนจากหมู่บ้านพวกเขาไม่มีความคิดเรื่องชนชั้นสูงต่ำ

ความแตกต่างระหว่างคนเราอยู่ที่การรับรู้ ไม่ใช่สถานะ

ความแตกต่างด้านทักษะเป็นสิ่งที่วัดได้ ถ้าไม่ชำนาญพอก็หมั่นใช้เวลาฝึกฝน

แต่ความแตกต่างด้านการรับรู้เป็นสิ่งที่วัดไม่ได้ เพราะนี่เป็นความแตกต่างด้านกระบวนการความคิด

จากการที่มู่เถาเยากับอาจารย์ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเถาหยวนมาสิบแปดปี ไม่ได้ช่วยเปลี่ยนแปลงชาวหมู่บ้านแค่ทางด้านวัตถุเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือเปลี่ยนแปลงความคิดได้สูงในระดับหนึ่ง

ปู่ตี้กับย่าตี้พยักหน้ายอมรับคำพูดและมารยาทการวางตัวของครอบครัวมู่ทั้งสามคน

หลังจากทักทายกันเสร็จผู้อาวุโสทั้งสองก็เดินนำไปกินข้าวเที่ยงที่ห้องอาหาร

ปู่ตี้ยิ้มพูด “ผู้ใหญ่บ้านมู่ อีกไม่กี่วันพวกเราก็จะไปค้างที่หมู่บ้านเถาหยวนเหมือนกัน พอถึงตอนนั้นอาจต้องรบกวนทั้งสองคนช่วยพาพวกเราเดินดูให้ทั่วๆ ด้วยนะ”

“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ” ใบหน้าดำคล้ำของผู้ใหญ่บ้านมู่อี้ฉีกยิ้มกว้างด้วยความจริงใจ

ย่าตี้มีสีหน้าคาดหวัง “อาหยวนอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนมาสิบแปดปีแล้ว แสดงให้เห็นว่าหมู่บ้านเถาหยวนมีฮวงจุ้ยที่ดี มีเสน่ห์ดึงดูด”

แม่ของมู่หว่านอึ้ง จากนั้นก็ยิ้มถาม “คุณนายผู้เฒ่าก็รู้จักหมอเทวดาหยวนด้วยเหรอคะ”

“ฉันกับอาหยวนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่กันมาแปดสิบปีแล้ว ถึงแม้แปดสิบปีที่ผ่านมานี้จะเจอกันไม่บ่อยเท่าเพื่อนคนอื่น แต่ความสัมพันธ์ก็แน่นแฟ้น ไม่จืดจางเลยสักนิด”

ครอบครัวมู่สามคนกับเจียงเฟิงเหมียนต่างมีสีหน้าตะลึง

เนื่องจากตอนบ่ายมู่เถาเยายังมีเรียนต่อ คนบนโต๊ะอาหารจึงคำนึงถึงเวลาของเธอ ไม่ว่าคุยเรื่องอะไรก็ไม่ได้คุยเยอะมากนัก

“ซาลาเปาน้อย ตอนบ่ายน้าเล็ก ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่ของฉันจะมาส่งน้องๆ ที่นี่ด้วยกัน”

หลังกินข้าวเสร็จในที่สุดตี้อู๋เปียนก็หาโอกาสคุยได้แล้ว

“พวกเขาจะมากันจริงเหรอ”

“อืม เลิกเรียนตอนบ่ายถ้าเธอไม่มีธุระอะไรก็กลับเร็วหน่อย ฉันจะแนะนำให้พวกเธอรู้จักกับพวกเขา”

“ได้ พี่เหลียงจีก็มารับฉันเร็วหน่อยนะคะ”

ไม่ได้ยินเสียงเหลียงจีตอบ ตี้อู๋เปียนจึงพูดขึ้นก่อน “ซาลาเปาน้อย ฉันจะให้อาคุนไปรับเธอ ให้เหลียงจีไปอยู่ดูแลพวกผู้ใหญ่บ้านมู่ที่ตำหนักพระจันทร์เถอะ”

“ก็ได้”

มู่เถาเยาขอบคุณคนตระกูลตี้ จากนั้นเธอกับเหลียงจีก็พาครอบครัวมู่ทั้งสามคนกับเจียงเฟิงเหมียนกลับตำหนักพระจันทร์

“คุณลุงผู้ใหญ่บ้าน คุณป้า เสี่ยวหว่าน เสี่ยวเหมียน เดินเล่นกันตามสบายนะคะ เหลียงจีจะไปส่งหนูที่มหาวิทยาลัยก่อนแล้วถึงกลับมาอยู่ด้วย ในบ้านมีขนมกับผลไม้เยอะมาก อยากกินอะไรก็หยิบเอาเลยนะคะ”

“เสี่ยวเยาเยารีบไปเข้าเรียนเถอะจ้ะ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา” ป้ามู่จับมือมู่เถาเยาพร้อมยิ้มอย่างใจดี

เสี่ยวเยาเยาก็กินนมของเธอมาจนโต เธอเอ็นดูไม่ต่างจากลูกชายลูกสาวของตัวเอง

“ค่ะ งั้นหนูไปมหาวิทยาลัยก่อนนะคะ”

“จ้ะ”

ป้ามู่จูงมู่เถาเยาไปส่งที่ประตู

ผู้ใหญ่บ้านมู่ มู่หว่าน และเจียงเฟิงเหมียนก็ตามออกไปส่งขึ้นรถด้วย มองรถแล่นจนหายจากสายตาไปถึงกลับเข้าบ้าน

ป้ามู่ยิ้มถามเด็กสาวสองคนที่อายุพอกัน อีกทั้งกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนกัน “เสี่ยวเหมียน เสี่ยวหว่าน จะนอนกลางวันกันไหม”

เจียงเฟิงเหมียน “หนูไม่ง่วงค่ะคุณน้า”

“หนูไม่ง่วงเหมือนกันค่ะแม่ แม่กับพ่อไปพักเถอะค่ะ หนูกับเสี่ยวเหมียนจะอ่านหนังสืออยู่ในห้องรับแขก”

ผู้ใหญ่บ้านมู่ “เสี่ยวเหมียน เสี่ยวหว่าน อย่าเครียดกันเกินไปนะ ทางโรงเรียนให้พวกหนูหยุดก็เพราะอยากให้ผ่อนคลาย จะได้ไม่เครียดเกินไปจนส่งผลต่อการสอบ”

“พวกเรารู้ค่ะพ่อ ไม่ได้เครียดอะไรเลย”

เจียงเฟิงเหมียนพยักหน้า “คุณลุงผู้ใหญ่บ้านคะ ผลการเรียนของหนูดีมาตลอดค่ะ สอบเข้าวิทยาลัยวิจิตรศิลป์ได้แน่ หนูไม่เครียดเลยสักนิดค่ะ!”

“งั้นก็ดี”

“พี่เสี่ยวหว่านจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหนเหรอคะ”

“ยังไม่ได้เลือกเลย”

“งั้นสอบไปเรียนที่เมืองหลวงด้วยกันไหมคะ สุดสัปดาห์จะได้ไปเที่ยวด้วยกันได้!”

“เอาสิ!”

พ่อแม่ของมู่หว่านหมดคำจะพูด

อยากสอบไปเมืองหลวงเพื่อที่จะได้เที่ยวด้วยกันเนี่ยนะ ไม่ใช่ว่าควรเลือกมหาวิทยาลัยก่อนเหรอ แต่นี่กลับเอาไว้ทีหลัง

เจียงเฟิงเหมียนดีใจมาก คุยเรื่องมหาวิทยาลัยในเมืองหลวงกับมู่หว่านทันที

“เสี่ยวหว่าน ก่อนหน้านี้ไหนลูกบอกว่าอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตูหรือไม่ก็โรงเรียนเตรียมทหารไม่ใช่เหรอ” ป้ามู่ทนฟังต่อไปไม่ไหว

มู่หว่านชะงัก จากนั้นก็ตบต้นขา “งั้นก็ไปโรงเรียนเตรียมทหารอันดับหนึ่ง! อยู่ที่เมืองหลวง!”

เจียงเฟิงเหมียนพูดด้วยความตื่นเต้น “ดีเลย! โรงเรียนเตรียมทหารอยู่ไม่ไกลจากวิทยาลัยวิจิตรศิลป์ด้วย!”

พ่อแม่ของมู่หว่าน “…”

ก็เลยเลือกเอาง่ายๆ แบบนี้เลย? ตัดสินใจง่ายไปหน่อยหรือเปล่า

ป้ามู่ “เสี่ยวหว่าน…”

“พ่อคะแม่คะ ไปนอนกลางวันเถอะค่ะ หนูกับเสี่ยวเหมียนจะคุยเรื่องเมืองหลวงกัน”

“…งั้นก็ได้ อย่าออกไปข้างนอกกันล่ะ ถ้าจะไปไหนรอพ่อกับแม่ตื่นก่อนแล้วไปด้วยกัน”

อย่างไรเสียก็ยังไม่ได้สอบ พวกเขาก็ไม่เร่งรัดเรื่องเลือกมหาวิทยาลัย

มู่หว่านส่ายมือ “วันนี้พวกเราไม่ไปไหนทั้งนั้น จะอยู่บ้านรอเสี่ยวเยาเยาเลิกเรียนกลับมา!”

“ได้ งั้นพ่อกับแม่ไปห้องแล้วนะ”

เด็กสาวทั้งสองคนพยักหน้า