นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 14 กลับบ้านฝ่ายหญิง 3
ถึงแม้ลูกสาวของนางคนนี้จะเป็นเด็กดี แต่หากเรื่องพวกนี้นางไม่พูดออกมา เจ้าเด็กคนนี้คงคิดไม่ถึง
คำพูดเช่นนี้ ทำให้ในใจโจวกุ้ยหลานรู้สึกอบอุ่น
ไม่เสียแรงที่ไม่มีใครกล้ารังแกเหล่าไท่ไท่ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็คิดไว้หมดแล้ว
“ข้ารู้แล้วท่านแม่”
โจวกุ้ยหลานพูดตอบ
สีหน้าเหล่าไท่ไท่ค่อยดีขึ้นไม่น้อย พร้อมพูดขึ้นว่า “เด็กคนนี้เป็นไงบ้าง เลี้ยงง่ายไหม?”
เจ้าก้อนน้อยที่กำลังเอาลูกอมใส่ปากได้ยินเหล่าไท่ไท่ถามถึงเขา สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
คุณยายคนนี้ น่ากลัวจริง…..
โจวกุ้ยหลานเห็นถึงความหวาดกลัวของเขา จึงลูบหัวเขา พร้อมพูดกับเหล่าไท่ไท่อย่างยิ้มแย้มว่า “เขาว่าง่ายมาก ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง”
เหล่าไท่ไท่พูดขึ้นมาอย่างไม่สนใจเรื่องพวกนี้ว่า “ว่าง่ายเจ้าก็จะสบายหน่อย ยังไงก็ต้องมีลูกชายของตนเอง”
พูดเสร็จก็หันไปมองท้องของโจวกุ้ยหลาน ดวงตาทั้งคู่เป็นประกาย พร้อมพูดขึ้นว่า “ปีนี้มีลูกเลยคนหนึ่ง”
โจวกุ้ยหลานรู้สึกผิดอีกแล้ว ยังไม่เข้าห้องหอ จะมีลูกได้ยังไง? และนางเพิ่งอายุแค่สิบแปด…..
“ทำไม ยังไม่อยากมีลูก? ไม่มีลูกใครจะคอยดูแลเจ้าตอนแก่?”เหล่าไท่ไท่พูดขึ้นมาด้วยเสียงสูงอีกครั้ง ตำหนิโจวกุ้ยหลาน แต่มือเคลื่อนไหวอยู่ พูดไปด้วยกับข้าวก็ทำเสร็จไปด้วยหนึ่งอย่าง
โจวกุ้ยหลานแทบเหงื่อไคลไหล
เหล่าไท่ไท่คนนี้เก่งจริงๆ ไม่ว่าเรื่องอะไรนางก็มองออก?
“เปล่า รอเรามั่นคงแล้วค่อยมีลูก”
“คลอดลูกชายสามคนก่อน แล้วค่อยคลอดลูกสาวสองคน ก็พอใช้แล้ว”เหล่าไท่ไท่พอใจกับคำตอบของโจวกุ้ยหลาน พร้อมพูดขึ้นมา
ในฐานะที่เป็นคนศตวรรษที่ 21 นางไม่มีแผนที่จะมีลูกมากมายเหมือนคนที่นี่ จึงรีบเปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมาว่า “ท่านแม่ ผ้าผืนนั้นท่านแม่เอาไว้ทำเสื้อผ้าให้ตัวเองนะ”
“คนแก่อย่างข้าจะต้องทำเสื้อผ้าอะไร ยังจะใส่ออกไปโชว์? พี่ชายของเจ้าอายุยี่สิบสี่แล้ว ยังหาภรรยาไม่ได้ ข้าต้องเก็บไว้ทำเสื้อใหม่ให้เขา”
เหล่าไท่ไท่เอาแครอทที่หั่นเสร็จแล้วใส่ลงไปในหม้อ ปากยังคงพูดคุยกับลูกสาวไม่หยุด
โจวกุ้ยหลานรู้สึกจนใจกับท่านแม่คนนี้จริงๆ ท่านแม่ที่รักลูกชายมากกว่าลูกสาวกลับสามารถพูดออกมาได้อย่างเต็มปากเต็มคำขนาดนี้
แต่ท่านแม่ที่แข็งแกร่งแบบนี้ นางชอบ
เห็นทำงานเย็บปัก โจวกุ้ยหลานค่อยคิดถึงเสื้อกันหนาว จึงรีบพูดขึ้นว่า “ท่านแม่ หากท่านแม่มีเวลา ช่วยข้าทำเสื้อกันหนาวหลายตัวหน่อยได้ไหม? ข้าเอาผ้ากับฝ้ายมาให้ท่านแม่ ท่านแม่ทำเสร็จแล้วที่เหลือก็ทำให้ตนเองสักตัว”
นางทำเสื้อผ้าไม่เป็น วันนี้ก่อนจะมาก็คิดไว้ดีแล้วว่าจะปรึกษาเรื่องนี้กับท่านแม่
“พวกเจ้ายังมีเงินทำเสื้อผ้ากันหนาวด้วยหรือ?”เหล่าไท่ไท่มองดูโจวกุ้ยหลานอย่างค่อนข้างประหลาดใจ
เจ้าก้อนน้อยเหมือนรู้สึกได้ถึงความแข็งกร้าวของเหล่าไท่ไท่ จึงตัวสั่นไปทั้งตัว
โจวกุ้ยหลานโอบเขาไว้เบาๆ พร้อมพูดตอบว่า “เมื่อวานไปขายเนื้อกวาง ได้เงินมาจึงเอาไปซื้อผ้า ฝ้ายยังไม่ได้ซื้อ เราทั้งบ้านไม่มีเสื้อกันหนาว นี่ฤดูหนาวก็ใกล้จะมาถึงแล้ว จะให้หนาวตายกันทั้งบ้านก็ไม่ได้?”
“ซื้อฝ้ายอะไร ปีนี้ที่บ้านปลูกฝ้าย เป็นสินสอดที่เตรียมไว้ให้เจ้า เจ้าเอาผ้ามา เดี๋ยวท่านแม่หาเวลาว่างทำให้เจ้า ใช้ชีวิตอย่างประหยัดด้วย อย่ามีเงินแล้วก็ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย”
เหล่าไท่ไท่ก้มหน้าก้มตาเย็บปักต่อ
โจวกุ้ยหลานค่อยโล่งอก เรื่องเสื้อกันหนาวถือว่าจัดการเรียบร้อยแล้ว
เมื่อกี้ยังกลัวว่าเหล่าไท่ไท่จะขอเอาเงินของนางไปให้ลูกชายเสียอีก นางตกใจแทบแย่
“ทำไมท่านแม่ไม่เอาสินสอดให้ข้าในวันที่ข้าแต่งงาน?”โจวกุ้ยหลานอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“เจ้าใกล้จะตายอยู่แล้ว ข้าให้เจ้าแล้วเจ้าจะเอาไหวหรือ? ถูกแย่งไปก็ไม่รู้ตัว”เหล่าไท่ไท่พูดขึ้นมาอีกครั้งอย่างเย็นชา
โจวกุ้ยหลานถูกเหล่าไท่ไท่โต้กลับอีกครั้ง ในใจกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ทำไมถึงรู้สึกเหมือนเหล่าไท่ไท่คนนี้คิดได้รอบคอบขนาดนี้? ถึงแม้น้ำเสียงไม่ดี แต่ทุกประโยคล้วนแฝงไปด้วยความรักที่มีต่อนาง
ชอบเวลาที่ท่านแม่เข้าข้าง ถือหาง ปกป้องแบบนี้
ฝั่งนี้กำลังทำกับข้าวอยู่ แล้วได้ยินเสียงเอะอ่ะโวยวายข้างนอกดังขึ้น ยังมีเสียงคนก่นด่า
ฮูหยินให้โจวกุ้ยหลานดับไฟ แล้วรีบเดินออกมา โจวกุ้ยหลานบอกให้เจ้าก้อนน้อยรอตนเองอยู่ข้างในบ้าน แล้วก็ตามออกไป
เมื่อมาถึงหน้าประตู ก็มองเห็นหญิงมีอายุหกเจ็ดสิบคนหนึ่งเอามือเท้าเอวยืนด่าอยู่ตรงหน้าประตู ส่วนเฉินโหยวซวนนอนร้องโอดอวยอยู่บานประตู เห็นได้ชัดว่าถูกคนหามมา
คนนี้ก็คือเฉียนต้ายาที่มีชื่อเสียงไม่ดีในหมู่บ้าน เป็นท่านแม่ของเฉินโหยวซวน
โจวกุ้ยหลานเม้นริมฝีปาก คนบ้านนี้ไม่รู้จักจบก่อเรื่องจริงๆ วันนี้เป็นวันที่นางกลับมาเยี่ยมบ้าน คนพวกนี้กลับมาหาเรื่องที่บ้านนาง เห็นว่านางน่ารังแกมากใช่ไหม?
“ดูสิ ผู้หญิงสารเลวคนนี้แหละ นางเป็นคนทำให้ลูกชายของข้าไม่สามารถมีลูกสืบสกุลได้อีก”