บทที่ 15 ข้าฉีกปากของเจ้า

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา

นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 15 ข้าฉีกปากของเจ้า
โจวเหล่าไท่ไท่เอียงตัว ยืนบังโจวกุ้ยหลานให้อยู่ข้างหลัง แล้วก็โต้กลับเฉียนต้ายาว่า “ร้องโวยวายอะไร? ลูกชายของเจ้าไม่สามารถมีลูกสืบสกุลแล้วเกี่ยวข้องอะไรกับลูกสาวข้า? ถ้ายังโวยวาย ข้าจะฉีกปากของเจ้า”

“ไอโย้ นี่เจ้าไม่กล้ายอมรับหรือว่ายังไง? ลูกสาวคนดีของเจ้าทำให้ลูกชายของข้าไม่สามารถสืบสกุลได้ ตอนนี้ยังเจ็บปวดอยู่เลย เจ้าดูสิ นี่ต้องนอนจนลุกไม่ขึ้นแล้ว”

เฉียนต้ายาเอามือเท้าเอว พร้อมตะโกนพูดขึ้น

คนนี้เป็นลูกชายสุดที่รักของนาง กล้าทำแบบนี้กับลูกชายของนาง นางเฉียนต้ายาก็จะทำให้ชีวิตพวกเขาไม่ได้อยู่อย่างสงบ

ราวกับเพื่อเป็นการให้ความร่วมมือเฉียนต้ายา เฉินโหยวซวนยิ่งร้องโอดอวยดังขึ้นมาว่า “ท่านแม่ เจ็บ…..”

โจวเหล่าไท่ไท่หันไปมองโจวกุ้ยหลาน ดวงตาคู่เล็กจ้องมองดูนาง โจวกุ้ยหลานพยักหัวเล็กน้อยอย่างไม่ปฏิเสธ

“ไอโย้ ลูกชายของข้า ลูกชายสุดที่รักของข้า นี่จะมีลูกสืบสกุลไม่ได้อีกแล้ว คนตระกูลโจวเลวจริงๆ เจ้าทำให้ลูกของข้าไร้ทายาท ข้าก็ทำให้ตระกูลโจวของพวกเจ้าไม่มีทายาท พวกเจ้าไปตามโจวต้าไห่มาแล้วจัดการเสีย”

เฉียนต้ายาหันไปมองพวกญาติพี่น้องตระกูลเฉินที่นางพามาด้วย แล้วก็พูดขึ้น

ญาติพวกคนตระกูลเฉินชักแขนเสื้อขึ้นแล้วจะกระโจนไปบ้านตระกูลโจว พวกญาติพี่น้องตระกูลโจวไม่น้อยต่างลุกขึ้นมา มีคนมาหาเรื่องถึงที่บ้าน หากให้คนอื่นทำร้ายโจวต้าไห่ได้จริงๆ งั้นพวกเขาก็กลายเป็นที่ขบขันในบริเวณรอบๆนี้แล้ว

“ทำไม ตระกูลโจวพวกเจ้าจะรังแกตระกูลเฉินของเราหรือ?”เฉียนต้ายาเห็นแล้ว ดวงตากะพริบ แล้วก็พาพวกตระกูลเฉินเข้ามา

เฉินกับโจวถือเป็นตระกูลใหญ่ในหมู่บ้านต้าสือ คนในครอบครัวมีเยอะ ใครก็ไม่ยอมใคร หลายปีมานี้ มีปัญหาขัดแย้งกันอยู่ไม่น้อย หากจัดการลงรอยกันได้ไม่ดี ก็จะต้องต่อสู้กันขึ้นมา

“เจ้าคิดอยากทำอะไร?”โจวเหล่าไท่ไท่รู้ว่าลูกสาวของตนเองเป็นคนลงมือทำจริงๆ จึงต้องทนถามเฉียนต้ายา

เฉียนต้ายาพูดขึ้นมาอย่างได้ใจว่า “โจวกุ้ยหลานเจ้านางสารเลว ทำร้ายลูกชายของข้า ถ้าไม่ชดใช้ด้วยชีวิต ก็ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ลูกชายข้าหนึ่งร้อยตำลึง”

“หนึ่งร้อยตำลึง? ทำไมเจ้าไม่ไปปล้นเอา?”คนตระกูลโจวคนหนึ่งที่อยู่ด้านข้างอดไม่ไหวตะโกนพูดขึ้นมา

โจวเหล่าไท่ไท่ก็ไม่พอใจ พูดขึ้นว่า “ทำไม ลูกชายของเจ้าหุ้มด้วยทองคำหรือ เรียกร้องแพงขนาดนี้?”

“ไอโย้ เจ้ายังมีหน้ามาพูด นางทำให้ลูกชายของข้าไม่สามารถสืบสกุล อีกร้อยปีก็จะไม่มีใครส่งบุญให้เขา ชีวิตอีกครึ่งหลังจะสามารถทำงานได้ไหมก็ไม่รู้ หนึ่งร้อยตำลึงถือเป็นค่าเลี้ยงดูชีวิตอีกครึ่งหลังของลูกชายข้า ข้ายังรู้สึกว่าน้อยไปสำหรับพวกเจ้าด้วยซ้ำ”

เฉียนต้ายาพูดจนน้ำลายกระเด็น เห็นโจวเหล่าไท่ไท่ถูกนางข่ม ในใจมีความสุขสะใจอย่างมาก ใครบอกว่าสวีเหมยฮวามีความสามารถ? ครั้งนี้ถูกนางเฉียนต้ายาข่มลงไปแล้วใช่ไหม?

เฉินโหยวซวนพูดขึ้นมาว่า “ยังต้องให้พวกเขาชดใช้ภรรยาให้ข้าด้วย…..”

“ได้ได้ได้ ท่านแม่รับปากเจ้า”เฉียนต้ายารีบพูดปลอบลูกชายของตน จากนั้นก็ลุกขึ้น มือชี้ไปที่โจวเหล่าไท่ไท่ พร้อมพูดสั่งขึ้นว่า “เจ้ายายเฒ่า เจ้ายังรับปากข้าเรื่องงานแต่งงานนี้ด้วย ตอนนี้ยกภรรยาของลูกชายข้าให้ตระกูลเฉินเราด้วย”

โจวเหล่าไท่ไท่โกรธโมโหอย่างมาก นางสวีเหมยฮวาเคยต้องคับข้องใจแบบนี้ไหม?

“ข้าวโพดถุงนั้นข้าให้คนเอาไปคืนเจ้าตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่หรือ? เรื่องงานแต่งก็ยกเลิกตั้งแต่แรกแล้ว”

“เจ้าบอกว่ายกเลิกก็ยกเลิกได้ง่ายๆหรือ เราไม่ยอมรับ”เฉินโหยวซวนเงยหน้าพูดขึ้น แล้วก็พูดเถียงเหล่าไท่ไท่

ถึงแม้โจวกุ้ยหลานจะเคยผ่านคนอื่นมาแล้ว แต่ชื่อเสียงเขาก็แย่ ท่านแม่ของเขาก็ไม่ยอมจ่ายเงินให้เขามากกว่านี้ เขาจึงหาเมียไม่ได้ ยังไงโจวกุ้ยหลานก็ดูสะอาดกว่าผู้หญิงที่ท่านแม่ของเขาหามาให้พวกนั้นเสียอีก

นางกล้าทำร้ายองคชาตของเขา รอเมื่อนางเข้ามาอยู่ในตระกูลเฉิน เขาจะทุบตีวันละสามมื้อ

“ใช่ใช่ใช่ ตระกูลโจวต้องชดใช้ลูกสะใภ้ให้กับพวกเรา”

สีหน้าคนตระกูลโจว ต่างไม่รู้จะเอาไปไว้ที่ไหน

วันนี้พวกเขากลับมาทานข้าวที่บ้าน ใครจะไปรู้ว่าคนตระกูลเฉินจะมาเดือดร้อนที่นี่ ยังหน้าไม่อายขนาดนี้ พวกเขายังมีหน้าพูดเช่นนี้ออกมาได้

โจวกุ้ยหลานที่ยืนอยู่ด้านหลังเหล่าไท่ไท่ ตกใจกับความหน้าด้านของคนในตระกูลเฉินโหยวซวนอย่างมาก แล้วถามขึ้นมาว่า

“เฉินโหยวซวน ข้าอยู่ที่บ้านของข้าบนเขา แล้วจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไร?”