ตอนที่ 139 ควรตื่นจากฝันเสียที

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 139 ควรตื่นจากฝันเสียที

ให้ตายเถิด ! หลินเว่ยเว่ยรีบอุ้มเด็กที่เกือบโดนหมูป่าเหยียบตายมาไว้ในอ้อมอกของบิดาเด็กน้อย “ดูแลลูกให้ดี ! ”

จากนั้นหลินเว่ยเว่ยก็รีบวิ่งออกมาไล่หมูป่าตัวนั้นพร้อมใจที่เดือดดาลและกระวนกระวาย…คุณหนูหวัง เจ้าโง่หรือไร ? ไม่เคยรู้ว่าผู้ที่พึ่งพาไม่ได้ที่สุดคือบัณฑิตหรือ ? เมื่อเผชิญหน้ากับหมูป่าแล้ว บัณฑิตหนุ่มยังดูแลตัวเองยากเลย ยังจะช่วยเจ้าได้อีกหรือ ?

เมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งก็พบว่าระยะห่างของคุณหนูหวังกับบัณฑิตหนุ่มเข้าใกล้กันขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหมูป่าที่อยู่ด้านหลังก็พุ่งตัวเข้าหาทั้งสองคนอย่างบ้าคลั่ง…

“ดูนั่นสิ ! หลินเว่ยเว่ยวิ่งเข้าไปแล้ว ! ”

“นางคงไม่ได้จะช่วยคุณหนูหวังหรอกนะ โง่หรือเปล่า ? หมูป่าตัวใหญ่จะตาย แค่พุ่งชนก็ทำคนตายได้แล้ว ! ”

“เมื่อครู่คุณหนูหวังก็กลอกตาใส่นางด้วย ! แล้วเหตุใดหลินเว่ยเว่ยต้องเสี่ยงชีวิตช่วยนางเล่า เด็กคนนี้ช่างมีจิตใจที่ดีเสียจริง ! ”

“แม้จิตใจดีก็ต้องรู้จักประมาณตน ! เพื่อที่จะช่วยคนอื่นกลับพาตัวเองไปตายแทน คนโง่ก็คือคนโง่อยู่วันยังค่ำ ! ”

“บางทีคนที่นางอยากช่วยอาจไม่ใช่คุณหนูหวังก็ได้ ดูสิว่าทางนั้นเป็นใคร…”

ตัวของหวังอันชิงในเวลานี้เห็นเจียงโม่หานเป็นที่พึ่งสุดท้าย นางจึงกระโดดเข้าหาเขา แต่เจียงโม่หานกลับหยุดเดินแล้วเบี่ยงตัวไปด้านข้าง ทำให้หวังอันชิงต้องล้มหน้าคว่ำกระแทกพื้นโดยแรง

ขณะเห็นหมูป่าที่อยู่ด้านหลังกำลังจะเหยียบร่างนางแล้วพุ่งเข้าหาเจียงโม่หานแทนนั้น…

“อ๊าก…” หลินเว่ยเว่ยที่ไล่ตามมายังอยู่ห่างจากหมูป่าประมาณ 2 ก้าว นางร้องคำรามแล้วพุ่งตัวกระโดดถีบมันทันที จากนั้นนางก็ล้มทับร่างของหมูป่าเหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่

นางลุกขึ้นนั่งบนหลังของหมูป่าและเอาขารัดคอมันจนแน่น ขณะที่พวกชาวบ้านฉือหลี่โกวกำลังอ้าปากค้าง นางก็ร้องคำราม ใบหน้ากลายเป็นสีแดงก่ำ เวลาเดียวกันก็ออกแรงที่มือเพื่อบีบคอหมูป่าตัวนั้นจนมันหายใจไม่ออก

หมูป่าตัวนั้นพยายามสะบัดศีรษะและลำตัวสุดชีวิตเพื่อจะสลัดศัตรูบนหลังให้หลุดออกไป แต่หลินเว่ยเว่ยก็เหมือนหนวดปลาหมึกที่เกาะบนตัวหมูป่าไว้แน่น ขณะเดียวกันแขนทั้งสองข้างก็ยังทำงานหนักพลางกัดฟันแน่นจนมีเลือดซึมออกมาแล้ว

นางก็รู้สึกไม่สบายตัวเช่นกันเพราะการสะบัดตัวของหมูป่าทำให้อวัยวะภายในแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว หลินเว่ยเว่ยหันไปตะโกนใส่หวังอันชิงที่กำลังนอนโง่อยู่บนพื้นว่า “ไสหัวไปไกล ๆ หน่อย ! ถ้าหมูป่าเหยียบเจ้าล่ะก็ เจ้าได้พิการแน่ ! ”

หวังอันชิงได้สติเพราะเสียงตะโกนของอีกฝ่าย จากนั้นก็ใช้มือและเท้าพยุงตัวลุกขึ้นจากพื้น เมื่อไปอยู่ในที่ปลอดภัยได้แล้ว นางก็ร้องไห้ออกมาเพราะความหวาดกลัวที่ยังคั่งค้าง…ฮือฮือฮือ ! ตอนที่บัณฑิตเจียงเบี่ยงตัวหลบ ทำให้นางได้สติอย่างสมบูรณ์แล้วว่า…สุดท้ายการแอบรักข้างเดียวก็ไม่ได้สิ่งใดคืนมา นางควรตื่นจากฝันเสียที !

ดูเหมือนว่าหมูป่าจะเป็นบ้าไปแล้ว มันใช้เขี้ยวกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ แล้วลำต้นขนาดใหญ่ก็ถูกมันกระแทกจนหัก

“ไอหยา ! ” ลำต้นที่หักลงมาเกี่ยวให้เสื้อด้านหลังของหลินเว่ยเว่ยขาดเป็นรูกว้าง

หลินเว่ยเว่ยกัดฟันแล้วสูดหายใจเข้าลึก แขนทั้งสองข้างก็เริ่มออกแรงมากกว่าเดิม ทันใดนั้นเสียง ‘กร๊อบ’ ก็ดังขึ้นมา กระดูกคอของหมูป่าหัก ร่างอันใหญ่โตราวกับกำแพงของมันกำลังพังทลาย มันล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง

“ไอหยา ! เฮ้อ…” หลินเว่ยเว่ยที่นอนอยู่บนหลังของหมูป่าหอบหายใจเหนื่อย

ชาวบ้านฉือหลี่โกวต่างพากันเบิกตากว้างและอ้าปากค้าง…บุตรสาวคนรองของตระกูลหลินถึงขั้นใช้มือเปล่าหักคอหมูป่า นี่…คือพลังเหนือธรรมชาติอันใดกัน !

หลินเว่ยเว่ยที่ยังหอบเหนื่อยมองรองเท้าสีดำแสนคุ้นตาซึ่งมาหยุดอยู่ตรงเบื้องหน้าของนาง หลังยกเปลือกตาขึ้นแล้ว หลินเว่ยเว่ยก็กล่าวด้วยเสียงอ่อนแรงว่า “บัณฑิตน้อย เจ้าถอยไปไกล ๆ หน่อย หากว่ามันแกล้งตายแล้วจะทำร้ายเจ้าอีกครั้งได้ ! ”

“คอหักแล้วมันจะกลับมามีชีวิตได้อีกหรือ ? ” เจียงโม่หานก้มมองนาง

หลินเว่ยเว่ยลุกขึ้นนั่ง จากนั้นก็กล่าวกับเขาว่า “เจ้าไม่ได้กลับเข้าหมู่บ้านไปแล้วหรือ ? เหตุใดยังหวนมาอีก ? ”

เจียงโม่หานเหลือบมองเสื้อที่ขาดบนหลังของนาง พอถอดเสื้อชั้นนอกมาคลุมทับให้นางแล้ว เขาก็กล่าวออกมาว่า “ข้าได้ยินคนตะโกนว่าหมูป่าลงจากเขา จึงกลัวว่าพวกเจ้า…”

“เจ้าคงเป็นห่วงน้าเฝิงสิท่า ? ยังมีข้าอยู่ทั้งคน ข้าจะปล่อยให้หมูป่าทำร้ายนางหรือไร เจ้าก็ดูถูกข้าเกินไปหน่อย” ทันใดนั้นหลินเว่ยเว่ยก็นึกได้ว่าหมูป่าไม่ได้ลงจากเขาแค่ตัวเดียว นางจึงรีบลุกขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งไปอีกด้านหนึ่งด้วยความร้อนใจ

หมูป่าอีกสามตัวล้วนเป็นหมูน้อยวัยกำลังโต แม้จะทำร้ายมนุษย์แต่ก็ไม่พอให้ถึงแก่ชีวิต หมูตัวหนึ่งถูกผู้ชายหลายสิบคนจัดการแล้ว ส่วนอีกตัวเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีเข้าป่า และตัวสุดท้ายก็ตื่นตระหนกจนวิ่งไปรอบ ๆ กลุ่มของชาวบ้านราวกับแมลงวันหัวขาด1 ส่วนใหญ่คนที่โดนทำร้ายจะมีสาเหตุมาจากการโดนกัด

ตอนที่หลินเว่ยเว่ยไล่ตามไป เจ้าหมูป่ากำลังวิ่งไปทางเด็กกลุ่มหนึ่ง…เดรัจฉานนี่คิดจะเก็บลูกพลับอ่อนสิท่า !

เจ้าหนูน้อยก็อยู่ในเด็กกลุ่มนั้น แม้ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้าย แต่เขาก็ยังควบคุมสติได้ เขาใช้มือข้างหนึ่งจับวังตงเฉียงหลานชายคนเล็กของผู้ใหญ่บ้านเอาไว้ ส่วนอีกมือก็กำลังจับเด็กสาวที่ตกใจจนร้องไห้โฮ จากนั้นก็พาพวกเขาวิ่งไปทางที่มีผู้ใหญ่ยืนอยู่

ทันใดนั้นเขาก็เห็นพี่รองวิ่งเข้ามาในชุดบุรุษ เขาจึงรีบเปลี่ยนทิศทางแล้ววิ่งไปด้านนั้นแทน ในสายตาของเขาไม่มีที่ใดปลอดภัยเท่าข้างกายพี่รองอีกแล้ว !

หลินเว่ยเว่ยไม่ได้หยุดฝีเท้าอยู่ที่น้องชายคนเล็ก ตอนที่นางมาอยู่ข้างเด็ก ๆ และเห็นหมูป่าตัวนั้นกำลังจะพุ่งชนเด็กทั้งสองคน นางจึงรีบใช้มือข้างหนึ่งจับเด็กหนึ่งคนและกระโดดถีบหมูป่าให้ล้มกลิ้งกับพื้นทันที

หลังทิ้งตัวออกห่างเด็กสองคนที่กำลังตกใจกลัวแล้ว นางก็จับตัวลูกหมูป่าที่คิดจะลุกขึ้น จากนั้นก็หยิบหินก้อนหนึ่งขึ้นมาและกระแทกเข้าที่ศีรษะของมันทันที…ทันใดนั้นเหตุการณ์ก็กลับมาเงียบสงบอีกครา !

“ว้าว ! หมูป่า ! พี่รองของข้าเป็นคนสังหารมันเอง ! ” เจ้าหนูน้อยยิ้มและปรบมืออยู่ด้านหนึ่ง เพราะในหมู่บ้านมีกฎที่ไม่ได้เขียนว่า ‘หากใครฆ่าหมูป่าได้ มันก็จะเป็นของคนผู้นั้น ถ้าช่วยกันฆ่าก็ต้องแบ่งกันอย่างเท่าเทียม’

ท่ามกลางกลุ่มเด็กที่กำลังร้องไห้โฮ เจ้าหนูน้อยกำลังคลี่ยิ้ม เห็นได้ชัดว่าเขาแตกต่างจากคนอื่นมากเพียงใด ส่วนพวกผู้ใหญ่ที่รีบตามมาก็คิดว่าเด็กคนนี้ใจกล้าสุด ๆ เหมือนพี่สาวคนรองของเขาที่มีหัวใจกล้าแกร่งเทียมฟ้า !

“ไม่เป็นไรแล้ว ! ควรทำสิ่งใดก็ไปทำเถิด ! ” หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะเจ้าหนูน้อย จากนั้นก็กล่าวกับชาวบ้านที่อยู่รอบข้าง

ทันใดนั้นเสียงของป้ากุ้ยฮวาก็ดังขึ้น “หลินเว่ยเว่ย เจ้าเก่งกาจยิ่งนัก ! ตัวคนเดียวก็จัดการหมูป่าได้ถึง 2 ตัว เจ้าคงเอากลับไปลำบากใช่หรือไม่ ? ประเดี๋ยวข้าให้ลุงต้าซวนกับพี่เหลียงถัวแบกกลับไปให้เจ้าเอง ! ” เหลียงถัวคือบุตรชายคนโตของนางนั่นเอง

หมูป่าวัยกำลังโตถูกลุงต้าซวนและบุตรชายแบกกลับไป ส่วนเจ้าตัวใหญ่นั้นหลินเว่ยเว่ยเป็นคนแบกกลับไปเอง ส่วนอีกตัวก็ถูกแบ่งให้ครอบครัวที่เป็นคนจัดการมันไปอย่างทั่วถึง

แม้พวกชาวบ้านมีความอิจฉาที่ตระกูลหลินได้หมูป่า 2 ตัว แต่นางก็ได้มันจากกำลังของตน และหากไม่ได้หลินเว่ยเว่ยช่วยจัดการหมูป่าตัวใหญ่นั้น มันคงทำร้ายคุณหนูหวังแล้วอาจจะบุกเข้ามาในหมู่บ้าน และไม่รู้ว่ายังจะมีชาวบ้านคนใดโชคร้ายอีก !

สำหรับชาวนาแล้ว นี่เป็นเพียงเหตุการณ์เล็ก ๆ เท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการเก็บเกี่ยวและการเพาะเมล็ดพันธุ์ต่างหาก !

หลังจากข้าวสาลีของตระกูลหลินถูกเก็บเกี่ยวหมดแล้วก็ถูกขนย้ายด้วยเกวียนเทียมล่อซึ่งเกวียนต้องขับผ่านแปลงนาอื่นในหมู่บ้าน เมื่อผู้ใหญ่บ้านเห็นข้าวสาลีขนาดอวบอ้วนและมีสีเหลืองทองวางเรียงรายอยู่บนเกวียนแล้ว เขาก็ย้อนมองข้าวสาลีอันผอมแห้งในนาของตนแล้วถอนหายใจออกมา

หลินเว่ยเว่ยแรงเยอะ นางพยายามรดน้ำอย่างหนัก เหมือนว่าผลผลิตนอกจากไม่ลดลงแล้วยังได้เยอะกว่าตอนที่ฝนตกต้องตามฤดูอีกด้วย หรือว่า…ตระกูลหลินจะเปลี่ยนพันธุ์ข้าวสาลีใหม่ ?

1 แมลงวันหัวขาด หมายถึง รีบเร่งไปหมด

ตอนต่อไป