ตอนที่ 295 สวมรอย (4)
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อย นางชอบร่วมมือกับคนที่ฉลาด
“ฉินเย่ว์ไว้วางใจเคอฉังจวีมากและให้อำนาจแก่เขามากที่สุด เคอฉังจวีชอบและงมงายเรื่องยาพิษ ถ้าเขาขอเลือกลูกศิษย์จากยอดเขาอื่นมาเป็นผู้ช่วยเขา ฉินเย่ว์ไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน” จวินอู๋เสียกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ
ดวงตาของฮวาเหยาเป็นประกายเล็กน้อย “ตอนนี้ข้ามั่นใจแล้วว่าเจ้าต้องการทำลายสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมดจริงๆ”
จวินอู๋เสียเลิกคิ้วเล็กน้อย เฉียวฉู่มองไปที่จวินอู๋เสีย จากนั้นก็มองไปที่ฮวาเหยาแล้วแสดงให้เห็นว่าเขา…ไม่เข้าใจบทสนทนาระหว่างสองคนนี้จริงๆ!
“เดี๋ยวๆๆ ” เฉียวฉู่พูดแทรกขึ้นมาว่า “พวกเจ้าช่วยพูดออกมาตรงๆ ได้หรือไม่ ช่วยสงสารสมองที่ไม่ค่อยฉลาดของข้าด้วย” เขาต้องยอมรับว่าเขาไม่มีความคิดรอบคอบและฉลาดเหมือนน้องเสียและพี่ฮวา หลังจากที่ฟังอยู่นานเขาก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าทั้งสองคนนี้กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่กันแน่
“ในที่สุดเจ้าก็รู้ว่าสมองของเจ้าโง่เขลาแล้วหรือ” ฮวาเหยาเลิกคิ้ว
“เจ้าคิดว่าทุกคนจะเหมือนเจ้ากับน้องเสียหรืออย่างไร พูดวกไปวนมา” เฉียวฉู่บ่นอย่างไม่พอใจ
ฮวาเหยาถอนหายใจและอธิบายอย่างอดทนว่า “จวินเสียต้องการทำให้สำนักชิงอวิ๋นแตกคอกัน ฉินเย่ว์ตามใจเคอฉังจวีมาก สิ่งนี้ดูได้จากเคอฉังจวีสามารถแย่งลูกศิษย์ที่มู่เฉินต้องการมาได้ แต่ถึงแม้ว่าเคอฉังจวีจะหยิ่งผยองแค่ไหนแต่เขาไม่ใช่คนโง่เขลา เขากดขี่ยอดเขาเทียมเมฆาแต่กับยอดเขาอื่นเขากลับวางตัวอย่างดี ด้วยเหตุนี้ผู้อาวุโสท่านอื่นจึงทำทีเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ต่อการกระทำของเคอฉังจวี แต่ถ้าอยู่ๆ เคอฉังจวีไม่รู้จักกาลเทศะขึ้นมาและไม่วางตัวแบบนั้นอีกต่อไปแล้วเล่า และเริ่มใช้ความตามใจของฉินเย่ว์ที่มีต่อเขาโดยการไปข่มขู่หรือกดขี่ผู้อาวุโสท่านอื่น คาดว่าผู้อาวุโสท่านอื่นของยอดเขาอื่นคงจะไม่กล้ำกลืนและใจเย็นอีกต่อไป”
เฉียวฉู่พลันเข้าใจในทันที “ตามความหมายของน้องเสียก็คือ ผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าเคอฉังจวีขอคนเพื่อไปทำอะไร การที่เขาพุ่งตรงเข้าไปแย่งชิงศิษย์ของคนอื่นเพื่อนำคนไปทดสอบยาพิษ ซึ่งการกระทำแบบนี้จะสร้างความไม่พอใจให้กับผู้อาวุโสท่านอื่นใช่หรือไม่” ในที่สุดเขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
จวินอู๋เสียพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อว่า “ลูกศิษย์ของตัวเองถูกแย่งชิงไปแต่ผู้อาวุโสกลับไม่สามารถปกป้องได้นี่ถือว่าเป็นการตบหน้าผู้อาวุโสเหล่านั้น และไม่ว่าคนที่นิสัยดีแค่ไหนก็เกรงว่าคงทนไม่ได้ ถ้าฉินเย่ว์ยังคงเข้าข้างยอดเขาเร้นเมฆาต่อไป อาจทำให้ยอดเขาอื่นๆ เริ่มตอบโต้กลับบ้าง และสำนักชิงอวิ๋นนี้ก็จะไม่สามัคคีหรือสงบสุขเหมือนเมื่อก่อนอีก”
ดวงตาของจวินอู๋เสียหรี่ลงเล็กน้อย ซ่อนความเยือกเย็นในดวงตาคู่นั้น
การสร้างความขัดแย้งระหว่างผู้อาวุโสของสำนักชิงอวิ๋นกับเจ้าสำนักนั้นเป็นแค่การเพิ่มความสนุกเท่านั้น สิ่งที่นางต้องการนั้นมิใช่เพียงแค่ความวุ่นวายภายในสำนักชิงอวิ๋น!
“พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าฉินเย่ว์จะยอมให้เคอฉังจวีทำเยี่ยงนี้ เขาไม่ใช่คนโง่ ทำไมเขาจะมองไม่ออกว่าการกระทำแบบนี้ของเคอฉังจวีจะทำให้ผู้อาวุโสท่านอื่นไม่พอใจมากแค่ไหน” เฉียวฉู่กล่าว
“เขายอม” จวินอู๋เสียกล่าวอย่างเฉยเมย คนอื่นอาจจะไม่รู้เรื่องราวภายใน แต่ไป๋อวิ๋นเซียนที่เป็นลูกศิษย์สายตรงของฉินเยว่นั้นกลับรู้เรื่องราวมากมายระหว่างฉินเย่ว์กับเคอฉังจวีที่ผู้อื่นไม่รู้
“หากเขาไม่ยอมเคอฉังจวีก็จะทำให้เขาสูญเสียทั้งฐานะและชื่อเสียงเกียรติยศของเขา”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เฉียวฉู่กล่าวถามอย่างสงสัย แม้แต่ฮวาเหยาก็แสดงสีหน้าสงสัยออกมา
“เหตุผลที่ฉินเย่ว์สามารถเป็นเจ้าสำนักของสำนักชิงอวิ๋นได้นั้น เป็นเพราะยาพิษของเคอฉังจวี หากเคอฉังจวีไม่ได้ช่วยเขาวางยาพิษเจ้าสำนักคนก่อน เจ้าสำนักของสำนักชิงอวิ๋นนี้ในปัจจุบันจะต้องเป็นมู่เฉิน” จวินอู๋เสียหรี่ตาลงและดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
ผู้นำของสำนักที่ใหญ่ที่สุดในโลก สังหารผู้เป็นอาจารย์ของตัวเองเพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนัก ความผิดนี้ข้าเกรงว่าแม้แต่ฉินเย่ว์ก็ไม่มีความกล้าที่จะแบกรับข้อกล่าวหาดังกล่าว
ตอนที่ 296 สวมรอย (5)
ตอนนั้นที่เคอฉังจวีช่วยฉินเย่ว์แย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนัก แน่นอนว่าเขาต้องเตรียมพร้อมไว้แล้วเพราะเขากลัวว่าฉินเย่ว์จะหักหลังเขา เขาจึงจับจุดอ่อนของฉินเย่ว์ไว้และทำให้ฉินเย่ว์เชื่อและปฏิบัติตามคำพูดของเขาโดยการตามใจปล่อยให้เคอฉังจวีทำเรื่องชั่วร้ายมากมาย เพราะเขากลัวว่าถ้าไม่ทำเคอฉังจวีจะผลักเขาตกลงไปในนรก
ความลับนี้ไป๋อวิ๋นเซียนได้ยินโดยบังเอิญระหว่างที่ฉินเย่ว์และเคอฉังจวีทะเลาะกัน เดิมทีจวินอู๋เสียไม่ได้ตั้งใจจะใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ แต่ไม่คิดว่าเคอฉังจวีจะรนหาที่ตายโดยการพานักฆ่าอย่างนางเข้ามาที่ยอดเขาเร้นเมฆานี้ เรื่องนี้จะโทษนางไม่ได้
ในเมื่อเลือกทางนี้แล้ว แน่นอนว่าจวินอู๋เสียจะต้องใช้เรื่องพวกนี้ให้เกิดประโยชน์
ความลับของสำนักชิงอวิ๋นทำให้ฮวาเหยาและเฉียวฉู่ตกใจเป็นอย่างมาก แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าฉินเย่ว์อาจใช้วิธีที่ไม่อาจบอกใครได้เพื่อได้เป็นเจ้าสำนักของสำนักชิงอวิ๋น แต่พวกเขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาทำจะเป็นการหลอกลวงลบล้างบรรพจารย์เช่นนี้
ในโลกนี้สิ่งที่อัปยศมากที่สุดคือการฆ่าอาจารย์ของตัวเอง!
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป อย่าว่าแต่ฉินเย่ว์ที่เป็นเจ้าสำนักเลย เกรงว่าไม่นานเขาจะต้องถูกคนทั้งโลกรุมด่าประณามจนไม่สามารถออกประตูยอดเขาได้!
“ไม่แปลกเลยที่เจ้ามั่นใจเยี่ยงนี้ เพราะมีเรื่องนี้ก็ไม่ต้องกลัวว่าฉินเย่ว์จะไม่ยอม” เฉียวฉู่อยากจะปรบมือให้จวินอู๋เสียจริงๆ เจ้าเด็กนี้ไปรู้ความลับที่น่าตกใจนี้มาได้อย่างไรกัน เรื่องนี้ทำให้ควบคุมฉินเย่ว์ได้จริงๆ
จวินอู๋เสียกล่าวต่อว่า “เคอฉังจวีเก็บหลักฐานการฆ่าเจ้าสำนักคนก่อนไว้ ฉินเย่ว์พยายามตามหาสิ่งนั้นมาโดยตลอดแต่ก็ไม่เคยพบ แม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นอยู่ที่ไหนแต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคที่เจ้าจะใช้สิ่งนี้ในการบังคับเขา”
ไม่ได้สำคัญว่ามีหลักฐานหรือไม่ เพราะแม้ว่าพวกเขาจะหามันไม่พบฉินเย่ว์ก็ต้องเชื่อฟังและทำตามเท่านั้น เพราะเขาไม่รู้ว่าเคอฉังจวีนั้นได้ถูกสวมรอยแล้ว
ฮวาเหยาพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่จวินอู๋เสียได้กล่าว
“ถ้าเยี่ยงนั้นก็ฟังเจ้า มาทำให้สำนักชิงอวิ๋นวุ่นวายกันเถิด”
ภายใต้ความวุ่นวายพวกเขาจึงจะมีโอกาส รอให้จวินอู๋เสียทำลายสำนักชิงอวิ๋นแล้วพวกเขาก็สามารถค้นทุกซอกทุกมุมของสำนักชิงอวิ๋นได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะไม่พบแผนที่ที่พวกเขาต้องการหา
ยิ่งไปกว่านั้นคือดูจากความสัมพันธ์ระหว่างเคอฉังจวีและฉินเย่ว์แล้ว การสอบถามข่าวที่เกี่ยวกับแผนที่จากการสนทนากันนั้น ก็น่าจะเร็วกว่าการที่พวกเขาหาวิธีสืบเองมาก
ต้องบอกว่าเจ้าเด็กคนนี้ที่เจ้าโง่เฉียวพาตัวมาช่วยพวกเขาได้มากจริงๆ
ไม่ว่านางจะทำเม็ดยาที่พวกเขาต้องการได้หรือไม่ พวกเขาก็เป็นหนี้บุญคุณนางอย่างมาก!
การตัดสินใจล้มล้างสำนักที่ใหญ่ที่สุดในใต้หล้าได้ตกลงกันในห้องหนังสือนี้ จนถึงวันที่สำนักชิงอวิ๋นถูกทำลายลง ก็ไม่มีใครรู้ว่าภัยพิบัตินี้เกิดขึ้นมาจากภายในของสำนักชิงอวิ๋น
ด้านนอกประตู เยี่ยซาที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดได้ยินทุกถ้อยคำของบทสนทนาระหว่างทั้งสามคนและยิ่งเขาฟังมากเท่าไร เขาก็ยิ่งถอนหายใจมากขึ้นเท่านั้น
ความคิดของคุณหนูใหญ่นั้นไม่มีผู้ใดเทียบได้จริงๆ นางเพิ่งมาถึงสำนักชิงอวิ๋นและเรื่องที่เกิดขึ้นก็แตกต่างไปจากแผนเดิมของนางลิบลับ แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ เช่นนี้ หลังจากที่สถานการณ์เปลี่ยนไปนางกลับคิดแผนการใหม่ขึ้นมาทันที เพียงแค่ฟังเยี่ยซาก็รู้สึกว่าครั้งนี้สำนักชิงอวิ๋นจบสิ้นแล้ว
พูดได้เพียงว่าสำนักชิงอวิ๋นรนหาที่ตายจริงๆ ที่มาทำให้คุณหนูใหญ่โมโห จะโทษใครไม่ได้
เพราะแค่สิ่งที่เคอฉังจวีทำนั้นก็เป็นเรื่องที่โหดเหี้ยมอำมหิตมากแล้ว
นายท่านยังให้ข้ามาปกป้องความปลอดภัยของคุณหนูใหญ่อีก เท่าที่ข้าเห็น คุณหนูใหญ่ไม่ต้องการการปกป้องจากผู้อื่นเลย แค่ทักษะการวางยาพิษที่ยอดเยี่ยมและความคิดที่ฉลาดและรอบคอบของนางก็เพียงพอแล้วที่จะจัดการกับสำนักชิงอวิ๋นทั้งหมด!