บทที่ 167 ตระกูลเจียงใกล้ล่มจม

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง

มู่เซิ่ง เขยอันดับหนึ่ง บทที่ 167 ตระกูลเจียงใกล้ล่มจม

สีหน้าเจียงหว่านเคร่งขรึมราวกับสายน้ำ

ทำไมเธอถึงคิดไม่ถึงเหมือนกันนะ ว่าเจียงมู่หลงกลับไร้ยางอายเช่นนี้ได้ ทั้งยังบอกความลับโดยตรงกับนักธุรกิจเหล่านั้นอีก!

สถานการณ์ของตระกูลเจียงในตอนนี้ มันใกล้จะล้มละลายแล้วจริง ๆ ทว่าเธอเจียงหว่านกลับไม่ใช่นะ!

หากทว่าในสายตาคนนอกเหล่านั้นแล้ว เจียงหว่านถือเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเจียง ในเมื่อตระกูลเจียงล้วนมีสถานการณ์เช่นนี้ไปทั้งหมดแล้ว เธอเจียงหว่านจะสามารถไปได้ดีถึงที่ไหนกันล่ะ? ถือโอกาสผสมโรงไปด้วย นี่คือเรื่องที่นักธุรกิจชอบทำมากที่สุดแล้ว

พูดตามตรง นี่คือจุดหนึ่งของเจียงมู่หลงที่ทำให้ผู้คนรังเกียจ แม้จะถือว่าไร้หนทางที่จะสร้างอุปสรรคต่อเจียงหว่านแล้ว ทว่าหากสามารถทำให้เธอน่ารังเกียจได้สักหน่อย ก็จะต้องทำให้เธอดูน่ารังเกียจให้ได้อย่างแน่นอน

“ไม่ได้ค่ะ เรื่องราคาตกลงพูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถแก้ไขได้” เจียงหว่านกัดฟันไปมา กล่าวปฏิเสธ

หากในครั้งนี้เธอผ่อนคำแล้วละก็ นักธุรกิจคู่สัญญาคนอื่น ๆ ก็จะมาหาเธอเพื่อขึ้นราคาด้วยเช่นกัน เธอควรทำเช่นไรดี? หรือหลังจากนี้หากขึ้นราคาอีก เธอก็ล้วนต้องตกปากรับคำไปทั้งหมด?

“พูดคุยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว?”

ดวงตาเย็นเหยียบของประธานหยางสบตามองไปยังเจียงหว่าน กล่าวว่า “นั่นเป็นในตอนก่อนหน้านี้ที่ตระกูลเจียงของพวกคุณยังมีอำนาจอยู่ ตอนนี้ท่านเจียงสามก็ตายไปแล้ว โครงการถูกเก็บกลับคืน มีอย่างที่ไหนที่คุณจะมีสิทธิ์ที่จะมาพูดคำพรรค์นี้กับผมได้อีก?”

“หยางหร่าน คุณอย่าลืมสิคะ พวกเราเซ็นสัญญาข้อตกลงกันเรียบร้อยแล้วนะคะ!”

“เซ็นสัญญาข้อตกลงแล้วอย่างไร? ทางด้านซัพพลายเออร์ ผมยืดเวลาให้คุณสิบวันครึ่งเดือน คุณจะบอกผมหรือ? อีกอย่างหนึ่ง คุณควรที่จะกระจ่างเป็นอย่างมากว่าตอนนี้ไม่มีเงินในมือกระมัง โครงการเขตซีไห่หยุดทำการหนึ่งวัน ก็จะมีความเสียหายอย่างมหาศาล เงินเล็กน้อยเช่นนี้ มันสำคัญกับคุณมากนักหรือ?”

เงินเล็กน้อยเช่นนี้ มันไม่สลักสำคัญจริง ๆ ทว่าเพื่อการพิสูจน์ตนเองต่อมู่เซิ่งแล้ว เจียงหว่านจะต้องทำเรื่องนี้เป็นอย่างดีให้จงได้

เห็นเจียงหว่านกัดฟันไม่ยอมถอย หยางหร่าน หัวเราะหึ ๆ ไปมา “หรือจะกล่าวอีกอย่าง เจียงหว่าน ถ้าในครั้งนี้คุณนอนผมเป็นเพื่อนผมสักคืน ผมเองก็จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเงินเหล่านี้แล้วเหมือนกัน”

คำของ หยางหร่าน ยังไม่ทันได้ว่าจบ ก็ถูกน้ำชาหนึ่งแก้วที่เจียงหว่านถืออยู่สาดใส่ใบหน้าทันที

“ไสหัวออกไป!” เจียงหว่านกล่าวอย่างเย็นชา

หยางหร่าน ลูบใบหน้าหนึ่งครั้ง ทั้งก็บันดาลโทสะแล้วเช่นเดียวกัน “แม่งเอ๊ย มึงถือว่ามึงเป็นใคร? อย่านึกนะว่ามีความสวยอยู่หลายส่วนแล้วจะอวดดีต่อหน้ากูได้ ในสายตาของกู มึงไม่ได้ถือว่าเป็นอะไรเลยเหมือนกัน!”

เจียงหว่านแข็งกระด้างอย่างไร้ที่เปรียบ ไม่ยอมถอยเลยแม้แต่นิดเดียว หยิบโทรศัพท์ห้องทำงานพลางกล่าวว่า “ถ้าคุณยังไม่ไสหัวไปอีก ฉันก็จะเรียกรปภ.แล้ว!”

“ดี ดีมาก!”

หยางหร่าน ยื่นมือออกไปชี้เจียงหว่านไปมา “มึงรอกูได้เลย กูจะดูสิว่าหลังจากมึงไม่มีวัสดุก่อสร้างแล้วจะสามารถทำอย่างไรได้อีก!”

“ทั่วทั้งเจียงหว่าน ไม่มีคำสั่งกู ไม่ว่าใครก็จะไม่เซ็นสัญญาข้อตกลงกับมึงเหมือนกัน เป็นเพราะว่าพวกเขาต่างก็รู้กันทั้งหมดแล้ว ว่าตระกูลเจียงใกล้จะจบเห่แล้ว!”

“พวกเราไป!”

ทิ้งประโยคดุร้ายนี้ลง หยางหร่าน พานักธุรกิจร่วมสัญญาสองคนข้างกาย เดินกร่างออกปากประตูไปพร้อมกับรอยยิ้มเยือกเย็น

เขาเชื่อว่าไม่จำเป็นต้องรอนาน เจียงหว่านก็จะคุกเข่าบนเตียงอีกครั้ง แล้ววิงวอนร้องขอต่อเขา

มองประธานหยางจากบริษัทไปแล้ว เจียงมู่หลงที่กำลังนั่งอยู่บนรถปลื้มปีติเป็นอย่างมาก เขาจะทำให้เจียงหว่านได้รู้ว่าการไม่มีตระกูลเจียง เธอเองก็ไม่ถือว่าเป็นอะไรเลยเหมือนกัน!

ในห้องทำงาน เจียงหว่านทราบว่าทุกสิ่งทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นอุบายชั่วของเจียงมู่หลง ทว่าเธอไม่ใช่คนที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ง่าย ๆ คนหนึ่ง โดยเฉพาะกับเจียงมู่หลงแล้ว ไม่นานนักเขาจึงต่อสายโทรศัพท์หาธุรกิจโรงงานอื่น ทว่าผลลัพธ์กลับเป็นเหมือนที่ หยางหร่าน กล่าว ราคาสูงลิ่วทำคนตกใจ นอกจากขึ้นราคา มิฉะนั้นจะไม่เซ็นสัญญาข้อตกลงด้วยอย่างเด็ดขาด

ข่าวการล้มลงของตระกูลเจียงแทบจะแพร่งพรายไปทั่วทั้งเจียงหนานอย่างรวดเร็วเสียแล้ว คู่สัญญาข้อตกลงธุรกิจจำนวนไม่ถ้วนปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาข้อตกลงกับเจียงหว่าน ในสายตาของพวกเขา ไม่มีโครงการมู่ซื่อ กรุ๊ปแล้ว ตระกูลเจียงเองก็คงยื้อเอาไว้ได้อีกไม่นานเท่าไหร่แล้ว

ยังมีคนสนิทเก่าแก่จำนวนไม่น้อยที่ต่อสายโทรศัพท์หาเจียงหว่าน สอบถามว่าสรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เจียงหว่านอธิบายไม่หยุด โครงการเขตซีไห่ในมือเธอกับตระกูลเจียงไม่มีความเกี่ยวข้องกัน กระทั่งการที่ตระกูลเจียงล้มละลายนั้นก็ส่งผลกระทบมาไม่ถึงเขาด้วยเช่นเดียวกัน คู่สัญญาเก่าแก่เหล่านั้นจึงวางใจลงได้

แต่ว่าก็ยังมีฝั่งคู่สัญญาส่วนหนึ่งเช่นกัน ที่เรียกร้องขึ้นราคา มิฉะนั้นจะไม่เซ็นสัญญาข้อตกลงกับเจียงหว่านอีกแล้ว

ข่าวคราวแต่ละอย่างนี้ทำเอาเจียงหว่านเหนื่อยล้าไปทั้งหมด

หลังเจียงหว่านกลับมาถึงบ้าน ไม่กล่าวอะไรสักคำ ขังตนเองอยู่ในห้อง ทั้งยังแสดงออกต่อจ้าวหลินอีกด้วยว่าไม่อยากกลับบ้านเกิดแล้ว

มองเห็นสีหน้าไม่ดีของเจียงหว่าน จ้าวหลินไม่กล้าเอ่ยถามมากความ แอบต่อสายโทรศัพท์หามู่เซิ่งอย่างเงียบ ๆ

หลังมู่เซิ่งรับโทรศัพท์แล้วจึงวางเรื่องในมือลง ขับรถกลับคฤหาสน์ในทันที

สำหรับเขาแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรที่สำคัญไปมากกว่าเจียงหว่านแล้ว

“คุณแม่ครับ สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” หลังกลับบ้านมา มู่เซิ่งจึงเอ่ยถาม

จ้าวหลินส่ายศีรษะไปมา กล่าวว่า “ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเห็นสีหน้าเจียงหว่านย่ำแย่มาก ๆ ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามเท่าไหร่นัก วันนี้เธอก็พึ่งไปบริษัทแล้วก็กลับมา”

สีหน้าของมู่เซิ่งเคร่งเครียด เจียงหว่านเคยพูดกับเขามาก่อน ว่าวันนี้เธอจะไปพบคู่สัญญาข้อตกลงธุรกิจก่อสร้างสองสามคนที่บริษัท เดิมนึกว่าเรื่องราวนัดแนะกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหตุใดจู่ ๆ จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น?

เคาะประตูที่ปากประตูไปมา หลังได้รับการอนุญาตจากเจียงหว่านแล้ว มู่เซิ่งจึงเดินเข้าไป นั่งลงที่ข้างเตียง

ดวงตาของเจียงหว่านแดงระเรื่อ มองเห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอแล้ว ใจมู่เซิ่งพลันเจ็บปวดอย่างรุนแรงทันที

“สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นหรือครับ?” มู่เซิ่งเอ่ยถามอย่างอบอุ่นนุ่มนวล

เจียงหว่านสวมกอดมู่เซิ่งอยู่ เสียงสูดน้ำมูกเล็ก ๆ ดังขึ้นมา “เจียงมู่หลงหน้าไม่อายเกินไปแล้วค่ะ กลับนำเรื่องที่ตระกูลเจียงจะล้มละลายไปบอกกับคู่สัญญาข้อตกลงธุรกิจคนอื่น ๆ สถานการณ์ในตอนนี้ คนเหล่านั้นล้วนเรียกร้องที่จะขึ้นราคา ต่างก็พากันมาบีบคั้นฉัน”

เป็นเจียงมู่หลงอีกแล้วหรือ?

เจ้าคนไม่รู้จักความเป็นความตายคนนี้กลับกล้าที่จะมาสร้างความยุ่งยากให้กับเจียงหว่านเชียวหรือ?

มู่เซิ่งเลิกคิ้วขึ้นทันที หากเป็นไอ้หมอนี่ที่ยังไม่ได้รับการสั่งสอนในสองครั้งก่อน ถ้าอย่างนั้นในหนนี้ เขาก็จะให้เจียงมู่หลงได้สิ้นหวังอย่างถึงที่สุดได้โดยไม่ถือสา

“วางใจเถอะครับ มีผมอยู่ เรื่องเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน” มู่เซิ่งตบเบา ๆ เข้าที่แผ่นหลังของเจียงหว่านไปมา กล่าวอย่างอบอุ่นนุ่มนวล “คุณอยากเป็นผู้นำตระกูลเจียงไหมครับ?”

ผู้นำตระกูลเจียง?

เจียงหว่านชะงักนิ่งไปทันที เงยศีรษะขึ้น หยาดน้ำตาสีใสเอ่ออยู่ที่หางตา

สถานการณ์ในตอนนี้ เจียงมู่หลงต่างหากที่เป็นประมุขของตระกูลเจียง ในสายตาของเธอ แม้วตระกูลเจียงจะล่มจมไปแล้ว เจียงมู่หลงเองก็ไม่อาจไม่ต้องการตำแหน่งผู้นำตระกูลนี้เช่นกัน มู่เซิ่งจะสามารถได้มันมาได้อย่างไร

“เชื่อผมสิครับ ผมเคยรับปากคุณมาแล้ว ว่าจะทำให้ทั้งตระกูลเจียงคุกเข่าขอโทษอยู่ตรงหน้าคุณ” มู่เซิ่งยกยิ้มอย่างราบเรียบหนึ่งหน

เจียงมู่หลงไม่ยอม?

เช่นนั้นก็จะขับไล่เขาออกจากตระกูลเจียง!

หลังเจียงมู่หลงทางฝั่งนั้นทราบข่าวว่าทั้งเจียงหนานเริ่มที่จะค่อย ๆ เป็นปรปักษ์กับเจียงหว่าน เขากลับบริษัทของตนเองอย่างได้ใจ

ในเมื่อเจียงหว่านไม่ยอมช่วยเหลือ เช่นนั้นเขาก็จะลากเจียงหว่านไปตายด้วยกัน!

หลังจากนั้น รอหลังเขากลับไปยังบริษัทแล้ว เครือญาติทุกคนของตระกูลเจียงก็กระวนกระวายราวกับมดบนหม้อร้อนก็ไม่ปาน สถานการณ์ในตอนนี้ โครงการเขตซีไห่เป็นฟองสบู่ไปแล้ว และหลี่หยางเองก็สร้างความกดดันต่อตระกูลเจียงไม่หยุด หากทำต่อไปแล้วละก็ ตระกูลเจียงมีความเป็นไปได้ที่จะล้มละลายแน่

ลูกหลานตระกูลเจียงเหล่านั้นกินบุญเก่าของตระกูลเจียงมาโดยตลอด เดิมทีก็ไม่มีความสามารถในการทำงานเลยแม้แต่ครึ่งเดียว หากตระกูลเจียงล้มละลาย พวกเขาย่อมหางานไม่ได้ กระทั่งคิดจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไปดีก็ล้วนปรากฏปัญหาขึ้นทั้งสิ้น

ดังนั้นสถานการณ์ ณ ตอนนี้ พวกเขาต่างก็ลนลานกันทั้งสิ้น

“เจียงมู่หลง สรุปแล้วจะทำอย่างไรดีล่ะ?”

“ใช่สิ พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันเดทไลน์สุดท้ายของธนาคารแล้ว หากยังไม่ออกเงินละก็ พวกเราจะต้องนั่งในคุกแน่!”

“เจียงมู่หลง นายยังเป็นผู้นำตระกูลอยู่หรือเปล่า? ตอนเริ่มแรกเป็นพวกเราผลักนายให้ขึ้นตำแหน่งผู้นำตระกูลนี้ ตอนนี้นายกลับปฏิบัติต่อพวกเราแบบนี้ นายคิดว่านายรับผิดชอบต่อหน้าที่ของผู้นำตระกูลได้ไหวหรือ?”

เหล่าเครือญาติเหล่านั้นทุก ๆ ต่างก็สบตามองเจียงมู่หลงอย่างกัดฟันโกรธแค้น พวกเขาไร้หนทางที่จะแก้ไขเรื่องราวเช่นนี้ ดังนั้นแล้วจึงทำได้เพียงแค่ระบายโทสะใส่ศีรษะของเจียงมู่หลงเท่านั้น คำพูดไม่น่าฟังต่าง ๆ นานาล้วนก่นด่าออกมาจากปากกันทั้งสิ้น

“พวกคุณพูดกันพอแล้วหรือยังครับ?” เจียงมู่หลงกล่าวอย่างเย็นเยียบ “พูดพอแล้วก็หุบปาก!”