บทที่ 258 การวิวัฒนาการของแมวนพเวทย์

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 258 การวิวัฒนาการของแมวนพเวทย์

บทที่ 258 การวิวัฒนาการของแมวนพเวทย์

แสงของมันราวกับสายธารเล็ก ค่อยๆ โอบล้อมตัวของฉู่เหินและเข้ามาในร่างกายของเขาอย่างฉับพลัน จนจุดตันเทียนถึงกับสั่นไหว หลังจากนั้นพลังดวงดาวก็เพิ่มขึ้นมาอีกขั้น โดยไม่ทันตั้งตัวเขาก็สามารถเลื่อนขั้นทักษะกิเลนจากขั้นตัดวิญญาณไปเป็นขั้นนิพานได้สำเร็จ !

พลังดวงดาวเองก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน จากเดิมที่อยู่ขั้นเต๋าเริ่มต้น ก็เลื่อนขั้นเป็นขั้นเต๋าระดับสูง ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดก็คือพละกำลังภายในร่างกายก็อยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ผู้พิชิตดาราแล้ว การเลื่อนขั้นพลังของเขาเรียกได้ว่าสามารถพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินอย่างแท้จริง

เห็นได้ชัดเลยว่าฉู่เหินประเมินพลังของผลไม้นี้ต่ำเกินไป เขานึกว่าผลไม้เหล่านี้มากสุดก็ทำได้แค่เลื่อนขั้นพลังให้เขาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าตอนนี้หลังจากที่เขาเลื่อนมาถึงขั้นเต๋าระดับสูงแล้ว พลังงานก็ยังคงหมุนเวียนอยู่ในร่างกายของเขา

หากเป็นเช่นนี้ ถ้าเขาไม่สลายพลังออกไปเกรงว่าจะต้องเป็นอันตรายแน่ ๆ พลังนี้มันมากมายจนเกินไป

ฉู่เหินไม่เข้าใจแต่รู้สึกได้ว่าพลังที่สะสมอยู่ภายในร่างกายนี้เป็นอันตราย ขณะเดียวกันทั่วร่างกายเขาก็บวมเปร่งไปหมด ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปร่างกายของเขาต้องระเบิดแน่ ๆ !

เขาคิดถึง แมวนพเวทย์ที่สามารถกลืนกินพลังงานต่าง ๆ ในโลกนี้ได้ ด้วยความสามารถนี้ของมันฉู่เหินจึงเรียกมันเอามาจากแหวน

แมวนพเวทย์ออกมาก็เห็นฉู่เหินกำลังตกอยู่ในอันตราย มันจำเป็นต้องคิดหาวิธีช่วยเหลือไม่งั้นฉู่เหินตายแน่ ๆ มันกลอกตาไปมา ทันใดนั้นเจ้าแมวนพเวทย์เอาปากเล็ก ๆ ของมันนาบไปที่หน้าอกของฉู่เหินและสูดมันออกมา

พลังดวงดาวที่จุดตันเถียนของฉู่เหิน ถูกดูดซับโดยเจ้าแมวนพเวทย์อย่างบ้าคลั่ง หลังจากที่พลังดวงดาวเข้าไปภายในร่างกายของแมวนพเวทย์แล้ว ร่างกายของมันก็ขยายใหญ่ขึ้น

“2 เมตร”

“3 เมตร”

“5 เมตร”

ในเวลาสั้น ๆ ร่างกายของแมวนพเวทย์ก็ขยายใหญ่กว่า 10 เมตร

แมวนพเวทย์กลายเป็นสัตว์ตัวใหญ่มหึมาตัวหนึ่ง รูปร่างของมันใหญ่กว่าแมมมอธหลายเท่าตัว

เมื่อมันดูดเอาพลังดวงดาวออกไปแล้ว ภายในร่างของฉู่เหินที่เคยบ้าคลั่งก็สงบลง ทว่าเจ้าผลไม้ทั้งเก้ามันมีเยอะเกินไปอีกทั้งเลยมีพลังอำนาจด้วย

แม้ว่าจะถูกแมวนพเวทย์ดูดพลังไปบ้างส่วน แต่ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในร่างของฉู่เหิน พลังส่วนที่ไม่ออกมามันได้ผสานกันร่างกายของฉู่เหินไปแล้วทำให้แมวนพเวทย์ไม่สามารถดูดซับมันออกมาได้

ตอนนี้ร่างกายของฉู่เหินก็เปลี่ยนไปจากชายหนุ่มหุ่นดี กลายเป็นชายอ้วนร่างใหญ่ เหตุผลก็เพราะร่างของเขาเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาลจนตัวบวนเปร่ง เขาต้องเอามันออกไปให้ได้ไม่งั้นก็ต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ไปตลอด

ส่วนแมวนพเวทย์ที่สูดพลังมหาศาลเข้าไปในร่าง มันก็กำลังนอนหลับอยู่บนพื้น จากร่างกายที่ใหญ่โตก็ค่อย ๆ เล็กลง ๆ จนมีขนาดเล็กเท่าเดิม

แมวนพเวทย์ทย่อยพลังงานจนหมด หลังจากนั้นต้นไม้ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยแสงสีขาวอันระหยิบระยับก็แปรเปลี่ยน ไม่นานด้านบนของต้นไม้ก็ปรากฏหลุมดำมืดหลุมหนึ่ง คล้ายกับหลุมของแมลง

ไม่กี่อึดใจ ต้นไม้เก่าแก่ก็หายเข้าไปในหลุมดำอย่างไร้ร่องลอย หลังจากที่ต้นไม้หายไปแล้วทั่วถ้ำก็กลับมามืดมิด แม้แต่กลิ่นหอมสดชื่นเองก็หายไปด้วยเช่นกัน !

ด้านนอกที่กำลังฝึกวิชาอย่างสบายใจก็ได้สติหันมามองหน้ากัน เพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ตอนนี้เองที่พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้า ทุกคนจึงมองไป มองตามเสียงอย่างระมัดระวัง

ทุกคนมองคนที่เดินออกมา ทว่าพวกเขารู้สึกอีกฝ่ายช่างดูคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ทุกคนสาบานได้เลยว่าไม่เคยพบชายคนนี้มากก่อนอย่างแน่นอน ชายที่มีรูปร่างอ้วนคล้ายลูกบอล เดินแต่ละก้าวเสียงดัง ตึง! ทุกครั้งที่ก้าวเดินแสดงให้เห็นว่าชายคนนี้อ้วนแค่ไหน คนอ้วนขนาดนี้พวกเขาไม่เคยเห็น !!

“พวกนายมองฉันอย่างนั้นทำไมน่ะ” พอฉู่เหินออกมาก็เห็นทุกคนมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง จนฉู่เหินอดถามด้วยความแปลกใจไม่ได้

เรื่องที่รูปร่างของเขาเปลี่ยนไปนั้นเขาทราบดี เขาไม่เชื่อว่าคนพวกนี้ถึงกับไม่รู้จักเขาหรอกมั่ง เดิมทีเขาก็กลุ้มใจอยู่แล้วพอเห็นปฏิกิริยาคนพวกนี้เขาก็ยิ่งหดหู่ใจเข้าไปใหญ่

“นาย นายคือคุณชายฉู่เหินเหรอ” โจวหู่ไม่อยากจะเชื่อว่าคน ๆ นี้ก็คือ

ฉู่เหิน แค่หายไปไม่กี่ชั่วโมงทำไมรูปร่างถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้เลยล่ะ

“ฉันเอง” ฉู่เหินมองท่าทางที่หวาดระแวงของทุกคน เขาก็พยักหน้าด้วยความหดหู่รู้สึกหมดคำจะพูด

“พวกนายมองอะไรมองฉันเนี่ย แค่อ้วนขึ้นถึงกับจำกันไม่ได้เลยเหรอ”

หลังจากอธิบายอย่างลำบาก ในที่สุดคนพวกนี้ก็จำฉู่เหินได้เสียทีแต่ก็อดมองอย่างแปลกใจไม่ได้

“พระเจ้า ! ใหญ่อย่างกะแท๊งค์น้ำ นอนทับสาว ๆ ทีสาว ๆ ไม่ตายก่อนหรือไง” ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋จู่ ๆ ก็พูดเพ้อเจ้อออกมา ทำให้หน้าของฉู่เหินยิ่งดำมืด พอเสี่ยวชิงได้ยินก็หน้าแดงก่ำมองซ่างกวนเสี่ยวฟู๋อย่างอาฆาตแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“พี่เหิน พี่อ้วนขนาดนี้ได้อย่างไงกัน” จากนั้นเธอก็เดินไปประคองแขนข้างหนึ่งของฉู่เหิน คล้ายกับไม่กล้าถามมาก

“วางใจเถอะ ร่างของฉันมันมีพลังมากมายเกินไปน่ะ ถ้าได้ระบายออกไปเดี๋ยวก็กลับมามีรูปร่างเดิมเองแหละ” ทว่าหลังจบประโยคนี้ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดกันไปหมด ทุกคนใบหน้าแดงด้วยความกระดากอาย

“ทำไม พี่เหินพูดแบบนี้ต่อหน้าคนเยอะแยะได้ยังไง” เสี่ยวชิงพูดเหมือนต่อว่า แต่กลับไม่ปฏิเสธเลยแม้แต่น้อย

“เออ…งั้นเชิญคุณชายทำธุระให้เสร็จ พวกข้าจะออกไปรอข้างนอกนะขอรับ” ต้าเอ้อตุนใช้มือจับบ่าทั้งสองที่เหลือแล้วดึงออกไปรอข้างนอก

“พวกนายทำอะไรเนี่ย ไม่เป็นไรหรอก ๆ อยู่่ด้วยกันก่อนมา ๆ” ฉู่เหินรีบหยุดคนพวกนี้ที่เตรียมจะเผ่นท่าเดียวเอาไว้

“คุณชายฉู่ กล่าวหนักไปแล้ว ถึงท่านชื่นชอบทำเรื่องอย่างว่าให้ผู้อื่นดู แต่เรื่องแบบนี้ข้าไม่สามารถรวมแบ่งปันกับท่านได้จริง ๆ ต้องขออภัยด้วย” ตอนที่ต้าเอ้อตุนพูดประโยคนี้ ตัวเองก็รู้สึกว่าแปลก ๆ

“พวกนายอยากจะหาเรื่องใช่ไหม หน่อย ! ฉันไม่วางกล้ามเข้าหน่อยพวกนายก็มองฉันเป็นแมวป่วยไปแล้วใช่ไหม” ฉู่เหินโมโหจนควันออกหูจ้องเขม็งชายหนุ่ม เพราะคำพูดน่าโดนต่อยสักทีของชายหนุ่มตรงหน้า

“ตอนนี้เรื่องที่จำเป็นที่สุดก็คือต้องระเบิดพลังออกมา ต้องทำแบบนี้มันถึงจะช่วยปลดปล่อยพลังที่ค้างอยู่ในร่างกายของฉันได้” เพื่อไม่ให้คนพวกนี้เข้าใจผิด เขาจึงอธิบายเพิ่มอีกประโยค

พอทุกคนได้ยินดังนั้นในที่สุดก็เข้าใจเสียที ที่แท้พวกเขาก็เข้าใจผิดไปเองเมื่อคิดถึงประโยคเมื่อครู่ก็ทำให้ทุกคนใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา

สายตาของทุกคนในถ้ำจดจ้องไปที่ชายร่างอ้วน ที่ไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงคิดว่าชายคนนี้เจ๋งมากกันนะ ฉู่เหินไม่อยากสนใจสายตาเหล่านั้นอีกต่อไป เขาจึงเดินออกมาจากถ้ำเองคนเดียว

การเดินทางขึ้นมาบนเกาะแห่งนี้ เขาได้อะไรไปหลายย่าง ไม่เพียงแต่สามารถเลือนระดับพลัง แต่แมวนพเวทย์เองก็ได้โชคลาบไปด้วยไม่น้อย เชื่อว่าครั้งนี้แมวนพเวทย์คงจะแข็งแกร่งขึ้นมากมายเลยทีเดียว