บทที่ 257 ฆาตดาราร้างที่สมบูรณ์แบบ

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 257 ฆาตดาราร้างที่สมบูรณ์แบบ

บทที่ 257 ฆาตดาราร้างที่สมบูรณ์แบบ

คลื่นลมในทะเลเปลี่ยนไป พวกเขาสัมผัสถึงกลิ่นอายอันตรายได้ในทันทีแต่ละคนจึงนำเอาอาวุธของตัวเองออกมาเตรียมพร้อม

หลังจากนั้นไม่นานก็มีหินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งขวางทางพวกเขาเอาไว้

ฉู่เหินรู้สึกว่ามีอะไรอยู่ข้างหลังก้อนหินก้อนนี้

ก้อนหินขนาดใหญ่ก้อนนี้ราวกับว่ากำลังขวางทางเข้าถ้ำเอาไว้ อาศัยพลังของฉู่เหินก็ไม่สามารถขยับหินก้อนนี้ได้ แต่เป็นต้าเอ้อตุนที่ก้าวออกมาจากนั้นใช้มือทั้งสองจับก้อนหินเอาไว้มั่น เขาเคลื่อนหินก้อนใหญ่ไปไว้ด้านข้าง

ปากถ้ำที่มืดสนิทก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับกลิ่นอับชื้นของเชื้อรา บ่งบอกว่าเจ้าก้อนหินนี้น่าจะอยู่ตรงนี้มาหลายปีแล้ว

ฉู่เหินโบกมือเบา ๆ ตรงหน้าเขาก็ปรากฏลูกไฟดวงหนึ่ง เจ้าลูกไฟดวงนี้ส่องแสงสว่างทำให้ถ้ำที่มืดสนิทสว่างขึ้นทันตาเห็น

เดิมทีพวกเขาคิดว่าที่นี่ต้องเป็นถ้ำวิเศษแน่ ๆ แต่พวกเขาก็ต้องผิดหวังเพราะมันเป็นแค่ถ้ำธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรแปลกประหลาดในนี้

พวกเขาก้าวเข้าไปได้ไม่นาน ก็รู้สึกเหมือนราวกับว่ากลิ่นอับชื้นอยู่ ๆ มันก็หายไป กลายเป็นกลิ่นหอมสดชื่นขึ้นมาแทน

เพียงแค่ดมกลิ่นหอมนี้ครั้งเดียวก็รู้สึกราวกับร่องลอยอยู่บนสรวงสวรรค์ โดยเฉพาะฉู่เหินเพียงสูดกลิ่นหอมนี้ไม่กี่ครั้งก็ทำให้พลังของเขาก้าวขึ้นไปอีกขั้น

แม้คนอื่น ๆ จะไม่ถึงกับแข็งแกร่งขึ้นเหมือนฉู่เหิน ทว่ากลิ่นหอมเหล่านี้ก็ช่วยทำให้พวกเขารู้สึกดีไม่น้อย พวกเขาถึงกับคิดว่าถ้าฝึกตนอยู่ในนี้นาน ๆ จะสามารถเพิ่มระดับพลังของพวกเขาได้อย่างแน่นอน

พวกเขาเดินเข้าไปในถ้ำลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนไม่รู้ว่าเดินมาไกลแค่ไหนแล้ว แต่จู่ ๆ ฝนก็ตกลงพร้อมมีสายฟ้าไหวเวียนอยู่ภายในถ้ำ พลังของร้ายกาจมาก ถ้าพวกเขาโดนเข้าไปตรง ๆ คงจะบาดเจ็บหนักไม่น้อย

ฉู่เหินเตือนให้ทุกคนระวังตัว เขาเดินไปเข้าไปในพายุสายฟ้าที่เหมือนกำลังส่งเสียงคำรามออกมาเป็นระยะ ๆ คนเดียว เพราะว่าฉู่เหินมีธาตุสายฟ้าอยู่ในตัว ดังนั้นการที่เขาเดินเข้ามานั้นไม่ทำให้เขารับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

ดีที่เขามีธาตุสายไฟอยู่ในตัว ไม่งั้นสายฟ้าแลบคงทำให้ร่างระเบิดไปแล้ว

เมื่อสังเกตปฏิกิริยานั้นสักพัก เขาก็พบว่าจุดตันเถียนในร่างกายของเขากำลังดูดพลังงานสายฟ้าพวกนี้ให้แปรเปลี่ยนเป็นพลังดวงดาว และที่ทำให้เขาพอใจขึ้นก็คือมันดูดเอาพลังดวงดาวมาโคจรอย่างบ้าคลั่ง

ยิ่งพลังดวงดาวในร่างเขาโคจรเร็วขึ้นเท่าไร เขาก็จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เขารู้ดีว่าพลังดวงดาวปกติแล้วไม่ได้หากันง่าย ๆ เช่นนี้

เขาดูดซับพลังไม่หยุด ทั้งยังเพิ่มระดับขึ้นเรื่อย ๆ จนเขารู้สึกว่ามีเรื่องกำลังรอตัวเองอยู่

ในถ้ำลึกแห่งนี้ราวกับว่ามันเพิ่มพลังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง หลังจากฉู่เหินโคจรพลังดวงดาวเหล่านี้เสร็จ เขาถึงค่อย ๆ ควบคุมลมปราณภายในร่างกาย

ตัวเอง เขายกแขนอีกข้างหนึ่งขึ้นมา

หลังจากที่พลังมหาศาลไหลเวียนไปที่แขนแล้ว ลมปราณที่แขนของเขาก็เปลี่ยนไปจากเดิมราวกับพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน*(หน้ามือเป็นหลังมือ) พลังที่มากมายมหาศาลนี้มันมากเกินไปจนฉู่เหินไม่มีทางเลือกได้แต่ชะล่อการดูดซับพลังลง

ทว่าก็เหมือนเอาเหล็กร้อนมาชุบน้ำ เขาพบว่าแขนทั้งสองของเขาไม่เหมือนกันสักข้าง แม้เขาจะใช้พลังดวงดาวช่วยควบคุมแล้ว แต่ว่าลักษณะของมันก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี ความสำเร็จยิ่งไม่เหมือนกันไปด้วย

แขนข้างซ้ายของเขาเต็มไปด้วยพลังกิเลนและยังมีพิษร้ายแรงอีกด้วย

ทุกครั้งที่โจมตีก็จะแฝงไปด้วยพิษร้ายแรง ทว่าแขนข้างขวาไม่เหมือนกันแม้ว่าเข้าจะใช้ลมปราณกระตุ้นไม่สำเร็จแต่ว่าข้างในต้องเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากอยู่ในแขนเขาแน่ ๆ

ผ่านไปหลายชั่วโมง ในที่สุดเขาก็ออกมาจากถ้ำลึก เขารู้สึกเสียดายที่ แขนอีกข้างนั้นยังไม่สามารถปลดพลังได้อย่างสมบูรณ์

แต่ฉู่เหินก็ไม่ได้เสียใจกลับรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษเพราะพบต้นตอของสายฟ้าแล้ว มันคือต้นไม้หนึ่งต้น มันไม่ได้สูงเท่าไรนักสูงแค่ 170 เซนติเมตร บนต้นไม้เต็มไปด้วยผลไม้ลูกเล็กลูกใหญ่เต็มไปหมด อีกทั้งแต่ละลูกยังมีพลังของธาตุสายฟ้ามหาศาลอีกด้วย ตรวจสอบจากสายตาแล้วพบว่าต้นไม้นี้มี 9 กิ่งที่มีผลไม้อยู่และทั้งเก้ากิ่งนี้น่าจะมีประโยชน์กับ

ฉู่เหินอย่างแน่นอน!

ต้นไม้นี้แม้ว่าจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็เปี่ยมล้นไปด้วยพลังมหาศาล ด้วยพลังการฝึกฝนของฉู่เหิน ทำได้แค่มองดูอยู่ไกล ๆ แค่คิดจะเข้าไปใกล้อีกสักก้าวก็ยากลำบากยิ่ง

ทว่าพลังสายฟ้าอันบ้าคลั่งของที่นี่ ฉู่เหินไม่คิดจะให้มันสิ้นเปลื้องโดยเปล่าประโยชน์ เขานั่งลงและเริ่มดูดซับมันในตอนที่กำลังเขาดูดซับพลังสายฟ้าเข้ามาเรื่อย ๆ ต้นไม้ก็ค่อย ๆ ลดพลังของมันลง เป็นความรู้สึกที่ลึกลับยากจะเข้าใจ เหมือนอยู่กลางสนามรบตอนแรกคิดว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรูแต่สุดท้ายคิดไม่ถึงว่าเป็นพี่น้องกัน

เวลาผ่านไปจนฉู่เหินเริ่มคิดว่าถ้าสายฟ้าเบาลงแบบนี้ อีกไม่นานเขาก็จะสามารถเข้าใกล้ต้นไม้ประหลาดนี้ได้อย่างแน่นอน

เขาไม่หยุดที่จะดูดซับพลังอันบ้าคลั่งของมันต่อไป ผ่านไปอีก 3 ชั่วโมง แขนอีกข้างของฉู่เหินก็สามารถเปิดจุดได้สำเร็จ เมื่อยกแขนดูก็พบว่ามันพิเศษมาก

แค่ฉู่เหินชกกำปั้นธรรมดา ๆ ของตัวเองก็สามารถแยกภูเขาผ่าแผ่นหินได้จริง ๆ ถ้าไม่ใช่ว่าเวลานี้ไม่เหมาะสม เกรงว่าเขาคงหาก้อนหินสักก้อนมาลองดู

หลังจากที่แขนขวาเปิดจุดสำเร็จ พลังอำนาจของต้นไม้ตรงหน้าก็ค่อย ๆ จางลงไป จนฉู่เหินสามารถเดินไปใกล้ ๆ ต้นได้แล้ว เขารู้สึกว่าถ้าตัวเองกินผลไม้พวกนี้เข้าไปสักผล วรยุทธน่ายกระดับขึ้นไปอีกขั้นอย่างรวดเร็วเป็นแน่

ทว่าตอนที่เขากำลังยืดมือออกไปเด็ดผลไม้ จู่ ๆ เขาก็เกิดลังเลใจขึ้นมา สัมผัสของเขาบอกว่าผลไม้ของเจ้าต้นไม้นี้เขาไม่ควรเด็ดมันลงมา

ต้นไม้มี 9 ผลเขาคิดว่าเอาไปแค่ผลเดียวน่าจะเหมาะสมที่สุด หรือจะพูดอีกอย่างก็คือเป็นประโยชน์กับเขาที่สุด

ผลไม้ทั้ง 9 มี 9 สี ทุกผลสวยงามไปหมด มันสั่นไหวราวกับว่าจะตกลงมาได้ทุกเมื่อ ดู ๆ แล้วทั้ง 9 ผลไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ถ้าสังเกตดี ๆ แล้วจะพบว่ามีจุดที่แตกต่างกันอยู่

จุดที่แตกต่างนี้ให้ความรู้สึกที่พิเศษมาก เดี๋ยวทุกข์เดี๋ยวสุข บ้างทีอยู่ ๆ ก็เศร้าอยู่ ๆ ก็ยินดี ขณะเดี่ยวกันก็เห็นเป็นบุคคลไม่ซ้ำกันบนต้นไม้ ฉู่เหินที่ยืนอย่างเงียบงัดเหมือนกับว่ารับรู้ความรู้สึกของผลไม้ได้ทุกอย่าง

เขาตั้งสติแล้วเลือกมา 1 ผลก่อนนั่งลงหลับตาทำสมาธิ รับรู้ความรู้สึกรอบตัวอย่างละเอียด จะว่าไปมันก็แปลก พอเขาเริ่มหลับตาลงเพื่อสัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นอย่างละเอียดแล้ว เขาก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไป

แต่ฉู่เหินก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมผลไม้ทั้ง 9 ถึงสามารถส่องแสงได้กันละ