บทที่ 256 บังเอิญพบกันที่ทะเลตงไห่
บทที่ 256 บังเอิญพบกันที่ทะเลตงไห่
กลิ่นอายความตายของต้าเอ้อตุนสลายหายไปแล้ว เริ่มมีสัญญาณของพลังชีวิตปรากฏผิวหนังที่เคยแห้งหยาบกลับมาฟื้นฟูอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ในทางกลับกัน สีหน้าของฉู่เหินกลับเริ่มดูไม่ได้ ใบหน้าที่เคยมีเลือดฝาดกับซีดขาวราวกับกระดาษ ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่อาการก็ยิ่งหนักขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้ายทั้งร่างของฉู่เหินกลายเป็นว่าไม่มีสีของเลือดเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าใบหน้าของฉู่เหินกลับเผยรอยยิ้มออกมา
เวลาผ่านไปสักพักก็เกิดเสียงจากหม้อทองคำสามขา มันถูกเปิดออกมาโดย ฉู่เหินรอเงาทั้งสามกระโดดออกมา เขาที่เพิ่งยืนขึ้นมาจู่ ๆ ก็รู้สึกวินเวียนศีรษะเห็นว่านี้คงเป็นอาการเสียเลือดมากแน่ ๆ
โชคดีที่ทันใดนั้นจาผีกู้ก็ออกมายืนข้าง ๆ ประคองเขาได้ทันถ่วงที กู้ปาเทอ กับต้าเอ้อตุนเองก็กำลังเดินมาหาฉู่เหินอย่างเป็นห่วง สายตาของทุกคนปรากฏความตื้นตันใจ ถ้าไม่มีฉู่เหิน พวกเขาก็คงกลับมามีชีวิตไม่ได้อีกตลอดกาล
“ต้าเอ้อตุน จาผีกู้ กู้ปาเทอ คำนับนายท่าน” สามคนคุกเข่าลงกับพื้นและคำนับฉู่เหินด้วยสายตาร้อนผ่าว
“ทุกคนตามสบายเถอะ ไม่จำเป็นต้องเรียกฉันอย่างงั้น พวกนายเรียกฉันว่าฉู่เหินเถอะ ต่อไปพวกเราถือเป็นมิตรสหายกันนะ” แม้ว่าฉู่เหินจะรู้สึกเหนือยล้าแค่ไหน แต่ก็ยิ้มให้กับทั้งสาม
“บุญคุณช่วยชีวิตยิ่งใหญ่ดุจขุนเขา พวกข้าจะบังอาจเรียกขานชื่อนายท่านตรง ๆ ได้อย่างไร” ต้าเอ้อตุนและอีกสองคนยืนยันจะเรียกขานแบบนั้นไม่เปลี่ยนแปลง
หลังจากโต้เถียงกันสักพัก ทุกคนก็ตกลงว่าจะเรียกคุณชายฉู่แทน ไม่คิดว่าคนเหล่านี้จะคิดเหมือนกันกับโจวหู่โดยไม่ได้นัดหมาย ฉู่เหินคิด ๆ ดูแล้วก็ปล่อยเลยตามเลยไป
“คุณชายฉู่ พวกข้าต้องกลับไปเอาศาสตราวุธกลับคืนมา” ผ่านไปสักพักต้าเอ้อตุนก็พูดขึ้นมา
หลังจากสอบถาม ฉู่เหินก็รู้ว่าเขาใช้วิธีพิเศษในการพาทั้งสามคนออกมาจากห้วงฝันโหลวหลานแต่ว่ามีของหลายสิ่งที่ไม่อาจนำออกมาเองได้ ทว่าองค์ราชินีได้บอกเอาไว้ว่า ศาสตราวุธของพวกเขาทั้งสามอยู่ที่ทะเลตงไห่
ถึงแม้ที่นี่จะไกลจากทะเลตงไห่ แต่พวกเขาใกล้จะถึงเมืองอยู่แล้ว แค่นั่งรถไปคงใช้เวลาไม่เท่าไหร่ ติดแค่ว่าตอนนี้ร่างกายฉู่เหินอ่อนแอเกินไป จำเป็นต้องรักษาสัก 1-2 วันก่อน เวลาแค่ไม่กี่วันนี้พวกเขานั้นรอได้
หลังการพักฟื้นเสร็จในที่สุดฉู่เหินก็มาถึงทะเลตงไห่ใน 5 วันให้หลัง แม้ว่าร่างกายฉู่เหินจะอ่อนแรง ทว่าแค่เร่งเดินทางก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา
เมื่อมาถึงทะเลตงไห่ ทั้งสามคนก็หายเข้าไปถึง 1 วันเต็ม พอกลับออกมามาที่เอวของพวกเขาทุกคนห้อยกระเป๋าเล็ก ๆ ไว้คนละใบเรื่องที่พวกเขาไปเอามันมาได้ยังไง ฉู่เหินไม่ได้ถาม ทุกคนมีความลับกันทั้งนั้น ฉู่เหินถือว่าทั้งสามเป็นเพื่อนไม่ใช่องค์รักษ์อะไรนั้น
พวกเขายืนอยู่ริมฝั่งของทะเลตงไห่ สายตามองไปยังเกลียวคลื่นด้วยความตื้นตัน เดิมทีพวกเขาคิดว่าจะมาเอาของเสร็จแล้วก็จะออกเดินทางเลย แต่ตอนที่พวกเขากำลังเดินจากไปนั้น ฉู่เหินที่กำลังมองท้องทะเลอยู่นั้นก็เห็นว่ามีเงาหนึ่งพาดผ่านไป
เงานั้นถ้าพวกเขามองไปผิดน่าจะเป็นของราชาฉลามพิษ แค่ว่าทะเลตงไห่กับทะเลโบ๋ไห่ห่างไกลพันลี้ คิดไม่ถึงว่าราชาฉลามพิษจะพบที่นี่ทำให้ฉู่เหินประหลาดใจมาก
เมื่อฉู่เหินเห็นดังนั้นเขาก็ผิวปากเป็นเสียงแปลก ๆ ออกมามันคือการติดต่อแบบพิเศษระหว่างเขากับราชาฉลามพิษ ถ้าทั้งสองไม่ได้อยู่ไกลกันมากจะสามารถติดต่อกันด้วยวิธีนี้ได้ และก็เป็นอย่างที่คิดเมื่อฉู่เหินส่งสารออกไปไม่นาน ราชาฉลามพิษก็ปรากฏตัวขึ้น
ทั้งเสี่ยวชิง โจวหู่และคนอื่น ๆ พอเห็นเห็นราชาฉลามพิษปรากฏตัวก็ตกตะลึงตาค้าง พวกเขาคิดไม่ถึงว่าฉู่เหินจะรู้จักสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่แห่งท้องทะเลเช่นนี้
“ทำไมนายมาอยู่ที่นี้” เขาแค่มองและถามราชาฉลามพิษออกไป
ต่อมาราชาฉลามพิษก็อธิบายให้เขาฟัง จนฉู่เหินเข้าใจเดิมทีราชาฉลามพิษเห็นเรือลำหนึ่งขับผ่านไปจึงแอบตามมา คิดไม่ถึงว่าราชาฉลามพิษที่เพิ่งมาถึงทะเลตงไห่ก็ต้องแปลกใจเมื่อ จู่ ๆ เรือใหญ่ลำนั้นก็หายไปเสียแล้ว
เรื่องราวที่เกิดขึ้นน่าแปลกมาก ราชาฉลามพิษจึงตัดสินใจกลับไปบอก
ผู้อาวุโสเงือกสักหน่อย ต้องเข้าใจว่าผู้อาวุโสเงือกถือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลในมหาสมุทรแห่งนี้ ยังไงก็ต้องไปแจ้งซะก่อน
ถ้าฉู่เหินร่างกายแข็งแรงกว่านี้เขาคงไปด้วย แต่จากการใช้พลังมาหลายวันอีกทั้งร่างกายเขาก็เพิ่งจะฟื้นฟูแค่ 4-5 ส่วนเท่านั้น ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงขึ้น ตัวเขาน่ะไม่เท่าไหร่หรอกแต่เพื่อนร่วมทางของเขาอาจเป็นอันตรายไปด้วย
หลังจากครุ่นคิด ฉู่เหินก็ตัดสินใจเดินทางกลับทางน้ำโดยนั่งบนหลังของราชาฉลามพิษ คนอื่นๆก็ไม่ได้คัดค้านโดยเฉพาะสองสาว เมื่อได้ยินว่าจะได้นั่งบนสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ท่องไปยังท้องทะเลก็ยิ่งตื่นเต้น
เมื่อทยอยกระโดดลงบนหลังราชาฉลามพิษแล้ว ทั้งหมดก็ออกเดินทาง ราชาฉลามพิษเคลื่อนตัวด้วยความรวดเร็ว จนน้ำทะเลสาดกระเซ็น
สองสาวที่นั่งอยู่บนหลังของราชาฉลามพิษวี๊ดว๊ายเสียงดัง ตื่นเต้นมากจน
ฉู่เหินได้แต่ส่ายหัว
เดิมทีฉู่เหินตั้งใจว่าจะนั่งบนหลังราชาฉลามพิษไปหาที่ฟื้นฟูพลังที่เสียไป แต่พอเห็นเกาะเล็ก ๆ ข้างหน้า เขาก็แปลกใจเพราะต้นไม้สักต้นก็ไม่มี
เกาะร้างธรรมดา ๆ นั้นเดิมทีฉู่เหินเองไม่ได้สนใจ แต่ที่แปลกก็คือตอนที่
ฉู่เหินเห็นเกาะนั้นครั้งแรก จู่ ๆ ร่างกายก็สั่นไหวพักหนึ่ง แม้เขาจะไม่อยากสนใจก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ยังไม่ทันได้สรุป ราชาฉลามพิษก็พาพวกเขาเข้าใกล้เกาะนั้นแล้ว ยิ่งราชาฉลามพิษเข้าใกล้เกาะนั้นฉู่เหินก็ยิ่งรู้สึกว่าพลังดวงดาวของเขาก็ยิ่งสั่นไหวรุนแรงขึ้น
แม้เขาว่าจะไม่เข้าใจ แต่เขาคิดว่าการมาที่เกาะแห่งนี้น่าจะเป็นโชคชะตาบ้างอย่าง ฉู่เหินไม่คิดจะปิดบังเขาบอกความรู้สึกที่สัมผัสได้ให้ทุกคนทราบ เมื่อทุกคนได้ยินก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาแม้แต่น้อย ทั้งยังดีใจกับเขาด้วยซ้ำ
เพราะงั้นพวกเขาเลยไปที่เกาะร้างตรงหน้า ฉู่เหินเรียกฉู่เฟิงออกมา ตอนนี้ฉู่เฟิงไม่ใช่หุ่นเชิดแล้ว เขาที่ได้ใกล้ชิดกับมนุษย์มาไม่น้อยเริ่มเข้าใจว่าจะอยู่อย่างไรในสังคมร่วมกับคนอื่นให้เป็นปกติ
เสี่ยวชิงรู้สึกแปลก ๆ กับฉู่เฟิงมาก เพราะว่าเขากับฉู่เหินหน้าตาเหมือนกันเกินไป ถ้าบอกว่าพวกเขาเป็นฝาแฝดใคร ๆ ก็เชื่อทั้งนั้นอีกทั้งฉู่เฟิงเรียกฉู่เหินว่าพี่อย่างงั้นอย่างงิ้ ไม่ว่าใคร ๆ ก็คิดว่าทั้งสองต้องเป็นพี่น้องแท้ ๆ กันแน่ ๆ
แต่หลังจากฉู่เหินอธิบาย ทุกคนก็เข้าใจเรื่องราว ไม่คิดว่าฉู่เฟิงคนนี้ก็คือคนแก่ในตอนนั้น เพราะว่ารูปลักษณ์ในตอนนั้น ทั้งเสี่ยวชิง เสี่ยวฟู๋แล้วก็โจวหู่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้
ขณะที่ทุกคนกำลังหัวเราะอย่างครื้นเครงฉู่เฟิงกลับทำตัวไม่ถูก ให้เขาไปต่อยตีกับคนอื่นยังจะดีกว่าให้พูดคุยกับคนอื่นแบบนี้เขาทำไม่ได้จริง ๆ แต่ยิ่งคนอื่นเห็นแบบนี้ก็ยิ่งมีแต่คนนรุมแกล้งเขา จนสุดท้ายฉู่เฟิงต้องขอ
ฉู่เหินช่วยเก็บเขาเข้าไปในแหวนที
เมื่อเห็นทุกคนเห็นอย่างงั้นก็หมดคำพูด ทุกคนเลยไม่หยอกฉู่เฟิงเล่นอีกแล้ว
ด้วยเร็วของราชาฉลามพิษทำให้ย่นเวลาได้เป็นอย่างดี หลังจากพวกเขาขึ้นมาบนเกาะได้แล้ว ฉู่เหินก็รู้สึกว่าพลังดวงดาวของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรงถ้าไม่ใช่ว่าเขาสามารถควบคุมมันได้เป็นอย่างดี เกรงว่าจุดตันเทียนของเขาคงจะออกมาวิ่งเล่นข้างนอกแล้ว !