บทที่ 255 ฟื้นคืนชีพสามองค์รักษ์

สุดยอดชาวประมง

บทที่255 ฟื้นคืนชีพสามองค์รักษ์

บทที่255 ฟื้นคืนชีพสามองค์รักษ์

ฉู่เหินรู้สึกงุนงงเพราะในตราหยกมีศพสามศพอยู่ในนั้น ทั้งสามศพนี้ไม่ใช่ใครที่ไหนเป็น ต้าเอ้อตุน จาผีเอ้อ กู้ปาเทอนั้นเอง

เขาจำได้ดีว่าทั้งสามยังกระโดดโลดเต้นอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นศพไปได้ เขารู้สึกว่ามันผิดปกติ ในเวลาสั้นๆนี้เอง เขาเริ่มตรวจสอบศพทั้งสามอย่างละเอียด

จากการตรวจสอบอย่างละเอียด ทั้งสามกลายเป็นศพไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่ว่าทั้งสามไม่เหมือนกับศพทั่วไป เพราะว่าวิญญาณพวกเขายังไม่หายไปไหน แต่ยังคงอยู่ภายในร่าง! หลังจากเห็นดังนั้นฉู่เหินก็อดหัวใจสั่นไหวไม่ได้ แม้ว่าตอนนี้ทั้งสามจะเป็นศพ แต่ก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไร

ถ้าเขามีเวลา เขาน่าจะช่วยทั้ง 3 ให้ออกมาได้ วิญญาณของทั้งสามไม่ได้หายไปไหน เขาจะกลั่นวิญญาณ ให้วิญญาณหลุดออกมาจากร่างพวกเขา กระตุ้นให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ทำแบบนั้นความทรงจำบางส่วนจะหายไปแต่ไม่น่าจะสามารถฟื้นฟูความทรงจำชาติก่อนได้ เช่นนี้แล้วก็จะไม่แตกต่างจากคนปกติเท่าไร

ถ้าตอนนี้สถานกาณ์เป็นใจละก็ ฉู่เหินจะเริ่มทำมันซะเดี๋ยวนี้เลย ภายในความฝันดินแดนโหลวหลานทั้ง 3 ก็เป็นมิตรกับเขามาก ดังนั้นฉู่เหินไม่ยินยอมทิ้งพวกเขาให้เป็นศพแบบนี้แน่ ๆ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็เห็นว่ากลางทะเลทรายดวงอาทิตย์ค่อยๆ ลอยขึ้นมา ถือว่าเป็นภาพที่ประทับใจภาพหนึ่ง เมื่อมองไปไกลๆราวกับว่าพระอาทิตย์โผล่ออกมาจากทะเลทรายก็ไม่ปาน เวลากลางคืนอุณหภูมิของที่นี่หนาวมาก ทว่าแค่ดวงอาทิตย์เพิ่งขึ้นไม่นานก็รู้สึกร้อนขึ้นมาเสียแล้ว

เสี่ยวชิงกับซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ทั้งบิดเอวอย่างเกียจคร้าน ลืมตาที่พร่ามัวเพราะเพิ่งตื่น ขึ้นมามองฉู่เหินนั่งอยู่ข้างๆ และกำลังใจลอยนิดๆ

“พี่ฉู่เหินเป็นอะไรไปน่ะ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น?” ประโยคนั้นของเสี่ยวชิงช่วยเรียกสติของฉู่เหิน จากนั้นเขาก็หันไปมองเธอแล้วยิ้มอย่างอบอุ่น

“ไม่มีอะไรหรอก แค่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อยเดี๋ยวสักพักหลังทานอาหารเช้า พวกเราก็ออกเดินทางกันเถอะ หาที่สงบๆ สักที่ฉันอยากฝึกตนหน่อยน่ะ” เมื่อฟังประโยคนั้นหญิงสาวทั้งสองก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ไม่ได้ถามอะไรอีก

ทุกคนกินอาหารอย่างเรียบง่าย จากนั้นก็ออกเดินทางต่อทันที เส้นทางที่พวกเขาเลือกห่างไกลความเจริญ หลายชั่วโมงต่อมาในที่สุดพวกเขาก็ออกจากพื้นที่ทะเลทรายมาได้ ตอนนี้ตรงหน้าพวกเขาปรากฏเป็นวิวภูเขาสูงลูกหนึ่ง

เพื่อไม่ให้ถูกคนอื่นรบกวน ฉู่เหินจึงใช้ดาบเสี้ยวจันทร์สร้างถ้ำขึ้นมาที่ภูเขาจากนั้นก็ปิดปากถ้ำเมื่อเตรียมการเสร็จสิ้น ทุกคนถึงได้เข้ามาพักในถ้ำ

“โจวหู่ นายต้องคุ้มครองฉันไม่ว่ายังไงก็ห้ามให้คนอื่นมารบกวนเด็ดขาด” เขากำชับประโยคนี้เพราะครั้งนี้เขาต้องกลั่นถึงสามร่าง เรื่องนี้สำคัญมากเขาไม่อยากให้มันผิดพลาดแม้แต่นิดเดียว

หลังกำชับเรียบร้อย ฉู่เหินก็นั่งขัดสมาธิลงตรงนั้นเลย ในเวลาเดียวนั้นเขาก็นำหม้อทองคำสามขามาวางไว้ เดิมเขาเตรียมพร้อมว่าจะกลั่นศพทั้งสามร่างเลย แต่คิดไปคิดมาก็ไม่กล้าทำเช่นนั้น ถ้าเกิดมันผิดพลาดขึ้นมาจริงๆ ทั้งสามต้องจบแห่แน่ เมื่อถึงตอนนั้นตัวเขาจะร้องไห้ก็คงร้องไห้ไม่ออกแล้ว

ต้องเข้าใจว่าการวิชากลั่นวิญญาณ(วิชาเดียวกับสร้างฉู่เฟิง) ถ้าผิดพลาดผลลัพธ์นั้นหนักหนามาก ถ้าการกลั่นวิญญาณของทั้งสามเกิดผิดพลาดจริง ๆ ฉู่เหินรับไม่ได้แน่ๆ !

ครุ่นคิดสักครู่ฉู่เหินก็เตรียมเริ่มการกลั่นวิญญาณให้คุณชายสามก่อน

เขานำร่างของคุณชายสามออกมาจากตราหยก จากนั้นก็วางไว้บนที่วางไว้บนวัสดุระดับสูงจำนวนมาก แล้วเริ่มการกลั่นวิญญาณทว่าทันใดนั้นตราหยกก็ส่งเสียงออกมาเสียก่อน

“ไอ้หนู ใช้วิธีระดับต่ำแบบนี้ แม้ว่าจะกลั่นสำเร็จ ก็รักษาสภาพไว้ได้แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นละ”

สิ้นประโยคนี้ ฉู่เหินก็ตกใจเพราะต้นตอของเสียงดังออกมาจากตราหยกข้างเอวเขานั้นเอง

ลายแกะสลักบนตราหยก ก็คือจิตวิญญาณของงูเหลือม หลังจากที่วันนั้นสื่อสารกับงูเหลือมครั้งหนึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้ยอมแพ้ ฉู่เหินเลยไม่ได้สนใจมันอีกเลยนี้ก็ผ่านมาเนินนานจนลืมเรื่องราวไปแล้วด้วย กาลเวลาที่เนินนานได้ทำให้งูยักษ์ได้มีเวลาคิด ในที่สุดมันก็ต้องยอมรับว่าตัวเองติดอยู่ในตราหยกนี้อยู่ดี

หลังจากอยู่ในตราหยกแน่นอนว่า จิตวิญญาณของงูเหลือมยักษ์เองก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเลย ระหว่างมันกับฉู่เหินตอนนี้ถือว่าสัมพันธ์ต่อกันแม้ว่ามันไม่อยากยอมรับ แต่ความจริงก็เป็นเช่นนั้น

“เรียนท่านผู้อาวุโส วิธีการกลั่นแบบไหนถึงจะดีเหรอครับ” ฉู่เหินถ่อมตัวเพื่อขอคำแนะนำ

“อ้าว คิดว่าเจ้าเข้าใจวิธีการกลั่นวิญญาณ นี้หรือว่าจะไม่เคยได้ยินวิธีการ

กลั่นวิญญาณเลือด?” จบประโยคงูเหลือมพิษก็ไม่มีส่งเสียงใดอีกเลย ราวกับว่ามันไม่ยินยอมพูดอะไรอีก แต่แค่นั้นก็ทำให้ฉู่เหินเข้าใจขึ้นมาในทันที

วิชากลั่นวิญญาณเลือดแน่นอนว่าเขารู้จัก แค่คิดไม่ถึงก็เท่านั้นเอง เมื่อพูดถึงวิชากลั่นวิญญาณเลือดกับมนุษย์ถือว่าโหดเหี้ยมที่สุด ก่อนอื่นต้องนำร่างที่ต้องการกลั่นนำไปใส่ในหม้อทองคำสามขา ตอนที่กลั่นก็ไม่จำเป็นต้องใส่วัตถุดิบเพิ่มอีก แต่ต้องใช้เลือดของตัวเองเป็นการหล่อเลี้ยง

วิชากลั่นวิญญาณเลือดนี้ผลสำเร็จมีถึงร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แต่ต้องทำให้ได้ในเวลาที่กำหนดและที่สำคัญก็คือหลังจากกลั่นวิญญาณเลือดแล้วตัวเขากับพวกต้าเอ้อตุน 3 คนจะเชื่อมต่อกันแบบพิเศษจนสื่อถึงกันได้

วันหลังเขาไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เพียงแค่ส่งสายตาหรือใช่้ความคิด อีกฝ่ายก็สามารถรับรู้ได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

ทว่า ในตอนที่เขากำลังลองวิชา โจวหูู่ เสี่ยวชิง เสี่ยวฟู๋ 3 คนก็กังวลแทนเขามาก เพราะเขาเอาตัวเองไปนั่งอยู่บนเตาไฟ ในสายตาของคนอื่นก็คือรนหาที่ตายนั้นเอง

“เสี่ยวชิง หมู่นี้เธอกับฉู่เหินทะเลาะกันเหรอ ไม่อย่างงั้นเขาจะกระโดดเข้าไปเตาไฟทำไม นี้มันฆ่าตัวตายชัดๆ” โชคดีที่ฉู่เหินเอาตัวเองเข้าไปในเตาไฟแล้วเขาเลยไม่ได้ยินเสียงข้างนอก ไม่งั้นถ้าเขาได้ยินซ่างกวนเสี่ยวฟู๋พูดแบบนี้ เขาคงโกรธจนกระอักเลือดเป็นแน่แท้

เสี่ยวชิงได้ยินดังนั้น ก็มองค้อนอีกฝ่ายแล้วไม่พูดอะไรออกมาอีก แบ่งกันคนละมุมเฝ้าคุ้มครองฉู่เหินเอาไว้

ถัดมาที่ทาง ไม่กี่วันที่ผ่านมาเหตุการณ์ก่อการร้ายได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในมหาสมุทรจนทำให้ไม่มีใครกล้าออกเรือลงทะเล ไม่เพียงเท่านั้นพวกที่สร้างความวุ่นวายเหล่านี้ก็บ้าคลั่งสุดขีด ไม่นานมานี้เรือลาดตระเวนทางทะเลถูกดักโจมตีแต่ก็ถูกเห็นเข้าโดยราชาฉลามพิษที่กำลังว่ายไปมาอยู่ในมหาสมุทร ทำให้พวกมันแอบสะกดรอยตามกลุ่มโจรสลัดไป

ราชาฉลามพิษหลายตัวหลังจากติดตามฉู่เหินแล้ว นิสัยก็เปลี่ยนไปมาก อีกทั้งฉู่เหินยังปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างดี ที่สำคัญก็คือหลังจากที่ต่อสู้กับ

ฉู่เหินแล้ว พวกฉลามพิษก็ไม่ได้ดุร้ายเหมือนก่อนอีกแล้ว

ในขณะเดียวกัน สายตาของเผ่าพวกมันก็เต็มไปด้วยความชื่นชม เช่นนี้เอง ทำให้ราชาฉลามพิษหลายตัวพอใจที่จะติดตามฉู่เหิน แต่แล้วโจรสลัดก็ปรากฏตัวทำลายความสงบของมหาสมุทรอย่างราบคาบ

ที่น่าโมโหที่สุดคือหลังจากที่คนเหล่านี้ปล้นเสร็จมันไม่ทิ้งเบาะแสเอาไว้เลยกลุ่มแรกที่พยายามตามตัวพวกมันคือ บรรพบุรุษเงือก พวกบรรพบุรุษเงือกสั่งให้สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรเริ่มแอบติดตามพวกโจรอย่างลับ ๆ

แต่ว่าโจรพวกนี้เจ้าเล่ห์มาก ผ่านมาเนินนานแล้วกลับไม่มีใครหารังพวกมันพบ นี้ทำให้ชาวมหาสมุทรจนใจอย่างมาก โชคดีที่วันนี้ราชาฉลามพิษเป็นผู้มาพบเหตุการณ์เช่นนี้พอดี มันจึงแอบดูอยู่ห่างๆ เท่านั้น

เรื่องราวในมหาสมุทร ฉู่เหินไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้จิตใจของฉู่เหินกำลังจดจ่ออยู่กับวิชากลั่นวิญญาณเลือด เวลาไหลผ่านไม่รีรอ เลือดในกายของฉู่เหินยิ่งนานยิ่งเสียมากขึ้น เขาถ่ายเทเลือดไปยังศพทั้งสามร่างที่ตอนนี้ไร้ซึ่งกลิ่นอายแห่งความตายแล้ว ท่าทางวิธีนี้จะใช้ได้ผลจริง ๆ