บทที่ 213 เลือดชโลมเสื้อผ้าั

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 213 เลือดชโลมเสื้อผ้า

สวี่ชิงข่มจิตสังหารเอาไว้เนิ่นนานแล้ว

นับตั้งแต่ที่รู้ว่าปรมาจารย์ไป่ถูกแทง ในร่างกายเขาก็ราวกับมีใบมีดแหลมคนกำลังกรีดกรายอย่างบ้าคลั่ง อยากจะทะลวงออกมาจากร่างกาย อยากจะสังหารเสียให้เรียบ

แต่เขาก็ทำไม่ได้ ทำได้เพียงฝืนข่มจิตสังหารโถมฟ้านี้ไว้ ทำให้ตนเองจำเป็นต้องสงบลง พิจารณาอย่างใจเย็นมุ่งหน้าไปยังผืนอินทนิล อยู่ที่นั่นก็ยิ่งต้องระมัดระวัง ต่อให้จับคนร้ายได้ก็ยังสังหารทิ้งไม่ได้

ทำได้เพียงค่อยๆ ทรมาน แล้วเค้นคนร้ายหลังม่านที่แท้จริงออกมาจากปากเขา

จนมาถึงตอนนี้ ในที่สุดเขาก็หาเบาะแสพบ และตอนนี้ก็ไม่ระงับจิตสังหารอีกต่อไป ขณะที่ระเบิด สวี่ชิงก็พุ่งฉับพลัน ไปอยู่เบื้องหน้าผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว

ผู้บำเพ็ญนี้เป็นหญิงสาว ไฟชีวิตสองดวงในร่างกายวูบไหวอย่างรุนแรงจากการเข้าประชิดของสวี่ชิง เมื่อเห็นว่ากำลังจะดับมือขวาของสวี่ชิงก็ยื่นออกพร้อมกับความเคียดแค้นที่หาสิ่งใดเปรียบได้ไม่ ความบ้าคลั่งที่น่าตกตะลึง กลิ่นอายที่น่ากลัวแทงทะลุไปที่ท้องของหญิงสาวคนนี้ ล้วงเข้าไปด้านใน

คว้าไฟชีวิตของนางแล้วบีบอย่างรุนแรง!

เสียงตูมดังขึ้น เสียงกรีดร้องอันน่าสังเวชดังออกมาจากปากของผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรคนนี้อย่างเจ็บปวด นี่คือความเจ็บปวดที่นางไม่เคยประสบมาก่อนเลยในชีวิต นี่คือความทรมานจากการที่ไฟชีวิตถูกทำลายทั้งเป็น

ยังไม่จบ หลังจากสวี่ชิงบีบอย่างแรง ก็จัดการคว้าไฟชีวิตอีกดวงไว้แน่น แล้วกระชากไฟชีวิตทั้งสองดวงออกมาทั้งหมด เลือดสดหลั่งริน ช่องเวททั้งหมดในร่างกายผู้บำเพ็ญหญิงคนนี้ก็พังทลายครืนครันในพริบตาจากการแตกสลายของไฟชีวิต

เสียงร้องที่น่าสังเวชยิ่งกว่าดังขึ้น และอ่อนแรงลงอย่างรวดเร็ว

ทั้งหมดนี้ ทำให้นางหลั่งเลือดออกมาจากทวารทั้งเจ็ดทั่วร่าง แต่การสังหารของสวี่ชิงยังไม่จบ เขาใช้หัวกระแทกไปที่หน้าผากผู้บำเพ็ญหญิงคนนี้ พริบตานั้นที่ใบหน้าที่แต่เดิมสะสวยของหญิงสาวคนนี้ก็ถูกทุบเหมือนผลไม้เน่า แตกเละออกมา

ทั่วร่างสวี่ชิงเต็มไปด้วยเลือดสด หันหน้ากลับไปมองเผ่าดาราสมุทรสองคนที่เหลือด้วยสีหน้าเคร่งขรึม โดยเฉพาะองค์หญิงเผ่าดาราสมุทรคนนั้น

เสียงวิหคทองครืนครันด้านหลังเขา สูบศพที่หัวเละไปแล้วอย่างแรง แต่กลับสูดอะไรมาไม่ได้เลย ดังนั้นจึงหันหน้ามององค์หญิงเผ่าดาราสมุทรอย่างโหดเหี้ยม

ปราณพิฆาตแผ่ซ่านไปทั้งตัวสวี่ชิงราวกับเทพชั่วร้าย วิหคทองที่อยู่ข้างๆ ก็ราวกับเป็นอสูรร้ายแห่งโลกา พลังลั่นฟ้าสะเทือนดินใต้แสงจันทร์

“สวี่ชิง เรื่องนี้…”

องค์หญิงเผ่าดาราสมุทรคนนั้นหน้าขาวซีด ในดวงตาเผยความตกตะลึง เพิ่งจะเอ่ยปาก ผู้บำเพ็ญคุ้มครองเผ่าดาราสมุทรคนหนึ่งด้านหลังสุด ก็เปล่งเสียงคำรามกราดเกรี้ยวออกมา พุ่งตัวออกไปฉับพลัน

“องค์หญิงรีบหนี!!”

ระหว่างที่พูด ผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรก็เปล่งแสงเจิดจ้า ระหว่างที่ไฟชีวิตเผาไหม้ช่องเวททั้งหมดก็ระเบิดออก กลิ่นอายการระเบิดตนเองแผ่ซ่านในร่างกายของนาง และทำปางมือกระตุ้นถาดกลมสามถาดที่วางไว้รอบๆ

ถาดกลมสามใบนั้นแผ่กลิ่นอายที่น่าตกตะลึงออกมากลายเป็นอัสนีหลายสาย ก่อตัวขึ้นเป็นตาข่ายบนท้องฟ้า สะกดกักขังมาที่สวี่ชิง

องค์หญิงเผ่าดาราสมุทรคนนั้นเห็นเช่นนี้ก็กัดฟันกรอด หันหลังฉับพลัน ทะยานตรงไปทางมหาสมุทร นางรู้ว่ากลับไปเจ็ดเนตรโลหิตไม่ได้แล้ว ตอนนี้ต้องรีบหนีไปให้ไวที่สุด

แต่พริบตาที่นางพุ่งไปในมหาสมุทร เต่าทะเลขนาดยักษ์ตัวหนึ่งพุ่งออกมาฉับพลันจากใต้ทะเล ในดวงตามีความตกตะลึงหวาดผวาและสิ้นหวัง ปากเองก็ไม่รู้ว่าพูดได้อย่างไรถึงส่งเสียงเคี๊ยกเคี๊ยก เข้ามากัดนาง

ขณะเดียวกันเหล็กแหลมสีดำก็พุ่งออกไปจากทางสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว ก่ออัสนีสีดำหลายสายขึ้นกลางอากาศ พุ่งเข้าหาองค์หญิงเผ่าดาราสมุทร

จังหวะนี้เต่าทะเลก็เข้าปะทะองค์หญิงเผ่าดาราสมุทร และมีพลังของเหล็กแหลมสีดำเข้าประชิด ระเบิดเสียงครืนครัน

ขณะเดียวกันจิตสังหารโถมปะทุในดวงตาสวี่ชิงก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลย ใต้ตาข่ายยักษ์อัสนีที่ก่อตัวขึ้นจากถาดกลมสามใบ พริบตาที่จะคลุมตัวเขา พลังวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณในร่างสวี่ชิงก็ปะทุขึ้นฉับพลัน

เขาเงยหน้าขึ้นฉับพลัน วิหคทองด้านหลังแหงนหน้าเปล่งเสียงคำราม พุ่งทะยานขึ้นด้านบน ร่างใหญ่โต หางพญาหงส์ เปลวเพลิงสีดำ เวลานี้ราวกับเป็นคันศรทะยานสู่ท้องฟ้า ปะทะเข้ากับตาข่ายยักษ์อัสนีนั่น พริบตาต่อมาตาข่ายอัสนีก็ฉีกขาดสลายหายไป ถาดกลมสามใบก็แตกลั่นเสียงดังเปรี๊ยะ แตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

ไม่อาจต้านทานได้เลย!

พลังของสวี่ชิงที่ระเบิดออกมาในพริบตานี้เทียบเท่ากับพลังต่อสู้ไฟชีวิตสี่ดวง แค่ผู้บำเพ็ญไฟชีวิตสองดวง ต่อให้มีอาวุธเวทก็ยังไม่อาจก่อคลื่นใหญ่ขึ้นได้

พริบตาต่อมา ร่างสวี่ชิงหายไป ปรากฏตัวเบื้องหน้าผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรที่คิดจะระเบิดตนเองเพื่อถ่วงเวลาสวี่ชิงไว้คนนั้น มือขวายกขึ้นกดลงไปบนหน้าผากคนผู้นี้ ขณะที่ดวงตาผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรคนนี้เผยความหวาดกลัวและความสิ้นหวังอย่างมิอาจพรรณนา สวี่ชิงก็สูบอย่างรุนแรง

เพลิงพิฆาตปะทุ ฝืนดูดวิญญาณของนางมา ความเจ็บปวดที่ถูกสูบวิญญาณทั้งเป็นทำให้ผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรกรีดร้องเสียงแหลมอย่างน่าเวทนา ร่างกายสั่นสะท้านรุนแรง วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณก็ระเบิดขึ้นด้วยเช่นกัน ทำการสูบกลางอากาศอีกครั้ง

ผู้บำเพ็ญคนนี้ตัวสั่นเทิ้มไปพลางเลือดลมมหาศาลก็ระเบิดออกจากทวารทั้งเจ็ดลอยขึ้นกลางอากาศ วิญญาณกับเลือดลมล้วนถูกสูบออกไป ขั้นตอนทั้งหมดก็เพียงสองอึดใจเท่านั้น ผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรคนนี้ก็กลายเป็นศพแห้ง ล้มลงแตกกระจายสลายกลายเป็นฝุ่น

ขณะเดียวกัน องค์หญิงเผ่าดาราสมุทรที่ถูกเต่าทะเลเข้าสกัดและถูกเหล็กแหลมสีดำขวางเอาไว้ ใบหน้านางก็ขาวซีดถึงขีดสุด

นางมองคนในเผ่าที่ตายไปในช่วงเวลาสั้นๆ มองไปยังสวี่ชิงที่เวลานี้หันหลังมา พร้อมกับเปลวเพลิงโหดเหี้ยมถึงที่สุดเดินตรงเข้ามาหาตนเอง ความหวาดกลัวในสายตาทำให้สตินางจะแทบแตกกระเจิง

นางคิดถึงภาพวันแรกที่เห็นสวี่ชิงต่อสู้กับเด็กสาวชุดดำเกาะบูรพาสงัดคนนั้น นางคิดถึงสาเหตุที่ชื่อเสียงชั่วร้ายของกรมปราบพิฆาตแพร่ออกมาในเจ็ดเนตรโลหิตช่วงนี้ และคิดถึงใบหน้างามของอีกฝ่ายที่ตนเองไปเยี่ยมเยียนหลายต่อหลายครั้งก่อนหน้า

ทั้งหมดของทั้งหมดนี้พอตัดสลับเข้าด้วยกัน เกิดเป็นเหมือนฝันขึ้นมา เกิดเป็นความหวาดผวาที่ไม่อาจใช้คำพูดพรรณนาได้ เวลานี้นางถอยอย่างรวดเร็ว แต่ก็สายไปแล้ว การสูญเสียสติสัมปชัญญะ ทำให้บรรพชนสำนักวัชระคว้าโอกาสนี้ แทงทะลุท้องออกไปอย่างรุนแรงแล้วแทงกลับเข้ามาอีกครั้ง

ตอนที่องค์หญิงเผ่าดาราสมุทรคนนี้กรีดร้อง เต่าทะเลข้างๆ ก็อ้าปากกว้าง กัดลงไปบนแขนขององค์หญิงจนขาด

เคี้ยวไปด้วยใบหน้าก็ปรากฏความบ้าคลั่งไปด้วย แต่ในดวงตามันก็เผยความหวาดผวาลึกๆ และการอ้อนวอนออกมา

เต่าทะเลนี้ก็คือผู้บำเพ็ญเผ่าประหลาดคนนั้น หลังจากร่างดาราสมุทรเขาตายไป ก็ฟื้นคืนชีพในร่างของเต่าทะเลตัวหนึ่งใต้ท้องทะเล พอคิดจะหนี แต่เพียงไม่นานเขาก็พบว่าร่างกายตนเองสูญเสียการควบคุมทั้งหมดไป

เขาคุ้นเคยความรู้สึกนี้เป็นอย่างดี ความทรงจำที่แสนสะพรึงและความหวาดผวาจึงปะทุออกมาจากก้นบึ้งจิตใจ เขาทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้เพียงมองเต่าทะเลที่ตนเองสิงอยู่อย่างสิ้นหวัง หมุนตัวอย่างรวดเร็วว่ายตรงไปที่ชายฝั่ง

ตอนนี้เอง บนริมฝั่ง องค์หญิงเผ่าดาราสมุทรที่ถูกแทงทะลุซ้ำไปซ้ำมาจนสติแทบจะกระเจิดกระเจิง เผยใบหน้าน่าสงสารออกมา ดวงตาอ้อนวอน ร่างกายสั่นสะท้าน ร้องไห้กับสวี่ชิง

“สวี่ชิง เรื่องนี้ข้าอัดอั้นตันใจ ข้าเองก็…”

ไม่รอให้นางพูดจบ สวี่ชิงก็เข้ามาเบื้องหน้าแล้ว ใช้ฝ่ามือดั่งพัดตบทีหนึ่งเสียงดังตูม ใบหน้าซีกขวาเด็กสาวคนนี้บวมขึ้นฉับพลัน ขณะที่ฟันแตก กะโหลกก็ปรากฏรอยร้าว และราวกับส่งผลกระทบไปยังเส้นประสาทจนทำให้แขนขากระตุกอย่างไม่ได้ตั้งใจ

ไฟชีวิตในร่างกาย ก็ถูกฝ่ามือของสวี่ชิงพัดจนดับไปสองดวง

นางยังไม่ทันฟื้นฟู สวี่ชิงก็เดินเข้ามาอีก ตบซ้ำลงไปอีกทีหนึ่ง

เด็กสาวเปล่งเสียงกรีดร้องแหลมเวทนาออกมาขณะที่เสียงดังครืนครัน ใบหน้าซ้ายก็ปูดบวมขึ้นเช่นกัน เลือดกลบไปทั้งปาก กระอักพ่นออกมา กะโหลกตอนนี้ก็ราวกับจะแตกสลาย

ไฟชีวิตดวงสุดท้ายในร่างกายก็ระเบิดออกมาทั้งหมด และพริบตาต่อมาสวี่ชิงก็เข้าประชิด ย่ำเท้าลงไปบนบาดแผลที่ท้องของเด็กสาวอย่างแรง

เด็กสาวคนนี้กระอักเลือดสดอีกครั้ง ร่างกายถูกยกขึ้น ช่องเวททั้งหมดในร่างกายพังทลายเสียงปึงปังภายใต้พลังมหาศาลนี้ พลังบำเพ็ญแตกซ่านสลายทั้งหมด

และความเจ็บปวดรุนแรงนี้ก็ทำให้เกือบสลบไสล แต่ก็ถูกสวี่ชิงยัดยาลูกกลอนเข้ามาในปากนาง ยื้อให้มีพลังชีวิตต่อไปจนสลบไม่ได้

ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงกรีดร้องเสียงแหลมขณะที่ร่างกายเจ็บปวด สีหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาไม่ใช่ความสิ้นหวังอีกแล้ว แต่ปะปนด้วยความบ้าคลั่งและความชั่วร้าย เมื่อจะเอ่ยปาก ก็ถูกสวี่ชิงซัดหมัดเข้าไปที่ปาก จนทำให้ปากของนางเหวอะหวะไปหมด

ถัดมา สวี่ชิงก็มองหญิงสาวคนนี้อย่างเย็นชา สูดลมหายใจลึก เมื่อโบกมืออสูรสมุทรบรรพกาลก็อ้าปากกว้าง กลืนเต่าทะเลเข้าไปในร่างกาย จากนั้นก็ลอยขึ้นกลางอากาศ ส่วนสวี่ชิงก็จับเท้าขวาองค์หญิงเผ่าดาราสมุทรคนนั้นเดินลากไป

หินกรวดบนชายหาดราวกับมีดแหลมคม ขูดเลือดขูดเนื้อองค์หญิงเผ่าดาราสมุทรคนนี้อย่างรวดเร็ว ทำให้ที่มาของความเจ็บปวดนี้ไม่ใช่แค่การพังทลายของช่องเวทในร่างกายเท่านั้น แต่ยังเป็นรอยกรีดนับพันบนเนื้อตัวรวมถึงความทรมานด้านจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่องด้วย

ดังนั้นในการขูดเลือดขูดเนื้อที่โหดร้ายนี้ เสียงกรีดร้องของนางจึงไม่เหมือนเสียงของมนุษย์อีก

ตลอดทางที่สวี่ชิงเดินไป ด้านหลังของเขาจึงเกิดเป็นรอยเลือดที่น่าขนพองสยองเกล้ารอยหนึ่งเช่นนี้

รอยเลือดนี้ยาวขึ้นเรื่อยๆ เสียงกรีดร้องเองก็อ่อนแรงลง ไม่นานนัก สวี่ชิงก็เดินมาถึงด้านในเขตค่ายกลเจ็ดเนตรโลหิต มองเห็นเมืองที่สง่างามและอันตรายอยู่ไกลๆ เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์

“สวี่ชิงผู้อยู่ในลำดับเจ็ดเนตรโลหิต เจ้ากรมปราบพิฆาตยอดเขาลำดับเจ็ด รายงานต่อสำนัก เผ่าดาราสมุทรคิดคดทรยศ ขออนุญาตให้ค่ายกลใหญ่สะกดเผ่าดาราสมุทรทั้งหมดในเจ็ดเนตรโลหิต ห้ามให้พวกเขาส่งข้ามหลบหนี ห้ามให้พวกเขาส่งสื่อเสียงสู่โลกภายนอก จงสะกดในทันที!”

เมื่อเปล่งคำพูดออกไป ค่ายกลใหญ่เจ็ดเนตรโลหิตก็ส่งเสียงครืนครันทันที ราวกับระบุตัวตนได้อย่างรวดเร็ว พริบตาต่อมา เสียงชราเสียงหนึ่งก็ดังลงมาจากยอดเขาลำดับหก

“อนุมัติ!”

ค่ายกลใหญ่สำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็เปิดใช้งานขึ้นฉับพลันจากการก้องสะท้อนของเสียง เริ่มการสะกด ขณะเดียวกันเงาหลายสายก็บินออกมาจากในเจ็ดเนตรโลหิต พุ่งตรงเข้ามาหาสวี่ชิง

คนที่เร็วที่สุดคือนายท่านหกที่เดินออกมาจากยอดเขาลำดับหก เขาก้าวแค่ก้าวเดียวก็ข้ามอาณาเขตมาอยู่เบื้องหน้าสวี่ชิง พลังบำเพ็ญปราณก่อกำเนิดทำให้ร่างเขาราวกับเป็นดวงตะวัน ความร้อนแรงและความบ้าคลั่งที่แผ่ออกมา บิดเบี้ยวอาณาเขตทั้งหมดรอบๆ

“สวี่ชิง เจ้าพบอะไรมา!”

สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ฝืนความอึดอัดที่ผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดเข้ามาใกล้เอาไว้ ประสานหมัดเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ

“นายท่านหก สืบค้นวิญญาณแล้วก็จะทราบ!”

พูดพลาง สวี่ชิงก็โบกมือ โยนองค์หญิงที่อยู่ด้านหลังไปเบื้องหน้านายท่านหก นายท่านหกลมหายใจหอบถี่ ถ้าหากเป็นยอดเขาอื่น เกรงว่าคงจะไม่เข้าไปสืบค้นวิญญาณเพียงเพราะคำพูดประโยคเดียวของสวี่ชิงแน่ แต่เขาไม่ใช่เช่นนั้น

ตอนนี้นายท่านหกไม่ลังเล ยกมือขวาขึ้นกดลงไปบนหน้าผากขององค์หญิงเผ่าดาราสมุทรทันที เริ่มสืบค้นวิญญาณ!

เพียงไม่นาน พวกของนายกองก็บินมา เมื่อแต่ละคนเห็นฉากนี้ก็ทยอยทำหน้าเคร่งขรึม มายืนอยู่ข้างๆ สวี่ชิง ขณะที่เฝ้ารออยู่เงียบๆ นายกองก็มององค์หญิงเผ่าดาราสมุทรที่กรีดร้องเสียงแหลม จากนั้นก็มองไปยังสวี่ชิงที่สีหน้าไร้อารมณ์และปราณพิฆาตบนตัวยังคุกรุ่น ตบลงไปบนบ่าของเขา

“อาชิงน้อย เรื่องนี้ ศิษย์พี่กับเจ้าจะแบกหามไปด้วยกัน!”

ค้างเน้อตอนนี้…………