บทที่ 214 โองการสังหารล้างบาง

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 214 โองการสังหารล้างบาง

สวี่ชิงหันมาช้าๆ จ้องมองนายกองที่อยู่ข้างๆ ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือด

“อาชิงน้อย ชีวิตคนเราคือประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง มีขมมีหวาน มีทุกข์มีสุข ไม่ได้มีเพียงแค่สีเดียว และไม่มีทางมีเพียงแค่สีเดียวด้วยเช่นกัน

“นี่คือสิ่งที่เทพเจ้าบนฟ้าไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ เพราะพวกเราคือมนุษย์ พวกเราไม่ใช่สัตว์ป่า ดังนั้น…ข้าเข้าใจความเจ็บปวดของเจ้า และเข้าใจความต้องการล้างสังหารของเจ้า

“สิ่งที่ข้าอยากจะบอกเจ้าก็คือ อยากทำอะไรก็ไปทำ เดินไปตามทางชีวิตที่เป็นของเจ้าตามใจของเจ้า” นายกองยิ้ม รอยยิ้มของเขาสดใสอย่างน้อยนักที่จะแสดงให้เห็น

แสงทางนี้สาดเข้ามาในจิตใจที่เต็มไปด้วยจิตสังหารมาตามดวงตาทั้งสองของเขา และซัดเป็นระลอกคลื่นอารมณ์กลุ่มหนึ่ง

สวี่ชิงเงียบงัน เขาได้ยินคำพูดแบบนี้น้อยนัก สองคนก่อนหน้านี้ที่พูดหลักการดำเนินชีวิตกับเขาคือหัวหน้าเหลย คือปรมาจารย์ไป่

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สวี่ชิงก็มองนายกองอย่างจริงจัง พยักหน้าอย่างหนักแน่น จากนั้นก็มองไปทางนายท่านหกที่กำลังค้นวิญญาณ รอคอยคำตอบของอีกฝ่าย

เขาแค่ส่งตัวองค์หญิงเผ่าดาราสมุทรให้เท่านั้น ส่วนผู้บำเพ็ญเผ่าพรางมารยานั่นสวี่ชิงไม่ได้ส่งออกไป เขายังทรมานอีกฝ่ายไม่พอ ขณะเดียวกันอีกฝ่ายก็รู้ข้อมูลของเขามากเกินไป ไม่สะดวกที่จะส่งตัวไป

อีกทั้งตอนนี้เผ่าที่อยู่เบื้องหลังก็หาเจอแล้ว ข้อมูลที่องค์หญิงเผ่าดาราสมุทรคนหนึ่งรู้ได้ เพียงพอแล้ว

แล้วเรื่องจริงก็เป็นเช่นนั้น จากการค้นวิญญาณ นายท่านหกทางนั้นค่อยๆ ตัวสั่นเทิ้ม เส้นเลือดที่หน้าผากแต่ละเส้นปูดขึ้นมา ดวงตาค่อยๆ มีเส้นเลือดปรากฏขึ้น ในขณะเดียวกับที่ลมหายใจถี่กระชั้น หลังจากที่ปากส่งเสียงเหมือนโศกเศร้าจนถึงขีดสุด ก็พลันส่งเสียงร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว

จนเสี้ยวขณะต่อมา นายท่านหกก็เหมือนมองเห็นความทรงจำที่่เป็นกุญแจสำคัญ ทั้งตัวหลังจากสั่นสะท้านไปครู่หนึ่งก็โศกเศร้าโกรธแค้นจนถึงขีดสุด เสียงบึ้มดังขึ้น ร่างขององค์หญิงเผ่าดาราสมุทรก็ระเบิดกลายเป็นหมอกเลือดทันที วิญญาณของนางถูกนายท่านหกกระชากออกมาแล้วโยนเข้าปากเคี้ยวอย่างเหี้ยมโหด

เคี้ยวไปด้วย เส้นเลือดในตาของเขาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

จากนั้นเขาก็ไม่พูดอะไร ประสานปางมือชี้ไปยังท้องฟ้า ทันใดนั้นค่ายกลสำนักเจ็ดเนตรโลหิตก็ส่งเสียงดังเลื่อนลั่น ลำแสงแต่ละทางๆ ร่วงลงมาจากท้องฟ้าเหนือค่ายกล ก่อนจะพุ่งตรงไปทางเมืองหลัก

เมืองหลักสั่นสะเทือน แผ่นดินเหมือนกำลังเดือดพล่าน เสียงร้องคร่ำครวญโหยหวนล้วนดังสะท้อนก้อง เงาร่างแต่ละทางต่างถูกพลังค่ายกลดึงขึ้นฟ้า

มองไกลๆ จำนวนเงาร่างเหล่านั้นมีประมาณสองร้อยร่าง ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรทั้งสิ้น ในนั้นยังมีผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณสามตนนั้นด้วย ตอนนี้ในดวงตาของทั้งสามต่างแตกตื่นลนลาน ฉายความหวาดกลัวออกมา

แต่ไม่ว่าพวกนางจะดิ้นรนอย่างไรก็ล้วนไร้ประโยชน์ ภายใต้พลังของค่ายกลสำนักเจ็ดเนตรโลหิต พวกนางไม่มีพลังตอบโต้ เพียงพริบตาก็ถูกนายท่านหกที่ดวงตาทั้งสองแดงก่ำคว้ามา

ผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรสองร้อยกว่าคนมาอยู่บนท้องฟ้าข้างหน้าพวกสวี่ชิงทันที เนื่องจากเร็วมากๆ ในนั้นมีผู้บำเพ็ญจำนวนไม่น้อยที่ร่างระเบิดเพราะไม่สามารถทนรับได้ ส่วนที่เหลือในขณะที่ตัวสั่นสะท้านก็ส่งเสียงร้องตกใจอย่างตื่นกลัวและเสียงร้องโหวกเหวกเอะอะออกมา

นายท่านหกดวงตาฉายแววโหดเหี้ยม อ้าปากสูดทันที ทันใดนั้นฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบม้วน ฟ้าดินทั่วทุกทิศเหมือนกำลังสั่นคลอน

ผู้บำเพ็ญสองร้อยกว่าคนกลางท้องฟ้าส่งเสียงโหยหวนแสบหูออกมา กายเนื้อของพวกนางแห้งเหี่ยวด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า วิญญาณของพวกนางยิ่งถูกการดูดของนายท่านหกครั้งนี้กระชากออกมาทั้งหมด

จะเห็นเงาวิญญาณแต่ละเงาๆ ลอยออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของผู้บำเพ็ญเผ่าดาราสมุทรเหล่านั้นพุ่งมาทางนายท่านหก ในนั้นรวมถึงผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณสามตนนั้นด้วย

เหมือนว่าสำหรับนายท่านหกแล้ว ระดับแก่นลมปราณกับระดับสร้างฐาน และระดับรวมปราณล้วนไม่แตกต่างกัน!

เพียงพริบตา วิญญาณสองร้อยกว่าดวงก็ทะลักมา นายท่านหกอมเข้าไป จากนั้นก็เคี้ยว จากการได้รับข้อมูลที่มากขึ้น เส้นเลือดในดวงตาของเขาก็เยอะขึ้น สุดท้ายท่ามลางเสียงร้องโหยหวนของวิญญาณพวกนั้น นายท่านหกก็กลืนวิญญาณทั้งหมดลงไป

จากนั้นเขาก็หลับตา ผ่านไปหลายอึดใจ ดวงตาทั้งสองของนายท่านหกก็ลืมขึ้น จิตสังหารในดวงตาท่วมฟ้า เขาสูดลมหายใจลึก มองไปทางสวี่ชิง

สวี่ชิงฝืนสะกดพลังกดดันน่าหวาดกลัวของระดับปราณก่อกำเนิด จ้องมองนายท่านหก

“สวี่ชิง ข้าติดหนี้น้ำใจเจ้า หากเจ้าเจ็ดไม่รับเจ้าเป็นศิษย์ ข้าจะรับเจ้าเป็นลูกศิษย์สายตรงของข้า!”

นายท่านหกพูดจบก็ยกมือเอาแผ่นหยกสื่อเสียงชิ้นหนึ่งออกมา

หยกนี้แตกต่างจากที่สวี่ชิงเคยเห็นไปโดยสิ้นเชิง ไม่ได้ทำมาจากหินวิญญาณ เหมือนทำออกมาจากวัตถุที่ล้ำค่ากว่าหินวิญญาณ กระทั่งว่าตัวมันยังแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายที่เทียบเคียงกับระดับแก่นลมปราณได้

ถือแผ่นหยกสีฟ้าชิ้นนี้เอาไว้ นายท่านหกเอ่ยเสียงราบเรียบ

“เจ้าเจ็ด!”

ความจริงเขาจะไม่พูดออกมา แต่จะใช้จิตเทพส่งกระแสจิตก็ได้

แต่เขารู้เรื่องนี้เป็นสวี่ชิงที่สืบได้ และรู้ว่าเหตุผลที่สวี่ชิงไปสืบตั้งแต่ทีแรกคืออะไร ดังนั้น นายท่านหกจึงไม่ส่งกระแสจิต แต่เอ่ยปากขึ้น และให้สวี่ชิงทางนั้นได้รู้ถึงผลของเรื่องนี้ด้วย

“เรื่องนี้สืบกระจ่างแล้ว เมื่อหลายปีก่อนเผ่าดาราสมุทรได้ส่วนต้นของตำรับยาลูกกลอนจันทราทะนง ดังนั้นจึงเริ่มแอบจับอัจฉริยะของเผ่าต่างๆ ดำเนินการได้มิดชิดนัก หลายปีนี้ผู้บำเพ็ญที่ถูกจับตัวไปมีจำนวนไม่น้อย ลูกชายไม่ได้ความของข้าในตอนนั้นก็คือหนึ่งในนั้น

“ตอนนี้ตัวยาหลักของพวกมันเป็นรูปเป็นร่างแล้ว แต่ขาดตำรับยาส่วนท้าย ดังนั้นจึงเกิดเรื่องลอบสังหารปรมาจารย์ไป่ ความจริงเรื่องนี้น่าจะเตรียมการนานแล้ว วันนี้เพิ่งลงมือก็เท่านั้น

“และเผ่าดาราสมุทรมาเยี่ยมเยือนเจ็ดเนตรโลหิตครั้งนี้ ความจริงแล้วคือแอบมาที่นี่เพื่อจัดการ เรื่องนี้ดูผิวเผินแล้วเป็นเผ่าดาราสมุทรที่ทะเยอทะยาน เสี่ยงอันตรายทำเรื่องใหญ่เช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งจับอัจฉริยะในตอนนั้น หรือจะเป็นเอาตำรับยาส่วนท้ายไปจากปรมาจารย์ไป่ ล้วนแต่เป็นหัวหน้าเผ่าดาราสมุทรที่เป็นผู้ออกคำสั่งเองทั้งสิ้น

“แต่ความจริงแล้วเผ่าดาราสมุทรอ่อนแอ โดยเผินๆ แล้วแม้แต่ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดก็ไม่มีสักคน ต่อให้บรรพจารย์ของพวกมันน่าสงสัยว่าปกปิดพลัง แต่เผ่าพันธุ์เช่นนี้ไม่มีทางมีความกล้าทำเรื่องใหญ่เช่นนี้แน่นอน และไม่มีทางทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างรอบคอบจนทำให้พวกเราหลายปีมานี้ก็ไม่อาจค้นพบได้อย่างแน่นอน

“เรื่องนี้ข้างหลังจะต้องมีเบื้องหลังอะไรอีกแน่ เจ้าคิดเช่นไร” นายท่านหกเอ่ยเสียงราบเรียบ

สวี่ชิงอยู่ข้างๆ หายใจหอบถี่ จิตสังหารในดวงตาพวยพุ่ง รังสีอำมหิตแผ่ซ่าน เขาได้ยินแล้วว่าตัวการหลักคือหัวหน้าเผ่าดาราสมุทร และได้ยินว่าเรื่องนี้มีความลับเบื้องหลังที่นายท่านหกพูด

เป็นเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรสวี่ชิงเชื่อว่าไม่นานหลังจากนี้ก็จะได้รู้อย่างแน่นอน แต่ความคิดที่รุนแรงที่สุดของเขาตอนนี้คือสังหารหัวหน้าเผ่าดาราสมุทรตนนั้นเสีย!

ในตอนที่จิตสังหารเอ้อล้นในใจสวี่ชิงอยู่ทางนี้ ในแผ่นหยกสีฟ้าที่มือนายท่านหกก็มีเสียงต่ำทุ้มของนายท่านเจ็ดดังมา

“เผ่าดาราสมุทรทำผิดข้อตกลงร่วมมือ สมควรสังหารล้างเผ่า อีกทั้งยังต้องลงมืออย่างรวดเร็ว ทว่าตอนนี้ข้าไม่อาจกลับไปได้…”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องกลับมา ช่วยข้าบอกกับท่านบรรพจารย์ว่าเรื่องนี้จะให้ข้าทำตามอารมณ์ได้หรือไม่ ข้าอัดอั้นมานานหลายปี อยากสังหาร” จิตสังหารในดวงตาของนายท่านหกเหมือนกับสวี่ชิง ต่างใกล้จะควบคุมเอาไว้ไม่อยู่เต็มทีแล้ว

ในแผ่นหยกไม่มีเสียง จวบจนผ่านไปประมาณสิบกว่าอึดใจ ก็มีเสียงทุ้มเย็นแหบแห้งพลันดังออกมาจากในนั้น

“เจ้าหกฟังคำสั่ง!”

“ท่านบรรพจารย์!” นายท่านหกเอ่ยขึ้นอย่างเคารพนอบน้อมทันที สวี่ชิงและพวกนายกองต่างก้มศีรษะ

“หลายปีมานี้ลำบากเจ้าแล้ว…เจ้าจงไปสังหารเผ่าดาราสสมุทรทั้งเผ่า อย่าให้เหลือแม้แต่ตนเดียว!”

นายท่านหกเงยหน้า ในดวงตาฉายความบ้าคลั่งออกมา สวี่ชิงก็เงยหน้าเช่นกัน จิตสังหารในดวงตาปะทุ

“น้อมรับโองการท่านบรรพจารย์!” นายท่านหกสูดลมหายใจ เงยหน้ามองไปทางท้องฟ้าไกล แหงนหน้าหัวเราะยาวๆ เสียงหัวเราะนี้ไม่ได้เบิกบาน มีความโศกเศร้าและความบ้าคลั่งเหลือแสน จนสุดท้ายก็แทบจะเป็นเสียงร่ำไห้

จากนั้นก็พลันสะบัดมือ ทันใดนั้นยอดเขาลำดับหกที่อยู่ไกลๆ ก็ส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ทั้งยอดเขาในเสี้ยวขณะนี้เกิดฝุ่นควันมหาศาลตลบอวล ขุนเขาที่สูงตระหง่านเสียดฟ้าลูกนี้พลันลอยขึ้น!!

ในขณะที่เสียงเลื่อนลั่นสะเทือนไปทั่วทุกสารทิศ ความกดดันมหาศาลที่ไม่อาจพรรณนาได้กลุ่มหนึ่งก็แผ่ซ่านไปทั่วทุกทิศตามการมาถึงของยอดเขาลำดับหก

ยิ่งไปกว่านั้น ถ้ำทุกๆ แห่งบนยอดเขาลำดับหกในตอนนี้ก็เปิดออก ลูกศิษย์ยอดเขาลำดับหกที่ปิดด่านอยู่ในนั้นแต่ละร่างๆ ต่างเดินออกมา ในนั้นมีผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณหลายคน ระดับสร้างฐานก็มีไม่น้อย

แม้ลูกศิษย์ยอดเขาลำดับหกกว่าครึ่งจะไปที่สนามรบเผ่าสิงซากสมุทร แต่สำหรับยอดเขาลำดับหก สิ่งที่มีไม่ขาดก็คืออาวุธเวทและหุ่นเชิด ดังนั้นเสี้ยวพริบตาต่อมา จากเสียงดังสนั่นหวั่นไหวของภูเขาที่น่าหวาดกลัวนี้ หุ่นเชิดแต่ละตัวๆ ก็บินออกมาจากในภูเขา มืดฟ้ามัวดินปกคลุมไปทั่วสารทิศ จำนวนมากมายมหาศาลไม่น้อยกว่าพันตัว

จากนั้นอาวุธเวทสงครามขนาดใหญ่แต่ละชิ้นๆ ก็ก่อตัวขึ้นบนยอดเขาลำดับหก

มองไกลๆ บนท้องฟ้า ยอดเขาลำดับหกที่มีขนาดมหึมานี้ ประกายแสงสาดส่องหมื่นจั้ง พลังท่วมฟ้า ความกดดันยิ่งทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี มันลอยอยู่บนท้องฟ้าประดุจป้อมปราการสงครามที่ทั้งน่ากลัวทั้งยิ่งใหญ่!

นายท่านหกก้าวออกมา ร่างเพียงไหววูบก็พุ่งตรงไปที่ป้อมปราการสงครามแห่งนี้ ยอดเขาลำดับหกทั้งลูกก็สั่นคลอน หุ่นเชิดหลายพันรอบๆ และลูกศิษย์ระดับแก่นลมปราณและสร้างฐานที่รักษาการณ์อยู่ในยอดเขาต่างคุกเข่าทำความคารวะจากการเข้าไปใกล้ของเขา

“คารวะเจ้ายอดเขา!”

เสียงดุจน้ำป่า ดังก้องไปทั่วทุกทิศ สนั่นหวั่นไหวท่วมฟ้า

สวี่ชิงจิตใจสั่นไหวเช่นกัน นายกองที่อยู่ข้างๆ ดวงตาเบิกกว้าง เอ่ยพึมพำเสียงต่ำ

“ตาแก่บอกว่าอาจารย์ลุงหกเป็นอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงคู่มากับเขาในตอนนั้น เพียงแต่หลายปีมานี้เศร้าโศก ไม่มีใจฝึกบำเพ็ญ…นี่เรียกว่าไม่มีใจฝึกบำเพ็ญหรือ นี่คือหลอมยอดเขาลำดับหกทั้งยอดเขาแล้วนะ ไม่เคยมีมาก่อน สู้กับเผ่าสิงซากสมุทรยังไม่เห็นเขาจะทุ่มเทขนาดนี้”

บนท้องฟ้า ฝีเท้าของนายท่านหกหยุดชะงัก ก้มหน้ามองนายกองอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง นายกองหดหัว สายตาของนายท่านหกเบนมาที่สวี่ชิง อ่อนโยนลงอย่างหาได้ยาก

“สวี่ชิง สิ่งนี้ข้าให้เจ้าไว้คุ้มกันกาย” พูดพลางยกน้ำเต้าที่ไม่เคยอยู่ห่างจากมือเขา แล้วเขย่าเบาๆ ทันใดนั้น ข้างในก็มีประกายแสงสีฟ้าทางหนึ่งพุ่งออกมา มุ่งตรงไปที่สวี่ชิง หลังจากมาถึงในทันใดแล้ว ก็แปรเปลี่ยนเป็นจี้ห้อยคอหยกสีฟ้าชิ้นหนึ่ง ลอยอยู่ข้างหน้าสวี่ชิง

จี้ห้อยคอหยกส่องประกายเจิดจ้า ยิ่งแฝงไว้ด้วยการคุ้มกันที่ชวนตื่นตะลึง การคุ้มกันนี้ทำให้สวี่ชิงรู้สึกว่าทรงพลังมหาศาล ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว

“การคุ้มกันระดับปราณก่อกำเนิด!!” นายกองที่อยู่ข้างๆ ดวงตาเบิกกว้าง ส่งเสียงตื่นตะลึงออกมา ในดวงตาฉายความอิจฉาอย่างรุนแรง มองนายท่านหกที่อยู่บนท้องฟ้าตาปริบๆ

“แล้วก็ สวี่ชิง เข้าไปเอาตัวอักษรสี่ตัวที่ท่านบรรพจารย์มอบให้ในท่าเรือร้อยเจ็ดสิบหกของพวกเจ้ามา อักษรของท่านบรรพจารย์แฝงไว้ด้วยพลังวิเศษ เจ้าถือตัวอักษรของท่านบรรพจารย์ มีการคุ้มกันจากข้า ครั้งนี้เจ้าตามข้าไปเผ่าดาราสมุทร ทำการสังหารให้สิ้นซาก แก้แค้นให้หนำใจ!!

“พวกเราสองคนต้องไประบายความอัดอั้นที่สะสมมานานสักหน่อย!” นายท่านหกสูดลมหายใจลึก พูดจบก็พุ่งไปที่ยอดเขาลำดับหก ย่างก้าวขึ้นไป

สวี่ชิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น จิตสังหารในร่างรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง เขาอยากไปฆ่า ฆ่าเผ่าดาราสมุทรทุกตนที่ได้เห็น ฆ่าหัวหน้าเผ่าดาราสมุทร ฆ่าให้เลือดรินไหลท่วมฟ้า ฆ่าอย่างบ้าระห่ำ

ไม่เช่นนั้นความอัดอั้นในใจของเขายากจะหายไป

ไม่เช่นนั้นไม่เพียงพอต่อการสังเวยให้กับอาจารย์ของเขา!

“น้อมรับคำสั่งนายท่านหก!” สวี่ชิงประสานหมัด พุ่งตรงไปที่ท่าเรือสำนักเจ็ดเนตรโลหิต มาถึงพิพิธภัณฑ์ จากการพยักหน้าของผู้อาวุโสระดับแก่นลมปราณสองคนในนั้น เขาก็เอาตัวอักษรที่บรรพจารย์มอบให้ลงมา หมุนตัวมุ่งหน้ามาที่ยอดเขาลำดับหก

สุดท้าย เขาก็เหยียบย่างไปบนยอดเขาลำดับหกพร้อมกับนายกองที่รอเขาที่นี่ จากเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นของภูเขาลูกมหึมาบนท้องฟ้า ฟ้าดินทั้งผืนก็บิดเบี้ยวขึ้นมา

ยอดเขาลำดับหก แหวกฟ้าออกมา พุ่งตรงไปยังทะเลต้องห้าม

ในชั่วเสี้ยวขณะที่พุ่งออกมา ขุนเขารางเลือน เคลื่อนย้ายทันที!

สังหารตรงไปยังเผ่าดาราสมุทร!