บทที่ 170 สาวงามที่หน้าประตู
“นี่เจ้า… เจิ้งตาน?” ซูอัน กะพริบตาปริบ ๆ ด้วยความงุนงง
โชคของข้าเกี่ยวกับผู้หญิงนี่มันรุนแรงขนาดนี้เลยงั้นหรือ? แต่ว่าการถูกสาวสวยแบบนี้เรียกว่า ‘อาจารย์’ นี่มัน… อ่า รู้สึกดีจริง ๆ!
เจิ้งตาน ส่งยิ้มหวานให้กับ ซูอัน ก่อนจะตอบว่า “ท่านอาจารย์ซู ช่างมีความจำเป็นเลิศจริง ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าท่านจะยังจำข้าได้แบบนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูอัน อดไม่ได้ที่บ่นในใจ ข้าเพิ่งเจอเจ้าเมื่อเช้านี้เอง เจ้าเห็นว่าแก่นักหรือไงถึงคิดว่าข้าจำเจ้าไม่ได้ทั้ง ๆ ที่มันเพิ่งผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง!
“ขอทราบได้ไหมว่าคุณหนูเจิ้งมีธุระอะไรกับข้า?” ซูอัน จำคำเตือนที่ ฉู่ฮวนเจา บอกกับเขาเมื่อตอนเช้าได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงไม่ปล่อยให้ความงามของอีกฝ่ายมาครอบงำเขาง่าย ๆ เหมือนก่อนหน้านี้
“ตอนเช้าข้าเร่งรีบมากเกินไป ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถขอบคุณท่านได้อย่างเหมาะสม” เจิ้งตาน พูดขึ้นพร้อมกับยกกล่องอาหารกลางวันในมือของนางขึ้นให้ ซูอัน เห็นได้อย่างชัดเจน “ท่านอาจารย์ซูตอนนี้มันเป็นเวลาอาหารกลางวัน และข้าแอบสังเกตว่าท่านยังไม่ได้ไปทานอาหาร ที่โรงอาหารเลย ดังนั้นข้าจึงไปทำอาหารด้วยตัวเองมาสองสามอย่างและนำมามอบให้ท่านที่นี่ ข้าหวังว่าท่านจะเพลิดเพลินไปกับอาหารที่ข้าเป็นคนลงมือทำเองอย่างสุดฝีมือ…”
“เจ้าทำอาหารพวกนี้เองหรือ??” ซูอัน ขมวดคิ้วด้วยความงุนงงหนักกว่าเดิม “คุณหนูเจิ้ง เช้านี้เจ้าไม่ได้เข้าเรียนเหรอ?”
นี่เจ้ากำลังดูถูกสติปัญญาของข้าอยู่งั้นหรือ? ข้าเห็นเจ้าที่ทางเข้าสถาบันเมื่อเช้านี้ เจ้าจะมีโอกาสกลับบ้านไปทำอาหารได้ยังไง?
เจิ้งตาน ที่เตรียมการมาเป็นอย่างดีสามารถเดาได้อย่างรวดเร็วว่า ซูอัน กำลังคิดอะไรอยู่ นางจึงอธิบายอย่างใจเย็นว่า “ตระกูลของข้าได้เตรียมที่พักอาศัยให้ข้าในสถาบันด้วย ดังนั้นข้าจึงสามารถปรุงอาหารพวกนี้ได้จากที่นั่น”
หืม? นักศึกษาก็สามารถเป็นเจ้าของบ้านพักในสถาบันได้เหมือนกันงั้นเหรอ?” ซูอัน อุทานขึ้นด้วยสีหน้าโง่งม
เจิ้งตาน ปิดปากหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับตอบว่า “คนธรรมดาคงทำไม่ได้ แต่ตระกูลเจิ้ง ของข้ามีอิทธิพลมากพอที่จะทำได้แน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูอัน ก็คิดได้ว่ามันเป็นไปได้ว่านอกจาก เจิ้งตานแล้วพวกคุณชายคุณหนูจากตระกูลใหญ่ ๆ ในเมืองก็น่าจะมีบ้านพักส่วนตัวอยู่ในสถาบันเช่นกัน
ถุย ๆ ! ข้าเองก็หลงนึกว่าสถาบันจันทร์กระจ่างจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับการเรียนรู้ แต่กลับกลายเป็นว่าที่นี่มันก็ไม่ต่างกับโรงเรียนเอกชนที่พวกลูกคุณหนูคิดจะทำอะไรก็ได้ในโรงเรียนหากมีเงินมากพอ!
“ท่านอาจารย์ซู ข้าขอเข้าไปสนทนาต่อในบ้านของท่านได้ไหม? ไม่เช่นนั้นหากใครผ่านไปมาเห็นสิ่งนี้ มันอาจจะนำไปสู่ข่าวลือเชิงลบได้” เจิ้งตาน มองไปที่ ซูอัน ด้วยสายตาขอความเห็นใจ จนสามารถละลายหัวใจของชายใดก็ได้ในโลกนี้
ซูอัน เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงไม่ใช่ข้อยกเว้นสำหรับการโดนอ้อนวอนแบบนี้เช่นกัน เขารีบเบี่ยงตัวหลบทางให้นางเข้ามาข้างในพร้อมกับพูดหยอกล้อว่า “เจ้ากังวลว่าเรื่องนี้มันจะรู้ไปถึงหูของผู้ตรวจการซางใช่หรือเปล่า?”
เจิ้งตาน ถอนหายใจทันทีเมื่อได้ยินเช่นนี้ “ดูเหมือนว่าอาจารย์ซู จะรู้เรื่องเกี่ยวกับการหมั้นของข้ากับ… เฮ้อ ท่านต้องเข้าใจว่าเรื่องการหมั้นนี้มันไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้ ข้าเป็นบุตรสาว คนโตของตระกูลเจิ้ง ชะตาชีวิตของข้าถูกกำหนดมาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าข้าไม่สามารถเลือกคู่ครองด้วยตัวเองได้ตั้งแต่แรก”
ซูอัน ประทับใจในทักษะการพูดของ เจิ้งตาน เป็นอย่างมาก นางสามารถแสดงออกถึง ความไร้อำนาจของตัวเองในการถูกบังคับให้แต่งงานโดยไม่พูดถึงซ่างหงในเชิงลบเลย ดูเหมือนว่านางกำลังพูดประเด็น แต่จริง ๆ แล้ว นางไม่ได้พูดอะไรมากเลย
“เอาเป็นว่าพวกเราอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องพวกนั้นเลย ข้ามาที่นี่วันนี้เพื่อขอบคุณท่านสำหรับความช่วยเหลือของท่านเมื่อเช้านี้” เจิ้งตาน มองไปที่ ซูอัน ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายซึ่งมันทำให้นางดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้นในระยะใกล้
แม้ว่าปัจจุบันนี้ ซูอัน จะมีความเกี่ยวข้องกับสาวงามมากมายแต่เขาก็ยังต้องยอมรับว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าเขาตอนนี้นั้นดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนางถึงโผอยู่ในสิบสุดยอดสาวงาม
จากนั้น เจิ้งตาน ก็ค่อย ๆ หยิบจานที่อยู่ในกล่องไม้ออกมาแล้ววางลงบนโต๊ะอย่างประณีตจนในไม่ช้า โต๊ะก็เต็มไปด้วยอาหารและเครื่องเคียงหลายอย่างซึ่งทุกจานก็ดูน่ารับประทาน เป็นอย่างมาก
อันที่จริงการทำอาหารเป็นสิ่งหนึ่งที่ เจิ้งตาน มั่นใจเป็นอย่างมากไม่น้อยไปกว่าทักษะชงชาของนาง แม้ว่าทุกวันนี้นางแทบไม่มีเวลาทำอะไรสักเท่าไหร่ แต่นางก็มักจะหาเวลาแวะเวียนเข้าครัวอยู่เสมอเพื่อพัฒนาอักษะงานอดิเรกนี้ต่อไป จริง ๆ แล้วแม้แต่ซ่างเชียนเองก็ยังไม่มีโอกาสได้เพลิดเพลินกับการอาหารของนางเลยสักครั้ง
นางนั่งรออย่างเงียบ ๆ เพื่อให้ ซูอัน ชื่นชมฝีมือการทำอาหารของนางเพื่อที่นางจะได้ตอบด้วยคำพูดที่ถ่อมตน นางได้จินตนาการร่างบทพูดโต้ตอบทุกอย่างเอาไว้ในใจหมดแล้ว และมั่นใจ ว่าอีกฝ่ายจะต้องตกลงมาในกับดักน้ำผึ้งของนางแน่นอน
“โอ้โห กล่องอาหารกลางวันของเจ้าเก็บความร้อนได้ขนาดนี้เลยงั้นหรือ!” ซูอัน อุทานขึ้นเสียงดังพร้อมกับหยิบกล่องไม้ขึ้นมาตรวจสอบอย่างละเอียด
หญิงสาวเกือบสำลักน้ำลายของตน นางรู้สึกงุนงงไปเลยเมื่อเห็นว่า ซูอัน กลับเลือกที่จะพูดชมสิ่งที่ไร้สาระอย่างเช่นการชมกล่องข้าวของนางแบบนี้! อย่างไรก็ตามนางยังแสร้งยิ้มอย่างอ่อนโยนและตอบว่า “กล่องไม้นี้ถูกจารึกเอาไว้ด้วยอักขระที่ผลในการรักษาความร้อนของสิ่งที่อยู่ด้านใน มันไม่ได้พิเศษอะไรนักหรอกอาจารย์ซู”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง…” ซูอันพยักหน้า
ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเขาไม่ควรประมาทโลกนี้จริง ๆ ถึงแม้ว่าโลกนี้จะล้าหลังในแง่ของการพัฒนาเทคโนโลยี แต่คนในโลกนี้ก็ยังคงสามารถสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่น่าอัศจรรย์ได้หลายอย่าง ผ่านการจารึกอักขระ ไม่ว่าจะเป็นอักขระที่จารึกอยู่บนรถม้าของ ฉู่ชูเหยียน ซึ่งช่วยในการดูดซับ แรงกระแทก หรืออักขระบนโถเขย่าลูกเต๋า และเขายังจำได้อีกว่า ฉู่จงเทียน เคยกล่าวถึงบางอย่างเกี่ยวกับการจารึกอักขระบนอาวุธด้วย ดูเหมือนว่าเขาควรจะปัดฝุ่นความรู้ของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในอนาคต
ในขณะเดียวกัน เจิ้งตาน ก็ตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้นเช่นกัน
เมื่อหนึ่งเดือนก่อน ชายผู้นี้ยังคงเป็นคนไร้ค่าที่ใช้ชีวิตอยู่อย่างสามัญชนชั้นต่ำ แต่แล้วในตอนนี้เมื่อเขาได้เป็นบุตรเขยของตระกูลฉู่ เขาก็เลยเพิ่งจะได้พบเห็นกับของเหล่านี้ ดังนั้นมันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะไม่ค่อยรู้เรื่องสิ่งประดิษฐ์ที่ลงอักขระเอาไว้สักเท่าไหร่ ซึ่งมัน พบได้แต่เฉพาะในตระกูลที่ร่ำรวยเท่านั้น นกขมิ้นไม่สามารถพัฒนาเป็นหงส์ได้จริง ๆ ต่อให้มันบินไปยังกิ่งที่สูงกว่า
แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความรังเกียจต่อ ซูอัน แต่รอยยิ้มของนางก็ยังคงฉายชัดอยู่บนใบหน้าเช่นเดิม “อาจารย์ซู กรุณานั่งลงแล้วรีบทานเถอะ อาหารจะไม่อร่อยเมื่อเย็นลง ข้าจะรินสุรา ให้ท่านเอง”
“สุรางั้นหรือ?” เมื่อมองดูข้อมือที่เรียบเนียนของ เจิ้งตาน ที่โผล่ออกมาจากแขนเสื้อ ของนางในขณะที่นางรินสุราใส่ถ้วย ซูอัน พูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “เจ้าไม่เคยได้ยินหรือว่าสุรามีผลทำให้การตัดสินใจและการมีเหตุผลของผู้คนลดลง?”