บทที่ 169 สวัสดิการพิเศษสำหรับอาจารย์

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 169 สวัสดิการพิเศษสำหรับอาจารย์

เมื่อเกริ่นนำไปได้สักพักจู่ ๆ ไป๋ซู่ซู่ ก็ชักกระบี่ยาวหนึ่งเมตรออกมาจากเอวของเขาซึ่งทำให้นักศึกษาที่อยู่แถวหน้าเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เห็นเลยว่า ไป๋ซู่ซู่ เหน็บกระบี่อยู่ที่เอว แต่แล้วจู่ ๆเขากลับชักมันออกมาจากเอวซะอย่างนั้น เขาเอากระบี่ออกมา จากไหน?

มีนักศึกษาบางคนพยายามจ้องไปที่เอวเขา ไป๋ซู่ซู่ เพื่อพยายามดูว่ามีวิธีใดที่จะซ่อนกระบี่เช่นนี้ได้ แต่ท้ายที่สุดมันก็ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้

ไป๋ซู่ซู่ ยิ้มเล็กน้อยให้กับสีหน้าประหลาดใจของบรรดานักศึกษาจากนั้นเขาพูดต่อว่า “เอาล่ะ ต่อจากนี้จงดูให้ดี ๆ ข้าจะสาธิต 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานให้กับพวกเจ้าได้เห็น”

ซูอัน แทบกระอักเลือดเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขาเคยอ่านนิยายมามากมายเมื่อชีวิตที่แล้วและนิยายทุกเล่มก็มีชื่อเคล็ดวิชาที่น่าเกรงขามทั้งหมด ในตอนแรก ซูอัน คิดว่าสถาบันจันทร์กระจ่าง ที่สูงส่งนั้นจะต้องสอนเพลงกระบี่ที่มันระดับสูงหน่อยอย่างน้อย ๆ มันก็ต้องเทียบได้กับพวกวิชา เก้ากระบี่เดียวดาย หรือ กระบี่หกชีพจร อะไรพวกนั้น!

ในไม่ช้า ไป๋ซู่ซู่ ก็สาธิต 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานให้นักศึกษาทุกคนเห็นจนครบและเมื่อเห็น สีหน้าที่ตกตะลึงของนักศึกษาในห้อง ไป๋ซู่ซู่ ก็ถามขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า “มันดูยอดเยี่ยมมากใช่ไหมล่ะ?”

“อัศจรรย์!”

“13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานนั้นช่างทรงพลังจริง ๆ !”

“มันช่างเป็นเพลงกระบี่ที่งดงามเหลือเกิน สาว ๆ จะต้องตกหลุมรักข้าแน่ ๆ ถ้าข้าเอาเพลงกระบี่นี้ไปอวด!”

ไป๋ซู่ซู่หยิบกระจกบานเล็กออกมาเพื่อตรวจดูว่าผมของเขาไม่เรียบร้อยหรือไม่ก่อนจะบรรยายต่อ “เอาล่ะ ในเมื่อตอนนี้ข้าได้สาธิตท่วงท่ากระบี่นี้ให้กับพวกเจ้าแล้ว ต่อไปข้าจะบอกจุดอ่อนของมันให้กับพวกเจ้าได้รู้เอาซะก่อนกันเอาไว้เผื่อว่าพวกเจ้าเอามันไปฝืนใช้ในสถานการณ์บางอย่างที่ไม่เหมาะสม”

“ถึงแม้ว่าท่วงท่าที่ข้าแสดงออกไปเมื่อครู่มันจะดูน่าเกรงขาม แต่ในความเป็นจริงที่มันเป็นเช่นนี้ก็เพราะระดับการบ่มเพาะที่สูงของข้าเกื้อหนุนให้มันมีอำนาจมากกว่าที่ควรจะเป็น วิชาเพลงกระบี่นี้หลัก ๆ แล้วจะต้องพึ่งทั้งพละกำลังและความเร็วของผู้ใช้ในการสำแดงอำนาจสูงสุดของมันออกมา หากผู้ใช้มีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำวิชากระบี่จะมีช่องโหว่มากมายทำให้คู่ต่อสู้สามารถโต้กลับได้โดยง่ายเพราะวิชากระบี่นี้เน้นแต่รุกอย่างเดียวไม่มีรับใด ๆ ส่งผลให้ผู้ใช้ที่ระดับไม่สูงไร้การป้องกันในทันทีที่ใช้มัน”

“แต่ก็เอาเถอะ อันที่จริงพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรเท่าไหร่เกี่ยวกับมันเพราะในอนาคตพวกเจ้าก็คงไม่มีโอกาสได้ออกไปปะทะกับพวกผู้บ่มเพาะระดับสูงอยู่แล้ว อย่างมากที่สุด เจ้าก็อาจจะได้ปะทะกับพวกโจรข้างถนนบ้างซึ่งวิชากระบี่นี้มันก็เพียงพอ”

“ชิ~”

เมื่อได้ยินจุดอ่อนของวิชากระบี่นี้ ฝูงชนที่ตื่นเต้นก็พบว่าแรงจูงใจของพวกเขาลดลง อย่างมาก โธ่เอ๊ย ข้านึกแล้วเชียวว่าเคล็ดวิชาต่อสู้ใด ๆ ที่สอนให้กับชั้นเรียนสีเหลืองมันต้องไม่มีอะไรพิเศษแบบนี้!

อย่างไรก็ตาม ซูอัน รู้สึกประทับใจกับคำอธิบายของ ไป๋ซู่ซู่ เกี่ยวกับวิชากระบี่นี้ เขาพบว่าจุดอ่อนของมันใช้ไม่ได้กับเขาเพราะตัวเขาเองมีทั้งพละกำลังและความเร็วเพียงแน่นอน และที่สำคัญไปกว่านั้นถ้าเขาสามารถประสานการเคลื่อนไหวชั่วพริบตาของจ้าววายุ ร่วมกับวิชากระบี่นี้ อำนาจการโจมตีของมันคงจะมหาศาลอย่างน่าเหลือเชื่อแน่นอน

เขานึกถึง วิชาเก้ากระบี่เดียวดาย ของหนังชุดกำลังภายในเรื่อง กระบี่เย้ยยุทธจักร ที่เขา เคยดูเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้ วิชาเก้ากระบี่เดียวดายนั้นมีแต่รุกไม่มีรับแบบนี้เลย ซึ่งในสายตาของผู้เชี่ยวชาญทั่วไปนั้น มันอาจเต็มไปด้วยช่องว่าง แต่อย่างไรก็ตามหากใช้มันควบคู่กับวิชาตัวเบา ที่เลิศล้ำแล้วล่ะก็วิชากระบี่เก้าเดียวดายนั้นคือสุดยอดเพลงกระบี่ที่ไม่มีใครเดาทางได้เลยสักคน

ตราบใดที่เจ้าเร็วพอ ช่องโหว่ที่เคยมีก็จะไม่มีอีกต่อไป เจ้าจะกลายเป็นมือกระบี่ ผู้ไร้เทียมทานที่สุดในใต้หล้า!

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซูอัน ก็ยิ่งตื่นเต้นมากไปกันใหญ่กับอนาคตของเขาที่อาจจะได้เป็นมือกระบี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเหมือนในหนังที่เขาเคยดู!

ซูอัน มุ่งมั่นเป็นอย่างมากที่จะเรียนรู้ 13 ท่วงท่ากระบี่พื้นฐานให้ได้ครบถ้วน เพราะสิ่งนี้ มันเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของเขา ถ้าเขามีเคล็ดวิชาต่อสู้ที่ทรงพลังอยู่กับตัว เขามั่นใจว่าเขาน่าจะเอาชนะคู่ต่อสู้ที่มีระดับเหนือกว่าได้

เขาตั้งใจฟัง ไป๋ซู่ซู่ อธิบายเกี่ยวกับวิชากระบี่ทุกถ้อยคำอย่างตั้งใจ จนแม้แต่ เว่ยสั่ว ที่สะกิดเขาอยู่หลายทีเพื่อคุยเรื่องสัพเพเหระ เขาก็ไม่แม้แต่จะเหลือบไปมอง ซึ่งมันทำให้ เว่ยสั่ว รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก โธ่ลูกพี่! เจ้าอยู่ผิดชั้นเรียนแล้ว พวกเราชั้นเรียนสีเหลืองไม่เน้นการบ่มเพาะสักหน่อย!

เมื่อจบคาบเรียน ซูอัน ในระหว่างที่ซูอันกำลังทบทวนวิชากระบี่อยู่ในหัว จู่ ๆ เจ้าหน้าที่ของสถาบันก็เดินเข้ามาเรียกเขา “อาจารย์ซู บ้านพักของท่านพร้อมแล้ว ท่านจะไปดูสักหน่อยไหม?”

เจ้าหน้าที่สถาบันรู้สึกอึดอัดใจอยู่เหมือนกันที่ต้องเรียก ซูอัน ว่าอาจารย์เพราะเมื่อครู่ ซูอัน ยังเป็นนักศึกษาอยู่แท้ ๆ แต่ตอนนี้เขากลับเป็นอาจารย์ไปซะแล้ว เขานึกไม่ถึงเลยว่าซูอันจะไต่เต้า ได้เร็วขนาดนี้

“หืม? เป็นเจ้าเองเหรอ? ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ เลยนะเนี่ย!” ซูอัน อดไม่ได้ที่จะอุทาน ขึ้นทักเพราะเจ้าหน้าที่คนนี้ที่มาทักเขานั้นเป็นคนคนเดียวกับคนที่ออกไปรับเขาที่หน้าสถาบัน เมื่อตอนที่เขามาที่นี่ครั้งแรก

“ถูกต้องแล้วท่านอาจารย์ซู” เจ้าหน้าที่ตอบด้วยรอยยิ้มสุภาพ “ไปกันเถอะ ข้าจะนำท่านไปดูหอพักใหม่ของท่านเอง”

“ได้เลย!” ซูอัน พยักหน้า ตอนนี้มันเป็นช่วงพักกลางวันดังนั้นเขาจึงมีเวลาเหลือเฟือที่จะไปดูบ้านพักของเขาก่อนเรียนภาคบ่าย

“เจ้าชื่อว่าอะไรนะ?” ซูอัน ถามขึ้น มันเป็นการพบกันครั้งที่สองของพวกเขา ดังนั้นมันคงจะดีถ้าพวกเขารู้จักชื่อกันเป็นอย่างน้อย

“ข้าชื่อ จู้กาน ข้ามีหน้าที่รับผิดชอบดูแลสิ่งปลูกสร้างของสถาบัน” เจ้าหน้าที่ตอบกลับ

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้งคู่ก็พากันเดินออกจากห้องเรียนผ่านสวนที่ถูกตบแต่ง จนงดงามและผ่านแนวต้นไม้ที่ตั้งเรียงรายอย่างเป็นระเบียบไปถึงบริเวณที่มีบ้านพักหลายหลัง ตั้งเว้นระยะห่างกันอย่างเหมาะสมซึ่งทุกหลังล้วนมีกำแพงล้อมรอบเพื่อความเป็นส่วนตัว หากเทียบกับโลกที่เขาจากมาแล้ว บ้านพักเหล่านี้มันคล้ายกับหมู่บ้านหรู ๆ ในทีวีแบบไม่มีผิดเพี้ยน

“อาจารย์ซู นี่คือบ้านพักของท่าน ส่วนเหรียญนี้คือกุญแจของบ้านพักและข้อมูลของท่าน ก็ประทับอยู่บนนั้นแล้ว ด้วยเหรียญตรานี้ค่ายกลของบ้านพักจะอนุญาตให้ท่านเข้าไปด้านในได้” จู้กาน กล่าวขึ้นพร้อมส่งเหรียญที่เป็นหยกโปร่งแสงให้

ซูอัน ตรวจสอบเหรียญที่เขาได้รับด้วยความสนใจเพราะมันดูหรูหรามากกว่ากุญแจ ในโรงแรมหรู ๆ ที่เขาเคยเห็นเมื่อชีวิตก่อนหน้านี้ซะอีก “ว่าแต่ บ้านพักของอาจารย์ซางหลิวอวี้ อยู่ที่ไหน? มันอยู่ใกล้บ้านพักของข้าหรือเปล่า?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จู้กาน ขมวดคิ้วแน่นทันที ต้องรู้ว่า ซางหลิวอวี้ เป็นเทพธิดาในฝันของผู้ชายแทบจะทุกคนในสถาบันซึ่งรวมถึงเขาด้วย แต่ไอ้เด็กคนนี้กลับถามถึงบ้านพักของอาจารย์ซาง อย่างนั้นหรือ? ข้ารู้นะว่าเจ้าคิดอะไรอยู่! “บ้านพักของอาจารย์ซางตั้งอยู่ในพื้นที่อื่น นางไม่ได้พักอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้”

ซูอัน รู้สึกประทับใจมากกับสถาบันจันทร์กระจ่างที่ร่ำรวยถึงขนาดมีสวัสดิการให้กับอาจารย์ด้วยบ้านพักสุดหรูเป็นของตัวเองแบบนี้!

จู้กาน อธิบายข้อมูลต่าง ๆ ต่อไปอยู่สักพักก่อนที่จะจากไป ทิ้งให้ ซูอัน เริ่มสำรวจที่อยู่อาศัยของเขาเอง

ภายในบ้านไม่มีเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหราอะไรสักเท่าไหร่ แต่มีของจำเป็นทุกอย่างครบถ้วน และสวนหลังบ้านก็ดูไม่เล็กเกินไปพอมีที่ว่างให้ทำการบ่มเพาะได้อย่างไม่อึดอัด โดยรวมแล้ว มันค่อนข้างน่าทึ่งสำหรับที่พักที่ไม่เสียเงิน

ดูเหมือนว่าอาจารย์ในโลกนี้ได้รับการปฏิบัติอย่างดี ข้าคิดว่าตอนนี้ข้าคงไม่จำเป็นต้อง เสียเงินซื้อที่อยู่อาศัยในเมืองอีกแล้ว ฮึ่ม ถ้าตระกูลฉู่ ทำให้ข้าโกรธอีก ข้าจะ… ข้าจะวิ่งมาที่นี่ เพื่อลี้ภัย!

ว่าแต่เมื่อกี้ลืมถามไอ้เจ้า จู้กาน นั่นไปเลยว่าถ้าข้าซื้อสาวใช้มาอยู่ที่นี่สักคนมันจะผิดกฎของสถาบันหรือเปล่า?…

แต่แล้วในระหว่างที่เขากำลังคิดถึงเรื่องสาวใช้ จู่ ๆ ก็มีเสียงอันไพเราะดังขึ้นที่ด้านนอกบ้านพัก “อาจารย์ซู ท่านอยู่ข้างในหรือเปล่า?”

ซูอัน รู้สึกประหลาดใจ นี่สวรรค์อนุมัติคำขอของข้าเร็วขนาดนี้เลยงั้นหรือ?เง็กเซียนฮ่องเต้28ส่งสาวใช้แสนสวยมาให้ข้าจริง ๆ ใช่ไหม? หรือว่าทางสถาบันมีสวัสดิการแจกจ่ายสาวใช้แสนสวยให้กับอาจารย์ทุกคนด้วย? ว่าแต่เอ๊ะ ทำไมเสียงนี้มันถึงฟังดูคุ้น ๆ เหมือนเพิ่งได้ยินไม่นานมานี้…

ซูอัน รีบวิ่งไปที่ประตูทันทีแต่แล้วเมื่อเขาเปิดประตูออกเขาก็พบกับสาวงามคนหนึ่งที่เขา ไม่คิดว่าจะเจอในตอนนี้

28เง็กเซียนฮ่องเต้ เป็นเทพเจ้าสูงสุดของจีน