ตอนที่ 49

Hell mode

บทที่ 49 คนรับใช้ฝึกหัด

ตอนนี้เป็นช่วงปลายเดือนตุลาคม อเลนอยู่ในสวนที่ล้อมรอบคฤหาสน์ของเจ้าเมือง สวนที่คนสวนตกแต่งอย่างสวยงามเป็นระเบียบ เบื้องหน้ามีต้นไม้อยู่ และมีผลไม้สีแดงขนาดใหญ่อยู่เหนือศีรษะ

อเลนนึกถึงวันที่ได้เป็นคนรับใช้ฝึกหัดของตระกูลแกรนเวล

ใช้เวลาเดินทางร่วมกับเจ้าเมืองบารอนแกรนเวลเป็นเวลา 5 วัน กว่าจะมาถึงคฤหาสน์ของเจ้าเมืองที่อยู่ตรงอาณาจักรแกรนเวล

ถึงจะหยุดพักที่บ้านเกิดของโรดันกับเทเรเซียที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านคุเรนะ 2 วัน แต่อเลนไม่ได้พบกับปู่และย่า ทำให้คิดขึ้นมาว่าอยากจะไปพบให้ได้สักวันหนึ่ง

พอมาถึงคฤหาสน์ของเจ้าเมือง บารอนแกรนเวลก็ให้เหล่าคนรับใช้มาหา ซึ่งมีประมาณ 30 คน

คนที่มาคอยแนะนำงานของพ่อบ้าน คือหัวหน้าคนรับใช้ฝึกหัดริกเกล โดยริกเกลอายุประมาณ 18 ปี เขาเป็นเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาล มีกระบนใบหน้านิดหน่อย แถมโดนย้ำมาว่าต้องให้ตั้งใจฝึกการทำงานด้วย ดูเหมือนริกเกลจะเป็นคนที่ค่อนข้างขี้เกียจอยู่

หัวหน้าคนรับใช้ฝึกหัดริกเกล ถึงจะไม่ค่อยทำงานแต่ดูแลคนได้ดี เขาสอนให้ทุกสิ่งอย่าง รวมถึงสิ่งที่ไม่เคยได้ยินด้วย

เนื่องจากสอนอะไรทุกอย่างเลยถามเกี่ยวกับคนรับใช้ฝึกหัด ว่าคนรับใช้ฝึกหัดกับเด็กรับใช้ต่างกันอย่างไร

ริกเกลบอกว่ามันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

คนรับใช้จะมีความสัมพันธ์ตามลำดับชั้นขึ้นอยู่กับงานที่ทำ แน่นอนว่าพ่อบ้านเป็นตำแหน่งที่สูดสุดของคนรับใช้ ส่วนคนรับใช้ฝึกหัดไม่ได้อะไรขนาดนั้น ในระหว่างนั้นก็ทำการจดลำดับชั้นของคนรับใช้จากบนลงล่างใส่สมุดเวทมนตร์ ความสัมพันธ์ตามลำดับชั้นของคนรับใช้ประมาณ 30 คนในตระกูลแกรนเวล

・พ่อบ้าน, แม่บ้าน

・คนรับใช้ชาย/หญิง, หัวหน้าพ่อครัว

・คนขับ(รถม้า), พ่อครัว, คนสวน

・คนรับใช้ฝึกหัดชาย/หญิง

ที่ถูกเรียกว่าคนรับใช้ระดับสูงคือพ่อบ้าน, แม่บ้าน คนรับใช้ชาย/หญิง, หัวหน้าพ่อครัว รวมถึงบอกถึงความยอดเยี่ยมให้ฟัง

พ่อบ้านจะรับผิดชอบดูแลเหล่าคนรับใช้ผู้ชาย ส่วนแม่บ้านจะรับผิดชอบดูแลเหล่าคนรับใช้ผู้หญิง

คนรับใช้ระดับล่างคือคนขับ(รถม้า), พ่อครัว, คนสวน คนรับใช้ฝึกหัดชาย/หญิง

ส่วนเด็กรับใช้จะไม่ใช่คนรับใช้ เด็กรับใช้จะทำงานจิปาถะ มีตำแหน่งเหมือนเป็นผู้ช่วยงาน

หลังจากเรื่องความสัมพันธ์ของคนรับใช้ ก็ได้รับการสอนเกี่ยวกับครอบครัวของขุนนาง ครอบครัว? การที่มีความสงสัยเรื่องนั้น เพราะอเลนเกิดใหม่มายังต่างโลก สามัญสำนึกของอเลนเกี่ยวกับโลกนี้โดยเฉพาะครอบครัวของขุนนางมันแตกต่างกันอยู่

ครอบครัวของขุนนางจะรวมไปถึงคนรับใช้ด้วย

พอได้ยินอย่างนั้น ก็เข้าใจถึงเหตุผลที่โรดันหลั่งน้ำตาแล้ว อเลนสามารถอ้างชื่อตระกูลแกรนเวลได้ และสามารถต่อท้ายชื่อด้วยตระกูลแกรนเวลได้

ประชาชนธรรมดายังเป็นคนรับใช้ฝึกหัดไม่ได้ง่ายๆ ขนาดเด็กรับใช้ยังยากเลย สิ่งนั้นเป็นเปลี่ยนจากทาสติดที่ดินมาเป็นคนรับใช้ฝึกหัดในทีเดียว สำหรับโรดันที่ช่วยเหลือหมู่บ้านและอุทิศตัวเพื่อการพัฒนาหมู่บ้านถือเป็นรางวัลใหญ่สุดเท่าที่บารอนแกรนเวลจะมอบให้ได้

(งั้นเหรอ คงต้องรู้สึกขอบคุณเรื่องนี้สินะ)

นึกถึงสิ่งที่ริกเกลสอนเรื่องคนรับใช้ให้กับตัวเอง

“เดี๋ยวสิอเลน! ยืนให้มันดีๆหน่อยสิ เป็นคนรับใช้ฝึกหัดของฉันไม่ใช่เหรอ!! อย่างนี้ก็เอื้อมไม่ถึงกันพอดี!!”

โดนเซซิลลูกสาวของบารอนแกรนเวลป่วนอยู่ตรงศีรษะ ไม่รู้ทำไมเซซิลถึงอยู่บนไหล่ข้างๆต้นไม้ในสวน หรือก็คือกำลังนั่งขี่ไหล่อยู่

โดนเซซิลพามาที่สวน ไหนจะโดนบอกด้วยดวงตาสีแดงหางตาขี้ขึ้นแบบผู้เหนือกว่า เลยนึกว่าจะโดนอัดซะแล้ว แต่กลับโดนบอกว่าขอขี่ไหล่เพื่อหยิบผลไม้นี้

ผลไม้ที่ออกผลตอนหมดฤดูใบไม้ร่วง ผลขนาดใหญ่ที่ไม่เคยกินมาก่อนแลดูน่าอร่อย ขนาดผู้ใหญ่เองยังน่าจะเอื้อมไม่ถึง ต่อให้ขี่ไหล่อย่างนี้ก็ยังไม่ถึงอยู่ดี

“คุณหนูเซซิล ยังไงก็ไม่น่าจะถึงนะครับ คิดว่ายืนบนไหล่ดีกว่าไหมครับ”

“นะ นั่นสินะ ถ้าฉันร่วงลงไปมันไม่จบง่ายๆแน่! จะฟ้องท่านพ่อด้วย!!”

(อยากจะลืมทุกอย่างแล้วปล่อยร่วงจริงๆ)

เซซิลที่รู้ว่าตัวเองอายุเท่ากับอเลนเลยเข้ามายุ่งเกี่ยวกันอย่างนี้ พอไปตรวจสอบกับพ่อบ้านว่าทำไมถึงเข้ามาหาด้วยบ่อยๆ

พ่อบ้านอย่างเซบาสบอกว่า ให้อเลนเป็นคนรับใช้ฝึกหัดของเซซิลเพราะเป็นความต้องการของเธอ ซึ่งพ่อบ้านยังบอกอีกว่าให้พยายามเข้า ซึ่งสายตาตอนนั้นมันเป็นสายตาที่แสดงความเห็นอกเห็นใจ เลยทำได้แค่ถอนหายใจออกมา

ค่อยๆขยับเพื่อปรับท่าทางของการขี่ไหล่ โดยวางฝ่าเท้าไว้ตรงไหล่ และค่อยๆยืนขึ้นโดยรักษาสมดุลเอาไว้ อเลนพยายามจับข้อเท้าเอาไว้เพื่อไม่ให้เซซิลร่วงลงมา

“เป็นอย่างไรบ้างครับคุณหนูเซซิล?”

“มะ ไม่ถึง เอื้อมไม่ถึงเลย!”

(ยอมสักทีเถอะน่า)

“ถ้าอย่างนั้น ให้จับเท้าแล้วยกขึ้นไปไหมครับ?”

“หือ? นั่นสินะ ค่อยๆยกขึ้นนะ”

ทำการจับเท้าแล้วค่อยๆยกขึ้น ถึงจะเห็นกางเกงในทรงฟักทอง แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอะไร จะไปรู้สึกกับเด็กผู้หญิงอายุ 8 ขวบไม่ได้ โลกก่อนหน้านี้ก็อายุ 35 ปีแล้วด้วย

“เป็นอย่างไรบ้างครับ?”

ได้ยินเสียงเหมือนกิ่งไม้โดนดึง

“ดะ ได้แล้ว! ค่อยเอาลงด้วย”

พอค่อยๆเอาลง ก็เห็นว่าในมือกำผลไม้สีแดงอยู่

เซซิลที่ยิ้มอย่างภาคภูมิในต่อผลไม้ที่กำอยู่ บางทีคงอยากจะเด็ดมาโดยตลอดก็ได้

เธอใช้แขนเสื้อเช็ดผลไม้แล้วกัดเข้าไป ในระหว่างที่คิดว่าคุณหนูเป็นพวกแก่นพร้อมกับดูสภาพที่กินผลไม้เข้าไป ได้ยินเสียงเคี้ยวกร๊อบๆ

แล้วใบหน้าที่ยิ้มแย้มก็เปลี่ยนในทันที

“แหวะ! หะ ห่วยแตก! เปรี้ยวมาก!!”

ดูเหมือนจะเปรี้ยวพอตัว ทำให้ปาผลไม้ที่พยายามเก็บมาลงกับพื้น ถ้าดูดีๆ จะเห็นผลไม้จำนวนมากเน่าอยู่ตรงพื้น ดูเหมือนคนสวนจะไม่ได้มาเก็บ คิดว่าคงเป็นผลไม้ที่กินไม่ได้แน่ๆ

“เอาเถอะ มีคำกล่าวที่ว่า ผลไม้ที่เอื้อมไม่ถึงมันจะเปรี้ยวอยู่ด้วยนี่ครับ”

“ไม่เห็นจะรู้เรื่องนั้นเลย! อเลน รู้อยู่แล้วเหรอว่ามันกินไม่ได้!!”

“รู้……เปล่า ไม่ทราบครับ”

(อันตราย เกือบบอกว่ารู้ไปซะแล้ว)

“เหรอ ช่างเถอะ อยากล้างปาก อยากกินผลโปโปะแล้วด้วย ไปหยิบที่ห้องครัวมาให้ที ถ้าไม่มีก็ไปซื้อที่ตลาดเลย”

(ชิ ไม่จบแค่ไม่มีงั้นเหรอ)

เลยมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวและอย่างที่คิดเอาไว้ หัวหน้าพ่อครัวบอกว่าไม่มีทำให้ต้องออกไปซื้อ พอบอกเรื่องนี้กับพ่อบ้านก็ได้รับเหรียญเงินมา เพราะไม่ได้ไปซื้อผลโปโปะเพื่อตัวเอง

และมุ่งหน้าสู่ตลาดผ่านประตูหลังสำหรับคนรับใช้ในคฤหาสน์ของเจ้าเมือง ซึ่งโดนบอกเสมอว่าห้ามใช้ประตูหน้า

(แต่ยังดี ที่สามารถเข้าไปในเมืองได้)

คนรับใช้ฝึกหัดทำงานเบ็ดเตล็ด ต้องคอยฟังและช่วยเหลือทุกอย่าง ริกเกลก็บอกอยู่ว่ามีอยู่บ่อยๆที่จะโดนให้ใช้ไปซื้อของ

คฤหาสน์ของเจ้าเมือง อยู่ด้านในเมืองแกรนเวล พอออกจากคฤหาสน์ไปจะเป็นเมืองขุนนางซึ่งมีบ้านของอัศวิน, ผู้ครองที่ดินหรือไม่ก็เหล่าผู้มีอิทธิพล โดยตลาดจะต้องผ่านเมืองขุนนางไปก่อน แค่เดินไปอย่างเดียวก็ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงแล้ว

ที่นี่มีผลไม้มากมายเรียงรายอยู่แตกต่างกับหมู่บ้านคุเรนะ

“ขอผลโปโปะ 1 ลูกด้วยครับ”

“ได้เลย 1 เหรียญเงินนะ”

พอคิดว่าซื้อกี่ผลดีก็คิดว่าผลเดียวนี่แหละพอแล้ว จะฟุ่มเฟือยกับความเอาแต่ใจของคุณหนูไม่ได้

(อืม ผลไม้ 1 ลูก 1 เหรียญเงินเหรอ แพงมากๆ ถึงอย่างนั้นค่าเงินของหมู่บ้านคุเรนะกับแกรนเวลเท่ากันงั้นเหรอ)

เอาผลโปโปะ 1 ลูกใส่เข้าไปในตะกร้าแล้วกลับคฤหาสน์

(มีผลไม้เยอะนะเนี่ย ใกล้ๆอาณาจักรนี้มีสวนผลไม้งั้นเหรอ ไม่สิต่อจากนี้ไปจะหนาวขึ้นแล้วด้วย หรือว่าต่างโลกต่อให้เป็นหน้าหนาวก็มีผลไม้เหรอ?)

มาต่างโลกนี้ 8 ปี จู่ก็มีคำถามผุดขึ้นมา ทำให้รู้ตัวว่ายังคงติดอยู่ในสามัญสำนึกของโลกเดิมอยู่ พอลองคิดกลับกันที่โลกนี้ไม่ว่าจะหน้าร้อนหรือหน้าหนาวก็มีผลไม้แบบเดียวกันวางขายอยู่

ใกล้จะเข้าเดือนพฤศจิกายนแล้ว แต่ยังหาผลไม้แบบเดียวกับช่วงหน้าร้อนได้ จะว่าไปเดือนธันวาคมที่หมู่บ้านคุเรนะก็สามารถหาผลโปโปะกับผลโมลโม่ได้ ทำให้ช่วงนี้มีบ้างที่เริ่มคิดว่าต่อให้เป็นหน้าหนาวก็ยังมีผลไม้เพราะมีสวนผลไม้หรือเปล่า

ซู้มมมมมมม

ได้ยินเสียงกึกก้องดังมาจากท้องฟ้า แล้วความมืดที่เหมือนกับหลบอยู่ในเงาก็เกิดขึ้นแวบหนึ่ง มีอะไรบางอย่างที่ใหญ่โตบินอยู่บนท้องฟ้า ถึงไม่มองก็รู้ได้เลยว่าใหญ่มากเลยคิดว่าน่าจะเป็นมังกร เลยเงยหน้าขึ้นไปมอง

“เอ๊ะ นี่มันเรือเหาะเหรอ!!!”

ส่งเสียงออกมาโดนไม่รู้ตัว บนท้องฟ้ามีเรือรูปวงรีคล้ายกับลูกรักบี้ขนาดหลาย 10 ไม่สิน่าจะ 100 เมตรบินอยู่ จุดลงจอดอยู่ข้างๆเมือง ทำให้มันค่อยๆมุ่งหน้าพร้อมกับลดระดับลง

เพราะมันใหญ่มากทำให้ใจเต้นแปลกๆ

(งั้นเหรอ เป็นโลกที่มีเรือเหาะด้วยสินะ บางทีผลไม้นี้อาจจะขนมาจากประเทศทางใต้หรือเปล่านะ?)

ตอนนั้นอเลนก็รู้สึกถึงความใหญ่โตของโลกได้จากเรือเหาะอันใหญ่โต แล้วนึกถึงเรื่องที่พ่อบอกตอนชี้อัลบาเฮรอนตอนอายุ 1 ขวบขึ้นมา

อเลนที่ใช้ชีวิตในฐานะคนรับใช้ฝึกหัดในเมืองแกรนเวลอันใหญ่โตซึ่งห่างไกลจากหมู่บ้านได้เริ่มต้นขึ้น