ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 05
ผ่านมาหลายวัน ในที่สุดข้าก็มายืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง แต่งกายด้วยชุดธรรมดา ชื่อเสียงของข้าได้ถูกรับรู้กันทั่วไปว่าเป็น ‘เรมิเลีย คนร้ายผู้พยายามสังหารหญิงสาวแห่งดวงดาว’ แม้อยากตะโกนตอบไปว่าข้าไม่ผิด แต่ก็ไม่มีใครฟัง ดังนั้นข้าจึงไม่พยายามแก้ตัวให้เหนื่อยเปล่า แม้แต่คนรับใช้ที่พ่อของข้าสั่งให้ตามมาส่งเพื่อคอยดูแลระหว่างทางก็ยังมองมาด้วยสายตาเย็นชา พวกเขาเชื่อว่าต้องทำงานร่วมกับ ‘หญิงสาวอดีตขุนนางผู้ถูกเนรเทศด้วยความผิดร้ายแรง’
เอาเถอะ ถ้าคิดว่าเอมิต้องทนกับการถูกปฏิบัติเช่นนี้มาก่อน ข้าก็ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด
จิตใจของเอมิยังคงหลับใหลอยู่ในตัวของข้า ไม่สามารถรู้สึกถึงอารมณ์ของเอมิได้อีกต่อไป แต่ก็ยังเรียกดูความทรงจำของเธอได้อย่างที่เคยทำมาโดยไม่มีปัญหา มีเพียงความทรงจำเหล่านี้เท่านั้นที่เป็นหลักฐานว่าเอมิมีตัวตนอยู่จริง
ข้าได้ตรวจสอบจนแน่ใจแล้วว่าวิลเลียดและคนอื่นๆถูกทำอะไร ข้าเดาได้ตั้งแต่ตอนที่ข้ายังอยู่ในตัวเอมิ ข้าได้ส่งข้ารับใช้เพื่อไปยืนยัน มันคือแมงมุมขนาดเล็กเท่าปลายนิ้ว อ่อนแอไร้พลังแต่ถูกพบตัวได้ยาก จึงมีประโยชน์อย่างยิ่งในการสอดแนม มันถูกส่งไปจับตาดูการเคลื่อนไหวของพีน่า และการคาดเดาของข้าก็ไม่ผิด
สิ่งนั้นก็มีอยู่ในความทรงจำของเอมิเช่นกัน เธอเรียกมันว่า ‘ร้านไอเทมเงินจริง’ พีน่าใช้สินค้าจากร้านที่คล้ายกัน จากเรื่องที่เกิดขึ้น มันเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ชายรอบตัวพีน่าแสดงความหลงใหลในตัวเธอมากผิดปรกติพร้อมๆกัน นอกจากจะใช้วิธีนอกรีตเช่นนี้
มันเป็นร้านขายสินค้าที่ส่งผลต่อค่าสถานะ รวมถึงอัญมณีเวทมนตร์ ไอเทมใช่งาน หรือไอเทมที่เป็นรางวัลจากการต่อสู้ในระบบ RPG และยังสามารถสลับเมนูไปยังส่วนของร้านค้าปรกติได้
และในกลุ่มไอเทมเงินจริงนี้ มีของที่ใช่เพิ่มค่าความชอบกับตัวละครที่เป็นเป้าหมายได้ แน่นอนว่ามันสามารถเพิ่มได้โดยไม่ต้องพึ่งพาไอเทมเงินจริง แต่ค่าความชอบสูงสุดคือ 100% และการมอบของขวัญทั่วไปเช่น หนังสือ ขนม เครื่องดื่ม ให้ตรงกับความชอบของพวกเขา จะเพิ่มได้เพียง 0.02% และถ้าจัดให้พวกเขาอยู่ในทีมต่อสู้และออกผจญภัยไปด้วยกัน จะเพิ่มขึ้นราวๆ 0.05% ถึง 0.1% ซึ่งต้องใช้เวลานาน ต้องใช้เป็นตัวละครเข้าต่อสู้หลักพร้อมกับดำเนินเนื้อเรื่องต่อไปเรื่อยๆ กว่าจะรู้ตัวอีกทีค่าความชอบก็ถึงขีดจำกัดแล้ว เพราะฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พีน่าจะทำได้ในช่วงเวลาสั้นๆขณะที่ยังอยู่แต่ในโรงเรียน
ในขณะทีของขวัญเพิ่มค่าความชอบปรกติจะมีโอกาสได้รับจากการเอาชนะศัตรูในบางครั้ง แต่ ‘ยาเสน่ห์’ ที่หาได้จากร้านไอเทมเงินจริงสามารถซื้อได้ไม่จำกัด การใช้งานหนึ่งครั้งจะเพิ่มค่าความชอบได้ถึง 5% เพราะฉะนั้น มันจึงถูกเรียกว่า ‘วิธีนอกรีต’ ตามที่เอมิอ่านในกระดานที่เรียกว่าเว็บบอร์ด อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายคนที่นิยมใช้งานไอเทมประเภทนี้
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีไอเทมเงินจริงอีกอย่างที่เรียกว่า ‘น้ำหอมดึงดูด’ ที่ทำให้การเพิ่มค่าความชอบแต่ละครั้งมีผลเป็นสองเท่า การใช้งานหนึ่งครั้งจะมีผลคงอยู่หนึ่งเดือน… เท่าที่จำได้ พีน่าเองก็มีช่วงที่ส่งกลิ่นแปลกๆออกมาเหมือนกัน ข้ามั่นใจว่าผู้หญิงคนนั้นใช้งานน้ำหอมดังกล่าว คำอธิบายในเกมระบุไว้ว่า ‘ใช้เวลาร่วมกันมากเท่าใด ความรักยิ่งงอกเงยมากเท่านั้น’ ผู้ชายที่เธอเข้าไปใกล้ชิดจึงได้กลายเป็นสมุนของเธอเมื่อเวลาผ่านไป สาเหตุไม่มีทางเป็นอื่นไปได้นอกจากเธอใช้น้ำหอมนี้เท่านั้น
ตรงกันข้ามกับกรณีของเจ้าชายลำดับหนึ่งที่ไม่มีความสนใจในตัวผู้หญิงคนนั้นแม้แต่น้อย เพราะยาเสน่ห์และน้ำหอมดึงดูดเป็นไอเทมที่ไม่มีผลกับเผ่าปีศาจหรือผู้มีสายเลือดปีศาจเข้มข้น ซึ่งเนื้อเรื่องจะเฉลยในภายหลังว่ามเหสีผู้ให้กำเนิดเจ้าชายลำดับหนึ่งเป็นคนจากเผ่าปีศาจ และสินค้าเพิ่มความชอบที่มีผลกับเผ่าปีศาจจะหาซื้อได้ในร้านไอเทมเงินจริงหลังจากปลดล็อกโลกปีศาจในบทที่เจ็ด ซึ่งก็เป็นเรื่องดีสำหรับข้าแม้จะไม่สำคัญก็ตาม
มันช่วยยืนยันวิธีของผู้หญิงคนนั้นที่ใช้สินค้าจากร้านที่เหมือนกับร้านไอเทมเงินจริง ร้านลึกลับที่ตั้งอยู่ในตรอกซอยคดเคี้ยวแห่งหนึ่งในเมืองหลวง
แม้ผู้หญิงคนนั้นไม่มีความสามารถในการดึงดูดผู้คนเหมือนกับเอมิ แต่เธอมีพรสวรรค์ในการหลอกลวงและสร้างความจริงจอมปลอมจากเรื่องโกหกได้อย่างดีเยี่ยม
สร้างความผิดของเรมิเลียได้จากศูนย์ บรรดาสมุนของผู้หญิงคนนั้นจะถูกขอให้พูดโกหกในเรื่องเล็กน้อยจนดูเหมือนไม่มีผลอะไรจนกระทั่งมันกลายเป็นภาพรวมขนาดใหญ่จากข้อมูลของหลายคน จากมุมมองของพวกเขาแต่ละคนจะรู้สึกแค่ ‘ช่วยพูดเสริมเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับหลักฐานที่ชัดเจนอยู่แล้ว’ เท่านั้น
คนที่จงใจโกหกเพื่อใส่ร้ายเรมิเลียด้วยความตั้งใจของตัวเองคือเหล่าคนรับใช้ส่วนตัวของเรมิเลีย สาวใช้สองคนและอัศวินคุ้มกันสามคนที่เคยสาบานว่าจะภักดีต่อดยุกกราปเนอร์ ทั้งที่เป็นพยานในความบริสุทธิ์ได้ แต่พวกเขาให้การว่า ‘ถูกท่านเรมิเลียสั่งให้รออยู่เฉยๆในขณะที่นางออกไปทำเรื่องบางอย่างเพียงคนเดียว’ และช่วงเวลาที่พวกเขากล่าวอ้างก็จะตรงกับช่วงเวลาที่หญิงสาวแห่งดวงดาวให้การว่าถูกเรมิเลียทำร้ายทุกครั้ง
“ต่อไปก็คิดจะจัดฉากให้เรมิเลียเป็นต้นตอของภัยพิบัติแห่งหายนะสินะ”
ผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมรับสิ่งอื่นใดนอกจากเนื้อเรื่องดั้งเดิม เมื่อเธอพบบุคคลที่เป็นเพื่อนร่วมเดินทางนอกจากวิลเลียดและคนอื่นๆ เธอจะปรี่เข้าหาด้วยท่าทางเป็นมิตรราวกับสุนัขติดสัด โดยเชื่อว่าพวกเขาจะหลงรักเธอทันทีตั้งแต่แรกพบ เธอเป็นผู้หญิงเช่นนั้น ผู้ที่ปลอมแปลงหลักฐานการกลั่นแกล้งเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินไปตามที่เธอต้องการ แน่นอนว่าขั้นต่อไปคือการเปิดโปงแผนการอันชั่วร้ายของ ‘เรมิเลีย’ ที่ต้องการให้โลกถูกทำลาย
ทั้งที่ความจริงแล้วข้าไม่คิดจะทำเช่นนั้น แต่ก็เชื่อได้ว่าอีกไม่นานจะมีการนำหลักฐานปลอมเข้ามาซุกซ่อนในบ้านหลังนี้ คัมภีร์เวทมนตร์อัญเชิญปีศาจที่ถูกวิจัยไปแล้วส่วนหนึ่งจะถูกพบภายในห้องส่วนตัวของข้าอย่างแน่นอน เพื่อเป็นหลักฐานว่าเรมิเลียกำลังพยายามอัญเชิญปีศาจ
แต่การเปิดประตูไปสู่โลกปีศาจก็เป็นเป้าหมายหนึ่งของข้าจริง ถึงอย่างนั้น ข้าก็จะไม่รวบรวมตำราเก่าๆหรือออกไปค้นหาบันทึกตามซากโบราณสถาน ข้าไม่โง่พอที่จะทิ้งหลักฐานว่ากำลัง ‘ค้นหาวิธีติดต่อกับปีศาจ’ อยู่แล้ว และข้าก็มีแผนอื่นเพื่อการนั้น
ด้วยวิธีเก็บเลเวลที่เอมิเรียกว่า ‘พลังโกงของคนกลับชาติมาเกิด’ ทำให้เวทมนตร์ของข้าล้ำหน้าจนไม่มีใครเทียบได้ ข้าจึงติดตั้งเขตแดนรอบตัวบ้านเพื่อให้ไม่มีใครสามารถเข้าออกได้นอกจากตัวข้าเพียงคนเดียว และจ่ายเงินชดเชยเพื่อขอให้คนรับใช้ทั้งหมดลาออก พร้อมกับขอโทษที่ตัดสินใจกะทันหันและเขียนจดหมายรับรองให้
ข้าร้องไห้ด้วยท่าทางน่าสมเพชขณะบอกกับพวกเขาว่า ‘ข้าถูกคนรักใหม่ของมกุฎราชกุมารใส่ร้ายและเนรเทศ… หากพวกท่านยังรับใช้ข้าก็อาจจะถูกดูแคลนไปด้วย’ ‘อย่างน้อยสิ่งที่ข้าพอทำได้คือช่วยให้พวกท่านหางานใหม่ที่มั่นคง’ หญิงสาวผู้อ่อนโยนพูดทั้งน้ำตา พวกเขาที่ได้ฟังย่อมรู้สึกเห็นใจ พวกเขาจะกลับบ้านเกิดและกระจายข่าวนี้ที่หมู่บ้านของเขา พื้นที่อันห่างไกลซึ่งอิทธิพลของพีน่ายังมาไม่ถึง เป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับแผนการของข้า
มนุษย์ไว้ใจไม่ได้ สักวันพวกเขาจะกลายเป็นสมุนของพีน่า เมื่อคนรับใช้ย้ายออกไปหมดแล้ว ข้าก็เริ่มทำอาหารของตัวเอง
เพราะข้ายังมีความทรงจำของเอมิ งานบ้านทั้งหมดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับข้า อย่างเรื่องซักผ้าหรือทำความสะอาดบ้านก็สามารถใช้เวทมนตร์เข้าช่วย การมีคนแปลกหน้ามาคอยทำทุกอย่างให้จึงเป็นเรื่องน่ารำคาญเสียมากกว่า
อา ภายในบ้านหลังนี้มีเพียงข้ากับเอมิเท่านั้น ไม่เคยรู้สึกสงบใจได้เท่านี้มาก่อน
คอยก่อนเถิด ข้าจะทวงคืนศักดิ์ศรีของเอมิมาให้เอง
ข้าวางมือบนหน้าอกและอธิษฐานอย่างอ่อนโยน
การป้องกันขั้นแรกก็เรียบร้อยดี ขั้นต่อไปคือการกำจัดร้านไอเทมเงินจริงที่พีน่าเป็นลูกค้าประจำ ไม่ใช่การกำจัดในเชิงทำลายล้าง หากข้าสื่อสารกับเอมิได้ แน่นอนว่าข้าจะให้ความสำคัญความต้องการของเธอก่อน
เจ้าของร้านเป็นปีศาจที่ลักลอบอาศัยในดินแดนมนุษย์ มีร้านประเภทเดียวกันนี้กระจายอยู่ทั่วอาณาจักร พวกเขาผลิตสินค้าด้วยเวทมนตร์ของเผ่าปีศาจและขายเป็นเงินเพื่อซื้ออาหารส่งกลับไปยังโลกปีศาจ พื้นที่โลกปีศาจส่วนใหญ่แห้งแล้งปราศจากความอุดมสมบูรณ์ จำนวนประชากรทั้งประเทศถดถอยจนเหลือน้อยกว่าสามหมื่นตน นี่จึงเป็นวิธีของพวกเขาที่จะช่วยเหลือบ้านเกิด โดยแอบทำการค้าขายสินค้าของโลกปีศาจในดินแดนมนุษย์
ข้าขึ้นเป็นเจ้าของดินแดนไร้ประชากร เป็นขุนนางเพียงในนาม ผู้เป็นอิสระไม่ขึ้นตรงฝ่ายใด ถึงจะมีหมู่บ้านแต่ก็ไม่มีผู้อยู่อาศัย ก่อนหน้านี้คนรับใช้จะเดินทางไปยังเมืองใกล้เคียงทุกๆสองถึงสามวันเพื่อหาซื้อของใช้ที่จำเป็น… และนั้นคือจุดประสงค์ของข้าที่ขอสิทธิ์ในการปกครองพื้นที่แห่งนี้กับดยุกกราปเนอร์ เพื่อ ‘กำจัดร้านไอเทมเงินจริง’ และ ‘ก่อตั้งชุมชนของเผ่าปีศาจ’
ข้ายื่นข้อเสนอต่อเจ้าของร้านไปว่า ‘ท่านอยากให้ปีศาจที่หลบซ่อนอยู่ภายในประเทศนี้ ได้มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งหรือไม่?’ เจ้าของร้านหวาดระแวงคำเชิญชวนที่ฟังดูดีเกินจริงของข้า ข้าจึงต้องกลับมาแสดงความจริงใจอีกหลายรอบขณะดำเนินแผนการแก้แค้นอย่างอื่นไปด้วย จนในที่สุดเขาก็ตอบตกลงโดยมีเงื่อนไขว่า ‘ถ้าแค่พวกที่เร่ร่อนไร้ที่ไปล่ะก็ ได้…’ เพียงเท่านี้หมู่บ้านของข้าก็จะเติบโตขึ้นทีละน้อย
ตัวเจ้าของร้านเองก็เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง ข้าได้บอกกับเขาว่า ‘ต้องการสร้างดินแดนที่เจริญรุ่งเรื่องเพื่อลบคำครหาที่ถูกใส่ร้าย ด้วยเหตุนี้ จึงต้องการผู้อพยพตั้งถิ่นฐานกลุ่มแรกที่เต็มใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ในดินแดนของข้า’ ต่อมาก็เรื่องหลักประกัน… ข้าแสดงเงินทั้งหมดที่ข้าเก็บหอมรอมริบไว้ตั้งแต่ยังเด็ก เพียงพอที่จะเป็นเงินทุนในการก่อตั้งหมู่บ้านใหม่ เขาจึงเริ่มไว้ใจข้าทีละน้อย ทั้งหมดนี้คือสิ่งจำเป็นสำหรับแผนการ ‘เรมิเลียผู้ถูกเรียกว่าจอมวายร้าย สร้างเมืองที่แม้แต่ปีศาจยังอาศัยอยู่ได้อย่างมีความสุข’ ที่ข้าวางไว้
ถ้าเป็นเผ่าปีศาจก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกวิธีนอกรีตของพีน่าดึงตัวไป ในที่สุดข้าก็มีกำลังคนที่ใช้งานได้ไว้ในมือ ส่วนทางด้านเจ้าของร้าน ข้าบอกกับเขาว่ายาเสน่ห์กับน้ำหอมดึงดูดจากร้านของเขาได้แพร่ระบาดในวังหลวงจนคนใหญ่คนโตเริ่มระแคะระคาย และแนะนำให้เลิกจำหน่ายหรือคัดเลือกเฉพาะลูกค้าที่ไว้ใจได้เท่านั้น ซึ่งเขาตอบกลับมาว่า ‘ทั้งสองอย่างนี้เป็นสินค้าขายดีของทางร้านแท้ๆ’ ด้วยความลังเล ข้าจึงเสนอของชดเชยเป็นอัญมณีเวทมนตร์จำนวนมากให้เขาแทน
หลังจากได้รับความไว้วางใจมากขึ้นจนสามารถเข้าถึงข้อมูลของร้านได้ ข้าก็ได้รู้ข้อมูลการซื้อขายที่ผ่านมาของพีน่ากับร้านนี้ และข้าก็ได้เตือนเจ้าของร้านไปว่าร้านนี้อาจถูกทางการกวาดล้างได้ เพราะ ‘ผู้หญิงที่มาซื้อยาจากร้านนี้ ได้นำมันไปใช้ล่อลวงขุนนางหลายคน’ เขาบ่นถึงพีน่าว่า ‘เป็นลูกค้าที่สร้างปัญหาให้มากจริงๆ’ และเขาก็ตัดสินใจว่าจะไม่ทำการค้าขายกับพีน่าอีกต่อไป
เมื่อมองย้อนไปถึงพฤติกรรมของพีน่าในตอนนั้น เธอจะใส่น้ำหอมและเดินผ่านคนอื่นๆมากมาย และคนที่ได้กลิ่นน้ำหอมเป็นประจำก็จะรู้สึกอยากใกล้ชิดกับเธอมากขึ้น เมื่อนั้นก็จะสามารถวางยาเสน่ห์กับพวกเขาได้มากเท่าที่เธอต้องการ ทั้งคนที่เป็นเป้าหมายและผู้ติดตามหรือคนคุ้มกันของพวกเขา ถึงบางครั้งมันจะถูกทดสอบหาพิษ แต่มันก็ไม่ใช่พิษ ซ้ำยังไม่ออกฤทธิ์ให้เห็นผลในทันที แม้แต่องครักษ์ของมกุฎราชกุมารที่ทำการชิมทดสอบพิษก็ยังย้ายฝั่งไปปกป้องรับใช้พีน่าแทนคนที่พวกเขาควรคุ้มกัน
ก่อนหน้านี้เอมิได้รู้ตัวเรื่องไอเทมเงินจริงและเคยเตือนวิลเลียดและคนอื่นๆว่าอย่ารับขนมหรือดื่มชาที่พีน่าเป็นคนชงให้ แต่ก็ถูกบอกว่า ‘ทดสอบพิษแล้วไม่มีปัญหาอะไร’ ‘อิจฉาเหรอ? อย่าให้มันมากเกินไปก็แล้วกัน’ นั่นคือตอนที่พวกเขาไม่ฟังคำพูดของเธออีกต่อไปแล้ว แต่องค์ราชินีที่ได้ทราบถึงความร้อนใจของเอมิก็ได้สั่งให้นำอาหารที่พีน่าแจกจ่ายมาตรวจสอบโดยละเอียดอีกที… โชคร้ายที่ ‘ยาเสน่ห์’ เป็นผลผลิตจากโลกปีศาจ วิธีของมนุษย์จึงไม่สามารถตรวจหาความผิดปรกติได้
มีแต่องค์ราชินีเท่านั้นที่เอะใจกับพลังเวทแปลกประหลาดที่ตกค้างอยู่น้อยนิด เมื่อพยายามตรวจสอบต่อไป วิลเลียดก็เข้ามาต่อว่าอย่างอารมณ์เสีย ‘เสด็จแม่กำลังเข้าข้างคนผิดอย่างเรมิเลีย’ การสืบสวนจึงยุติแต่เพียงแค่นั้น
เหล่าคนโง่ทั้งหลายมีโอกาสมากมายให้ตระหนักถึงความผิดของพวกเขา ทั้งที่ไม่ได้ถูกล้างสมองโดยสมบูรณ์หรือสูญเสียสติสัมปชัญญะ แต่พวกเขาเลือกกระทำความผิดเพื่อพีน่าด้วยความสมัครใจ เมื่อผ่านจุดนั้นมาแล้วก็ไม่มีมีสิทธิ์เรียกร้องขอความเมตตาจากข้า
พวกมันจะต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่สำนึกในความโง่เขลานั้นไปจนตาย