ผู้ที่อยู่ภายในของจอมวายร้าย 04
เรื่องในวันนั้นถูกยกขึ้นมาพูดกลางงานเลี้ยงภายในพระราชวัง ข้อหาพยายามฆ่าหญิงสาวแห่งดวงดาวทำให้เอมิถูกประณามและประกาศยกเลิกการหมั้น
ตามเนื้อเรื่อง เรมิเลียจะจ้างนักฆ่ามาลอบสังหารหญิงสาวแห่งดวงดาว และได้หนึ่งในตัวละครหลักที่มีค่าความสัมพันธ์มากที่สุดมาปกป้อง ในกรณีนี้วิลเลียดเป็นคนที่เข้ามาช่วยเหลือพีน่า ในใจของเอมิต้องเจ็บปวดมากแน่นอน
ราวกับเป็นเรื่องตลกร้าย เหยื่อตกบันไดไม่กี่ขั้นและบาดเจ็บเพียงรอยช้ำเล็กน้อยแต่กลับตั้งข้อหา ‘พยายามฆ่า’ คำพูดโต้แย้งของเอมิก็ถูกมองข้าม วิลเลียดเรียกเอมิว่าคนโง่ผู้ทำร้ายหญิงสาวแห่งดวงดาว และคำอธิบายที่เธอพร่ำบอกบอกก็ถูกตีความว่า ‘ยังไม่สำนึก’ จึงได้ทำการถอนหมั้น
ครั้งหนึ่ง เอมิสนิทสนมกับเจ้าชายวิลเลียดถึงขั้นที่เรียกชื่อเล่นได้ว่า ‘ท่านวิล’ มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับเพื่อนสมัยเด็ก มีความรักใคร่กลมเกลียวในครอบครับกับน้องชายบุญธรรม แต่เธอก็ได้สิ้นหวังไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ เอมิจมอยู่กับความเศร้าโศกจนจิตใจพังทลาย หากข้าไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ เอมิคงหลับใหลไปตลอดกาล ใช้ชีวิตที่เหลือเป็นตุ๊กตาที่ไม่สามารถเปล่งเสียงหรือขยับเขยื้อนได้เอง ความสิ้นหวังของเอมิรุนแรงถึงระดับนั้น
หัวใจของข้าร่ำไห้ พยายามเรียกหาเอมิที่อยู่ในตัวของข้า ไม่สามารถรับรู้ความคิดและอารมณ์ของของเอมิได้อีกต่อไป ทั้งที่ความรู้สึกเหล่านั้นเคยหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุดหย่อน เพียงแค่สัมผัสได้ว่าเอมิหลับใหลอยู่ที่ไหนสักแห่งภายในตัวข้า แม้จะผ่านมาได้เพียงชั่วอึดใจแต่ข้าก็รู้สึกเปล่าเปลี่ยวได้อย่างไม่น่าเชื่อ
ข้ารู้ดีกว่าใครว่าเธอไม่สมควรได้พบกับชะตากรรมเช่นนี้ แต่ก็อย่าได้ห่วงไปเลย ต่อจากนี้ข้าจะปกป้อง ‘เอมิ’ เอง เช่นเดียวกับที่เอมิได้ปกป้องจิตใจของข้าผ่านความทรงจำของเธอ
ข้าจะทวงคืน ‘ความสุขของเรมิเลีย โรส กราปเนอร์’ ที่เอมิสร้างไว้ กลับคืนมา
“…องค์ราชากับท่านพ่อของข้า เห็นด้วยกับเรื่องนี้หรือไม่?”
“แน่นอน ข้าไม่ได้ตัดสินใจโดนพลการ”
“แต่ก็ตัดสินโดยไม่ฟังเสียงข้า… ที่เคยบอกว่าคำกล่าวหาเหล่านั้นไม่เป็นความจริง”
“ยอมรับความจริงเสียเถอะ พยานและหลักฐานก็มีมากมายขนาดนี้… คำให้การของบุตรชายและบุตรสาวตระกูลขุนนางระดับล่างหลายคนที่ถูกเจ้าข่มขู่ให้ก่ออาชญากรรม หลักฐานคือจดหมายประทับตราประจำตัวของเจ้า และคำยืนยันจากคนคุ้มกันทั้งสามกับสาวใช้ทั้งสองของเจ้า เท่านี้ความผิดของเจ้าก็ชัดเจนแล้ว… ยังไม่รวมถึงเรื่องในวันก่อน… การที่เจ้าพยายามฆ่าในที่สาธารณต่อหน้าคนมากมาย ถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าไม่มีทางหลบหนีความผิดได้อีก”
“พยานเท็จและหลักฐานปลอมที่ถูกสร้างโดยผู้ไม่ประสงค์ดี สิ่งที่ข้าจะพูดมีเพียงเท่านี้”
“ช่างดื้อด้านเหลือเกิน… ข้าคิดว่าเจ้าเป็นหญิงที่ฉลาดกว่านี้ พวกเรารู้จักกันตั้งแต่ยังเด็ก จนถึงตอนนี้ข้าก็ยังอยากรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้… กลับตัวเสียใหม่ และขอโทษจากใจจริงซะ แล้วข้าจะให้อภัย”
“ด้วยเกียรติของข้า เรมิเลีย โรส กราปเนอร์… ไม่อาจยอมรับความผิดที่ไม่ได้ก่อ”
“…สุดท้ายก็ยังไม่คิดจะสำนึก อา เข้าใจแล้ว เจ้าอาจจะคิดว่าถ้าไม่ยอมรับเสียอย่างก็ไม่มีใครทำอะไรเจ้าได้”
ใบหน้าของวิลเลียดบิดเบี้ยวราวกับมองเห็นสิ่งปฏิกูล คนคุ้มกันและสาวใช้ของตระกูลดยุกกราปเนอร์ได้แปรพักตร์ไปตั้งนานแล้ว พวกเขาตรวจสอบกำหนดการและขโมยของใช้ประจำตัว รวมหัวกันก่ออาชญากรรมโดยอ้างอิงช่วงเวลาให้ตรงกันและจงใจทิ้งของใช้ของเธอเอาไว้ในที่เกิดเหตุเพื่อเป็นหลักฐาน… ข้าคาดเดาเรื่องนี้ได้ตั้งแต่แรก เพียงแต่ไม่มีวิธีบอกให้เอมิรับรู้ ทั้งที่เอมิปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างเท่าเทียมเสมือนเพื่อนฝูงแม้ว่าสถานะจะต่างกันมากก็ตาม
ช่วงเวลาดีๆที่เขาและเอมิ… เรมิเลีย มีให้กัน ได้ถูกลืมเลือนไปจนหมด หัวใจของเขาถูกแทนที่ด้วยหญิงสาวแห่งดวงดาวจนแทบไม่เหลือที่ว่าง เพราะฉะนั้นต่อให้ข้าพูดอะไรก็คงเสียเวลาเปล่า ข้าจึงไม่คิดขัดขืนและรอให้เรื่องราวดำเนินต่อไป
หลัวจากนั้นข้าก็ถูกคุมตัวไปอีกห้องหนึ่ง องค์ราชาบอกกับข้าว่างานเลี้ยงในคืนนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เป็นการเปิดตัวหญิงสาวแห่งดวงดาวสู่สังคม หากข้ากลับไปขอโทษหญิงสาวแห่งดวงดาวต่อหน้าทุกคนในงาน การถอนหมั้นจะถูกพิจารณาใหม่อีกครั้ง ขึ้นอยู่กับความประพฤติของข้าในอนาคต ท่านพ่อที่อยู่ข้างๆทำหน้าผิดหวังออกมาอย่างชัดเจน
ถึงอย่างนั้น ข้าก็ไม่มีวันยอมรับในสิ่งที่เอมิไม่ได้ทำ
“ก่อนจะจบลงเพียงเท่านี้ เรมิเลีย เจ้ามีอะไรอยากจะพูดอีกไหม? ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้เจ้าเป็นสะใภ้ ข้าเองก็เสียใจกับเหตุการณ์นี้ด้วยเหมือนกัน”
“…ขออภัยที่ข้าไม่สามารถหยุดการล่อลวงของหญิงสาวแห่งดวงดาวที่ทำกับฝ่าบาทวิลเลียดได้ ทั้งที่ข้าได้กล่าวคำปฏิญาณเอาไว้แล้วว่าจะปกป้องราชวงศ์ไม่ให้หลงเดินทางผิด”
“…”
องค์ราชาไม่พูดอะไรเพิ่มเติม สายตาที่มองมามีความลังเลปนอยู่เล็กน้อย ข้าสงสัยว่ารอบยิ้มของข้าจะงดงามได้เท่ากับของเอมิหรือเปล่า แต่ก็จะขอใช้ประโยชน์จากมันเรียกร้องบางอย่างที่เห็นแก่ตัวสักหน่อย
“ข้าได้ทราบมาว่า หลังจากนี้ข้าจะถูกกักบริเวณในที่แห่งหนึ่งของดินแดนรกร้างที่อยู่ในความครอบครองของตระกูลดยุกกราปเนอร์ ด้วยเกียรติของข้า ข้ายอมรับโทษทัณฑ์นั้นด้วยความเต็มใจ แต่อยากขอให้มีใครสักคนคอยจับตาดูชีวิตของข้า”
“…จะลองเก็บไปคิดดูก็แล้วกัน”
“ขอบพระทัยที่ทรงรับไว้พิจารณา”
ในที่สุดก็ดูเหมือนจะตกลงกับองค์ราชาได้ระดับหนึ่ง แต่พ่อของข้ายังมีความขุ่นเคืองอยู่เต็มเปี่ยม เขาไม่สนว่าข้าจะผิดจริงหรือถูกใส่ร้าย ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็เป็นตัวหมากที่ใช้การไม่ได้อีกต่อไป แต่ข้าก็ยังไม่ได้ถูกถอดสถานะขุนนาง เป็นแค่บุตรสาวที่ถูกทำโทษเพราะพยายามฆ่าหญิงสาวแห่งดวงดาว ไม่มีค่าอะไรสำหรับเขา
และข้าก็สังเกตได้เรื่องหนึ่งที่แตกต่างจากเนื้อเรื่องในเกม แม้ว่าเขาจะหลงใหลหญิงสาวแห่งดวงดาวอย่างหน้ามืดตามัว แต่ก็ยังเหลือเยื่อใยให้กับ ‘เรมิเลีย คู่หมั้นของเขา’ รู้สึกผิดหวังในตัวคู่หมั้นที่รู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กและเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงน่ารังเกียจเพราะความหึงหวง เขายังพยายามเปิดโอกาสให้เอมิ… เรมิเลียได้ขอโทษต่อหน้าทุกคน เพื่อให้เรื่องนี้จบลงอย่างเงียบๆ
ในเวลาเดียวกันนี้ ภายนอกกำลังวิจารณ์กันอย่างรุนแรงในเรื่องคู่หมั้นของมกุฏราชกุมารทำร้ายหญิงสาวแห่งดวงดาวเพราะความหึงหวง แม้แต่ราชวงศ์ไม่สามารถรับมือกับเสียงของขุนนางเหล่านั้นไหว ตรงข้ามกับที่คาดหวังไว้ เรมิเลียไม่เพียงไม่ยอมรับความผิดจนถึงที่สุด แต่ยังยอมรับการถอนหมั้นของเธออีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการคาดเดา
“เรมิเลีย เจ้าต้องการให้จบลงแบบนี้จริงๆหรือ?”
“ด้วยเกียรติของข้า เรมิเลีย โรส กราปเนอร์ จะไม่ขอยอมรับความผิดที่ไม่ได้ก่อ”
ข้ายืนยันคำเดิมที่เคยบอกกับวิลเลียด องค์ราชาได้ฟังแล้วก็ถอนหายใจ
ในตอนท้ายก่อนจบการประชุม ข้ารักษากิริยาท่าทางให้สง่างามที่สุด โค้งคำนับก่อนออกจากห้องตามมารยาท… ในตอนนี้ข้ายังไม่มีไพ่ในมือ การถอยออกมาตั้งหลักไม่ใช่เรื่องเสียหาย ยังต้องเตรียมการอีกหลายอย่างก่อนจะทำให้ทุกคนที่ทำร้ายเอมิได้ชดใช้
‘คนโกหก’ ‘ใช้อำนาจตระกูลดยุกปิดปากความชั่วร้ายของตัวเอง’ ‘ศัตรูที่ทำร้ายหญิงสาวแห่งดวงดาว’ ‘แม้แต่มกุฏราชกุมารที่เป็นคู่หมั้นยังทนกับความเห็นแก่ตัวของหญิงผู้นี้ไม่ไหว’ ‘ทั้งที่มีพยานและหลักฐานมากมายขนาดนี้ก็ยังไม่รู้จักสำนึก’ ‘ยังคิดว่าจะมีคนเชื่อคำพูดของเธออยู่อีกเหรอ’
เสียงนินทาที่มีต่อเอมิในงานเลี้ยงก่อนหน้านี้ ข้ารู้ว่ามันถูกพูดโดยใคร และข้าจะจำหน้าพวกมันเอาไว้ทุกคน จนถึงเวลาที่ข้าจะกลับมาตอบแทนให้สาสม ทั้งคนชั่วที่โกหกและคนโง่ที่ถูกหลอกเพราะมองข้ามสิ่งที่เอมิเคยทำไว้ในอดีต กฎหมายของราชอาณาจักรมีระบุไว้ชัดเจนว่าการให้ความเท็จถือเป็นอาชญากรรม ข้าจะจัดเตรียมจุดจบที่เหมาะสมให้กับอาชญากรเหล่านั้นทุกคน
ทั้งผู้ชายเห็นแก่ตัวที่ทอดทิ้งลูกสาวของเพราะความสะดวกของตัวเอง ทั้งที่ตัวเขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่า ‘เรมิเลีย’ ไม่มีทางทำอะไรที่เป็นการทำร้ายหญิงสาวแห่งดวงดาว และผู้หญิงที่ให้กำเนิดข้าก็เช่นกัน ข้าจะทำให้พวกเขาเสียใจที่เพิกเฉยต่อความจริง
แม้ว่าเอมิจะปรารถนาให้เพื่อนสมัยเด็กทั้งสองของเธอได้พบกับความสมหวังก็ตาม แต่ข้าก็จะไม่ให้อภัยพวกเขา ทั้งที่พวกเขามีคู่หมั้นอยู่แล้วแต่ก็ยังมีใจให้เอมิ และคู่หมั้นของพวกเขาก็ทราบในเรื่องนั้นดีแต่เลือกทีจะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับมัน
โคลดเองก็เช่นกัน เป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุดในฐานะครอบครัว แต่กลับมองไม่เห็นความอัปลักษณ์ภายในของพีน่า เขาเองก็ควรจะเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าเอมิไม่มีวันทำเรื่องที่ถูกกล่าวหา
และสุดท้าย เจ้าชายวิลเลียดผู้ไร้ความสามารถในฐานะมกุฎราชกุมาร เป็นผู้นำที่มองคนไม่ออก แม้ในใจของเขายังคงรักเอมิแต่กลับติดพันหญิงอื่น ข้าสังเกตุได้จากคำพูดของเขาว่า ‘ข้าคิดถึงผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดและใจดีในอดีต มากกว่าหญิงขี้อิจฉาอย่างเจ้าในตอนนี้’ นั่นแสดงว่าเขายังไม่ลืมความประทับใจเมื่อสมัยยังเด็ก ซึ่งหลังจากปรับความเข้าใจกันได้แล้วเอมิก็ยังมีชื่อเสียงในหมู่ขุนนางมากว่าวิลเลียด แม้ทั้งสองจะเชี่ยวชาญในด้านที่ต่างกันก็ตาม เมื่อคิดย้อนกลับไปในตอนนั้นเขาพูดออกมาว่า ‘ข้าจะพยายามในส่วนของข้าให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้น้อยหน้าเจ้า’ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าในใจของเขายังหลงเหลือความอิจฉาจนรู้สึกยินดีที่ได้เห็นเอมิตกต่ำ
ชายหนุ่มเหล่านั้นเลือกที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาต้องการจะเชื่อเท่านั้น ในใจของพวกเขาเชื่อว่า ‘เรมิเลียรักพวกเขามากถึงขั้นที่แสดงความหึงหวงออกมารุนแรงขนาดนั้น’ โดยไม่มีข้อกังขา
เห็นได้จากก่อนหน้านี้ที่พวกเขาตักเตือนเอมิด้วยสีหน้าพึงพอใจ โดยไม่เอ่ยถามเอมิสักคำว่าเธอได้ทำอย่างที่หญิงสาวแห่งดวงดาวพูดจริงหรือไม่ ถึงจะเรียกว่าตักเตือนแต่ข้ามองเห็นในสายตาพวกเขา มันแสดงออกมาชัดเจนราวกับพูดออกมาตรงๆว่า ‘ถึงเจ้าจะทำเพราะรักข้า แต่ครั้งนี้ก็ทำเกินไป’ อย่างจริงจัง
เพราะฉะนั้น ข้าจะไม่คิดว่าพวกเขาเป็นเหยื่อของการถูกหลอก เหล่าคนที่รู้จักเอมิดี ใช้เวลาสร้างความไว้วางใจด้วยกัน จากนั้นก็หักหลังเธอ ข้าจะเลือกวิธีแก้แค้นที่จะทำให้พวกมันต้องเสียใจเป็นที่สุด
เหนือสิ่งอื่นใด ผู้หญิงคนนั้น ข้าไม่เข้าใจเลยว่าเพราะเหตุใดพระเจ้าถึงประทานวิญญาณอันชั่วร้ายให้อยู่ในร่างของหญิงสาวแห่งดวงดาว ข้าจะทำทุกอย่างให้แน่ใจว่าเธอจะมีชีวิตรอดยืนยาวเพื่อตกนรกทั้งเป็น แม้การที่ข้าตัดสินใจเช่นนี้จะทำให้เอมิผู้เมตตาต้องเสียใจ แต่ข้าก็จะไม่หยุด
หมายความว่าข้าจะไม่ฆ่านางให้ตาย เพราะความตายคือการถูกปลดปล่อย เพราะฉะนั้นต่อให้ปรารถนาความตาย ข้าก็ไม่คิดจะปลดปล่อยนาง
แผนการได้ถูกวางอย่างละเอียดและจัดลำดับความสำคัญอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน อันดับแรกต้องคุยกับท่านพ่อ… ไม่สิ ข้าควรเรียกเขาว่าดยุกกราปเนอร์ เพราะหลังจากตัดความสัมพันธ์กับตระกูล พวกเราก็ถือเป็นคนแปลกหน้า ข้าต้องการเจรจาขอครอบครองดินแดนรกร้างแห่งนั้น สถานที่ที่ข้าจะถูกส่งตัวไปกับบริเวณ ซึ่งจะทำให้ข้ามีสิทธิ์จัดการหมู่บ้านร้างที่เคยอยู่ภายใต้การปกครองของดยุกกราปเนอร์
โดยจะขอแลกเปลี่ยนกับสิทธิ์ในการผลิตและจำหน่ายของใช้และอุปกรณ์ทุกอย่างที่เอมิพัฒนาขึ้นมาจากความรู้ในชีวิตก่อนของเธอซึ่งในตอนนี้มันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายภายใต้ชื่อของข้า นอกจากนั้น ข้ายังได้รับเงินจำนวนเล็กน้อยสำหรับเริ่มต้นชีวิตใหม่ในถิ่นทุรกันดาร แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับการสร้างรากฐานในการแก้แค้นของข้า
เพื่อความสุขของข้าที่เอมิปรารถนา ข้าจะแก้แค้นคนทรยศทุกคนและแย่งชิงความสุขของข้ากลับคืนมา ความสุขของข้าในฐานะ ‘จอมวายร้ายเรมิเลีย’