ตอนที่ 65: คำแนะนำ

ทันทีที่ร่างของอู๋ห่าวกระแทกกำแพงจนเกิดส่งเสียงดัง ทั้งหวังหยิงและหยานเหว่ยก็พลันรู้สึกตัวและวิ่งเข้าไปช่วยและตรวจดูอาการบาดเจ็บทันที

ในตอนนี้ ชิเหวินปินและคู่หูที่ยืนมองอยู่นอกห้องพลันอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

ถ้าหมัดเมื่อครู่ของเสี่ยวเฉิงซัดเข้ามาบนร่างของพวกเขาบ้างล่ะ? ระหว่างที่คิดเช่นนั้น ทั้งสองก็ขยับตัวเข้ามาใกล้กันและรู้สึกเสียวสันหลัง

“ก่อนหน้านี้ เราสองคนไปกวนตีนไอ้หมอนั่นมาเยอะด้วยสิ นายคิดว่ามันจะมาล้างแค้นเราไหม?”

คู่หูของชิเหวินปินพลันกล่าวคำพูดออกมาด้วยท่าทีสุดสิ้นหวัง “นายเงียบไปเลย ฉันนี่แหละที่เป็นคนกวนตีนหมอนั่นเยอะสุด…”

ในระหว่างที่อู๋ห่าวได้รับได้รับการช่วยเหลือ เลือดสีแดงสดก็พลันไหลออกมาจากปากของเขาไม่หยุดหย่อนราวกับเป็นก๊อกน้ำ ทันทีที่กำแพงพลังลมปราณในร่างกายของอู๋ห่าวทลายลง อวัยวะภายในร่างกายทั้งหมดก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

หลังจากได้รับการช่วยเหลือแล้ว อู๋ห่าวก็พลันไอออกมาเป็นเลือดอย่างรุนแรง

“ร้อยเอกอู๋… คุณไหวไหม?” หวังหยิงพลันถามด้วยความเป็นห่วง ส่วนหยานเหว่ยเองก็รีบวิ่งไปอีกห้องเพื่อหาชุดปฐมพยาบาลพร้อมกับส่งยาแก้ปวดให้เพื่อนรัก

หลังจากที่อู๋ห่าวกินยาเข้าไปแล้ว การมองเห็นของเขาก็เริ่มชัดขึ้น อู๋ห่าวพลันเผยสีห้าที่สูญสิ้นไร้วิญญานออกมา

“ฉัน… ฉันรู้สึกเหมือนโดนช้างเอางวงฟาดกระดูกเลย…”

“ผมขอโทษครับ…” เสี่ยวเฉิงพลันเดินเข้ามาและกล่าวคำขอโทษ

หยานเหว่ยพลันยกมือขึ้นและขัดจังหวะ “ไม่ใช่ความผิดของนาย ไปตามแพทย์สนามมาก่อนเถอะ!”

หวังหยิงพลันวิ่งไปตามแพทย์สนามและพาตัวอู๋ห่าวไป หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันกล่าวคำขอโทษกับหวังหยิง แต่ทว่า เธอก็พลันขัดจังหวะขึ้นมาทันใด “ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ใช่ความผิดนายสักหน่อย เขาไม่ตายก็พอแล้ว แพทย์สนามก็บอกว่าอาการบาดเจ็บที่ร้อยเอกอู๋ห่าวได้รับยังคงรักษาได้ เขาแค่ต้องพักผ่อนอีกสักสองสามสัปดาห์ เพราะแบบนั้น เขาก็คงจะไม่มีเวลามาทะเลาะกับนายแบบนี้อีกแล้วแหละ แต่ในกรณีนี้ ฉันเองก็ต้องรายงานให้เบื้องบนรับทราบด้วย”

เสี่ยวเฉิงพลันพยักหน้า “มันเป็นความผิดผมเอง”

“ยังไงก็เถอะ เดี๋ยวฉันจะต้องพานายออกไปจากที่นี่ก่อน”

เสี่ยวเฉิงพลันออกมาจากเขตทหารพร้อมกับหวังหยิง เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเฉิงกำลังจะจากไป หวังหยิงจึงตะโกนขึ้นมา “ถ้าครั้งหน้านายอยากจะมาหาฉันอีก เรามาแลกเบอร์โทรศัพท์กันก็ได้”

เสี่ยวเฉิงพลันตระหนักได้ในทันทีพร้อมกับตบหน้าผากตัวเอง “แล้วคุณเบอร์อะไรล่ะ?”

หวังหยิงพลันกลอกตา “ส่งโทรศัพท์นายมาสิ”

เสี่ยวเฉิงพลันยื่นโทรศัพท์ให้ หวังหยิงก็พลันกดเบอร์ของตัวเองลงไปและส่งคืน “เอาไป นี่คือเบอร์ของฉัน โทรมาได้ตลอดเลยนะถ้าต้องการ”

“ได้เลย” เสี่ยวเฉิงพยักหน้า

“งั้นไว้ค่อยคุยกัน” หวังหยิงทำมือเป็นรูปโทรศัพท์พร้อมแนบข้างหู

หลังจากทั้งสองแยกจากกันไปแล้ว หวังหยิงก็รีบวิ่งไปโรงพยาบาลทหารเพื่อตรวจดูอาการของอู๋ฮ่าว ผู้พันที่ตัวสูงประมาณหนึ่งร้อยเก้าสิบเซ็นติเมตรก็พลันเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยหลังจากตรวจดูอาการของอู๋ห่าวเสร็จ ทันทีที่เขาเห็นหวังหยิงซึ่งเป็นหนึ่งในพยาน ผู้พันก็พลันถามขึ้นด้วยความสงสัย “อู๋ห่าวโดนรถหรืออะไรชนมาน่ะ? หมอบอกมาว่าโครงกระดูกของเขาเกือบจะหลุดออกจากกันแหนะ”

หวังหยิงพลันรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย

“เขาคงถูกใครสักคนสั่งสอนบทเรียนให้น่ะค่ะ” ในตอนนั้นเอง หยานเหว่ยก็พลันเดินออกมาจากห้องผู้ป่วยและตอบคำถามของผู้พัน

ผู้พันพลันขมวดคิ้ว “เขาทะเลาะกับใครมากัน?”

หวังหยิงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป อันที่จริง มันก็เป็นความผิดของเธอส่วนหนึ่ง เพราะเธอเป็นคนชวนเสี่ยวเฉิงมาที่นี่ และหวังหยิงเองก็ยังขอให้อู๋ห่าวและหยานเหว่ยช่วยฝึกเสี่ยวเฉิง… แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าเสี่ยวเฉิงจะซัดหมัดใส่อู๋ห่าวจนทำให้เขาต้องมานอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่แบบนี้?

แน่นอน ถึงแม้ว่าหยานเหว่ยจะไม่ใช่คนที่มีเหตุผลมากนัก แต่เขาก็รู้สึกชื่นชมในตัวเสี่ยวเฉิง ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ผลักความรับผิดชอบทั้งหมดเข้าตัวเอง “ผมบอกอู๋ห่าวแล้วครับว่าอย่าลอง… แต่เขาก็ไม่ฟังเลย สุดท้ายเรื่องทั้งหมดก็ต้องมาลงเอยแบบนี้ ในตอนแรก หวิงหยิงพาชายคนหนึ่งเข้ามาแล้วขอให้พวกเราฝึกเขาหน่อย เธอบอกว่าแรงหมัดของชายคนนั้นรุนแรงแล้วก็อันตรายมาก แต่อู๋ห่าวก็ไม่เชื่อ จนเขาบอกให้ชายคนนั้นลองชกท้องตัวเองดูสักสิบครั้ง แต่สุดท้าย อู๋ห่าวก็ต้องมาเป็นแบบนี้หลังจากโดนชกไปแต่สี่หมัดครับ”