ตอนที่ 169 ปฏิบัติการช่วยชีวิต 6

สตรีมเมอร์สาว กินพิชิตอวกาศ

ตอนที่ 169 ปฏิบัติการช่วยชีวิต 6

ทว่าข้างในนี้กลับเต็มไปด้วยการตรวจตราที่เข้มงวด และที่แย่ไปกว่านั้น แม้แต่ห้องน้ำก็ยังมีกล้องวงจรปิดติดตั้งเอาไว้ กล่าวได้ว่าไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยสักนิด

โชคดีที่พวกเขามีหุ่นยนต์นาโน จึงทำให้ไม่มีปัญหากับกล้องวงจรปิดทั้งหลายไปช่วงระยะหนึ่ง

หุ่นยนต์นาโนปีนขึ้นไปบนกล้องวงจรปิดอย่างคล่องแคล่ว!

สวี่หลิงอวิ๋นพยักหน้า “เอาล่ะ ปลดกุญแจมือของเขาซะ”

นักวิจัยคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีหน้าที่ดูแลหยวนซิว ตามจริงแล้วเขาเป็นผู้รักษาความปลอดภัย เขาตกตะลึงไปชั่วขณะราวกับกำลังสงสัยว่าทำไมถึงได้ออกคำสั่งเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คนนี้ไม่สามารถขัดคำสั่งการของผู้บังคับบัญชาการได้ เขาหยิบกุญแจออกมาและใช้มันปลดกุญแจข้อมือ

หยวนซิวบีบข้อมือของตนเองหลังจากที่โซ่ตรวนถูกปลดออก ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เขาต้องคอยลากโซ่ตรวนที่หนักอึ้งเส้นนี้ไปไหนมาไหนตลอดจนทำให้เขาเกือบลืมความเป็นอิสระไป

ตอนนี้ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อยเมื่อก้าวออกไปได้เพียงแค่สองสามก้าว เขาจึงค่อย ๆ เดินอย่างเชื่องช้า

“นายเสียเลือดมากเกินไป!” สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา และส่ายหัวอย่างเหลืออด “พอกลับออกไปแล้วนายต้องกินตับสัตว์เยอะ ๆ นะ”

“อะไรนะ?” ตับของสัตว์อย่างนั้นเหรอ?!

ตอนแรกหยวนซิวยังคงรู้สึกมีความสุขเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นความรู้สึกของเขากลับหนักอึ้ง ตับสัตว์พวกนั้นค่อนข้างจะสกปรก เขาจะกินมันลงได้อย่างไร? หรือว่าองค์หญิงสามกำลังทำโทษเขา? คงคิดว่าเขาโง่มากที่ตกหลุมพรางของชาวพื้นเมืองเหล่านี้ใช่ไหม?

เพราะฉะนั้นจึงสั่งให้เขากินตับสัตว์เพื่อชดเชยความโง่เขลาของเขาสินะ?

สวี่หลิงอวิ๋นไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าความห่วงใยของเธอกำลังทำให้อีกฝ่ายจินตนาการถึงภาพอันโหดร้ายมากมาย จึงกล่าวได้ว่าความแตกต่างทางวัฒนธรรมสามารถทำให้ผู้คนเข้าใจผิดได้

เจ้าหน้าที่คิดว่ามันค่อนข้างแปลกประหลาดไปเสียหน่อย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะถูกสั่งสอนให้เชื่อฟังคำสั่งของผู้บัญชาการและไม่ต้องใช้สมองมากนัก แต่ตราบใดที่พวกเขาเป็นมนุษย์ พวกเขาก็อดคิดไม่ได้

ยกตัวอย่าง เมื่อครั้งที่เขาได้ยินคำพูดของวิกเตอร์และมนุษย์ต่างดาว เขาก็ถึงกับคิดว่าทั้งสองคนนี้เป็นเพื่อนกันหรือเปล่า?

เมื่อลองคิดดูอีกครั้ง วิกเตอร์จะไปเป็นเพื่อนกับมนุษย์ต่างดาวได้อย่างไร? เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้อย่างไร?

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็รู้สึกโล่งใจขึ้น ราวกับมีกลุ่มเมฆลอยอยู่ในหัว และไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีก

หยวนซิวแปลงร่างเป็นเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่นั่น สำหรับเจ้าหน้าที่คนดังกล่าวถูกทิ้งเอาไว้อยู่ในห้อง

“พวกเราต้องรีบออกไปจากที่นี่ภายในสามนาทีเท่านั้น ไม่อย่างงั้นพวกเราจะถูกจับได้”

สวี่หลิงอวิ๋นจ้องมองเวลา “เอาล่ะ ออกไปกันเถอะ”

เจ้าหน้าที่สวมใส่หน้ากาก ขณะที่วิกเตอร์เดินไปอยู่ข้างหน้า

บ๊อบยังคงตกอยู่ในสภาวะที่ไร้สติ และสามารถฟื้นขึ้นมาได้สักพัก

เมื่อผู้รักษาความปลอดภัยของบ๊อบเห็นว่า ‘วิกเตอร์’ ออกมาจากห้องสืบสวน พวกเขาก็พร้อมที่จะพาหยวนซิวออกไป แต่กลับถูก ‘วิกเตอร์’ ขวางเอาไว้

“ยังไม่ต้องเข้าไป” ‘วิกเตอร์’ แสดงรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา โดยการยิ้มเผยฟันสีขาวใส “ฉันจะออกไปหาของบางอย่างก่อน แล้วอีกสิบนาทีจะรีบกลับมา”

ผู้รักษาความปลอดภัยทั้งหลายพยักหน้า และหลบออกไปยืนระหว่างสองข้างทาง

สวี่หลิงอวิ๋นถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ตอนนี้ทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับตัวเธอ เพราะว่าหุ่นยนต์นาโนยังคงพยายามดำเนินการคุ้มครองความปลอดภัยให้กับระบบเฝ้าระวังอยู่ เพื่อไม่ให้มีอะไรผิดปกติ

ภาพที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอของกล้องวงจรปิด หยวนซิวยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ราวกับไม่ได้มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้น

รูม่านตาของวิกเตอร์เปิดประตูทั้งสองบานผ่านไปได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากไม่มีใครมาตรวจสอบสถานการณ์ ทำให้ตอนนี้เหลือเพียงประตูอีกสองบานเท่านั้น จากนั้นพวกเขาจะสามารถออกจากคุกใต้ดินและออกไปได้อย่างปลอดภัย

แต่มันจะผ่านไปได้ด้วยดีอย่างนั้นจริงหรือ?!

มันไม่ง่ายดายเช่นนั้นหรอก!

ทันทีที่ก้าวผ่านประตูบานที่สาม บ๊อบก็ไล่ตามหลังพวกเขามา ขณะเล็งปืนที่อยู่ในมือไปยังทิศทางของพวกเขาทั้งสอง!

“หยุดเดี๋ยวนี้! วิกเตอร์! ฉันรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับนาย นายเป็นสายลับให้สถาบันอื่นใช่ไหม?!”

สวี่หลิงอวิ๋นเอียงศีรษะและจ้องมองไปที่บ๊อบ สมองของนายมันช่างกลวงเสียจริง ไม่แม้แต่จะสงสัยว่าพี่สาวคนนี้เป็นมนุษย์ต่างดาวด้วยซ้ำ!

“สันนิษฐานได้แม่นมาก จะมีอะไรอีกล่ะ? ก็นายเล่นเดาทุกอย่างเสร็จสรรพเพียงครั้งเดียว!” สวี่หลิงอวิ๋นยักไหล่ ขณะที่บริเวณโดยรอบถูกรายล้อมไปด้วยเสียงไซเรน เจ้าหน้าที่ทั้งหลายโผล่ออกมาล้อมรอบพวกเขา พร้อมกับถืออาวุธทุกประเภทไว้ในมือของพวกเขา

หยวนซิวรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เขาเอื้อมมือออกไปกระตุกเสื้อของ ‘วิกเตอร์’ “ทำไมท่านไม่…”

หนีก่อน…

สวี่หลิงอวิ๋นตบไหล่ของเขา “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวลไป! ถึงพี่ชายของฉันจะดูโหดเหี้ยม แต่เขาเป็นคนอ่อนโยนนะ เดี๋ยวนายจะได้เห็นเอง”

หยวนซิวรู้สึกวิตกกังวล ใครจะไปอยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนอ่อนโยนหรือเปล่า! การลงโทษที่เขาได้รับก่อนหน้านี้ก็มาจากผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เหรอ? อ่อนโยนบ้าอะไรล่ะ!

คำพูดที่เรียบง่ายของสวี่หลิงอวิ๋นไม่ได้แตกต่างการโจมตี ไม่เพียงแต่หยวนซิวจะรู้สึกรังเกียจเท่านั้น ทว่าบ๊อบที่อยู่ตรงนั้นก็อยากจะโน้มตัวลงไปอาเจียนเช่นกัน

“คนที่อยู่ข้างหลังนายคือมนุษย์ต่างดาวตัวนั้นใช่ไหม? นายวางกลอุบายเก่งนักนะ แค่อยากจะขโมยมนุษย์ต่างดาวตัวนั้นออกไป ถึงกับต้องใช้ทักษะเปลี่ยนแปลงใบหน้าเชียวหรือ? หลายปีแล้วสินะที่นายเอาแต่ทำตัวเป็นดาราที่ไร้ประโยชน์!”

“ชมกันเกินไปแล้ว! ตามจริงฉันยังห่างไกลจากพี่ชายอยู่อีกเยอะ!” สวี่หลิงอวิ๋นตอบคำถามขณะยกยิ้ม พร้อมทั้งมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง

หุ่นยนต์นาโนมาถึงที่เกิดเหตุแล้ว เยี่ยมมาก!

สวี่หลิงอวิ๋นยิ้ม “ฉันขอถามอะไรหน่อยสิพี่ชาย พี่ช่วยบอกคำตอบให้ฉันได้ไหม?”

“ว่าไงล่ะ?” บ๊อบเย้ยหยัน “ฉันคิดว่านายควรจะหัดพูดให้น้อยกว่านี้นะ เพราะฉันโทรตามพ่อมาแล้ว และนายจะต้องถูกส่งตัวไปอธิบายเรื่องนี้ให้พ่อฟัง”

“ได้สิ เอาเลย!” สวี่หลิงอวิ๋นกางมือทั้งสองออก “ที่จริงแล้วฉันอยากจะถามว่า แม่ของนายมีแซ่ว่าอะไรน่ะ!”

ประโยคนี้ทำให้บ๊อบโกรธจนแทบบ้า! เขาหยิบปืนออกมาและยิงไปที่ ‘วิกเตอร์’ โดยตรง!

ทว่าสายเกินกว่าจะพูดอะไรออก ทันใดนั้นคุกใต้ดินทั้งหลังก็มืดสนิท และไม่สามารถมองเห็นอะไรได้!

สวี่หลิงอวิ๋นจับมือของหยวนซิวเอาไว้ และใช้พลังจิตผูกติดทั้งสองเข้าด้วยกัน ดึงปืนออกมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องดังก้อง หลังจากนั้นเสียงปืนก็ดังขึ้น ‘ปัง’!

เยี่ยมมาก ทันใดนั้นเหตุการณ์ก็เริ่มชุลมุนวุ่นวายยิ่งขึ้น ทุกคนคว้าปืนออกมายิงใส่กันอย่างบ้าคลั่ง เพียงเพราะความมืดมิด จึงทำให้ไม่มีใครมองเห็นกันและกัน

“หยุดได้แล้ว!” บ๊อบร้องตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว หลังจากถูกยิงเข้าที่แขนโดยตรง “รีบไปดูวงจรไฟฟ้าเดี๋ยวนี้!”

ทันทีที่เสียงของบ๊อบดังขึ้น ทุกคนก็พยายามระงับความหวาดกลัว ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครอยากจบชีวิตลง เพียงแต่ศัตรูยังอยู่ที่นี่ ใครจะรู้ว่าพวกเขาอาจจะถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาสฆ่าตายก็ได้?!

สวี่หลิงอวิ๋นวิ่งอย่างว่องไว ในขณะที่บ๊อบรีบวิ่งตามมา “เร็วเข้า ตามฉันให้ทันล่ะ!”

มืดมิดขนาดนี้ ใครจะมองเห็นได้?!

พวกเขาล้มลุกคลุกคลานและไม่สามารถวิ่งได้เร็วเหมือนกับสวี่หลิงอวิ๋น แต่เนื่องจากไม่มีไฟฟ้า ประตูถึงไม่สามารถเปิดออกได้ นอกจากนี้ ประตูเหล่านี้ยังทำหน้าที่ปกป้องพลังจิตอีกด้วย

สวี่หลิงอวิ๋นรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย โอคาซีที่รออยู่สามารถรับรู้เหตุการณ์ด้านในทั้งหมดผ่านหุ่นยนต์นาโน เขารีบกระโดดออกมา และหยิบดาบเลเซอร์พลังดวงดาวออกมาฟาดฟันเข้ากับผู้รักษาความปลอดภัยทั้งหลายจนล้มไปกองกับพื้น ก่อนจะใช้มีดขนาดมหึมาผ่าครึ่งประตู

สวี่หลิงอวิ๋นยืนอยู่ด้านหลังประตู และทั้งสามคนก็มารวมตัวกันอีกครั้ง!

“ไป!”