“ไม่ๆๆ ประธานนัทธีร่างกายคุณยังไม่ดี ฉันกลับเองก็ได้ค่ะ”วารุณีส่ายหน้าปฏิเสธ
เธอยืนหยัดแบบนี้ นัทธีจึงละสายตาลง ไม่กี่วินาทีถัดมา ก็หยิบกุญแจรถบนโต๊ะน้ำชาขึ้นมายื่นให้เธอ“ขับกลับไปเถอะ ถึงตอนนั้นค่อยมาคืนผมก็พอ”
วารุณีลังเลเล็กน้อย คิดว่าถึงออกไปก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกรถได้ เลยไม่ได้ รับกุญแจรถมา“ขอบคุณค่ะ งั้นพวกเราไปก่อนนะคะ”
พูดจบ เธอก็จูงอารัณเดินไปที่ปากทางเข้าบ้าน
ป้าส้มก็ตามไปด้วย ช่วยสองคนแม่ลูกเปิดประตู
พอเปิดประตูไป มารุตก็ยืนอยู่ด้านนอกประตู มือข้างหนึ่งยกขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะกดกริ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆประตูจะเปิด การแสดงออกจึงงุนงงเล็กน้อย
“ผู้ช่วยมารุต”วารุณีพยักหน้าทักทายเขา
มารุตดันแว่น จัดการการแสดงออกอย่างดีแล้วจึงยิ้มกลับไป“คุณวารุณีทำไมมาอยู่นี่ครับ?”
“ประธานนัทธีป่วยค่ะ ฉันเลยมาดู ตอนนี้กำลังจะกลับ”วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
มารุตได้ยิน ก็รีบหลีกทางให้
วารุณีพูดขอบคุณ ดึงอารัณออกไปจากประตู ภายใต้การนำทางของป้าส้ม ก็เดินไปที่โรงจอดรถ
มารุตมองร่างของพวกเธอ ก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมนานนัก ก้าวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์
“ประธาน”มาที่ห้องรับแขก มารุตก็เห็นชายหนุ่มขมวดคิ้วบนโซฟา สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก
ชายหนุ่มวางมือลง เงยมองเขาแวบหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย“คุณมาได้ไง?”
“ผมจะมารายงานเรื่องที่คุณให้ผมไปสืบครับ”มารุตเอาเอกสารในมือยื่นไปให้
สายตานัทธีเพ่งไป รับเข้ามา แล้วเปิดดู
ตอนที่เขาดู มารุตยืนอยู่ตรงข้ามเขาพูดว่า“ตอนที่สืบครั้งที่แล้ว ผมเริ่มจากสามคนพ่อแม่ลูกพวกสุภัทร ไม่ได้ตรวจสอบจากคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลศรีสุขคำ ดังนั้นผลที่สืบได้ก็คือคุณวารุณีหนีไปกับคนอื่น แต่ครั้งนี้ผมถามคนใช้ที่ออกไปจากตระกูลศรีสุขคําหลายปีก่อน รวมถึงเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆตระกูลศรีสุขคํา……”
นัทธีเงยมองมารุต“แล้วไงต่อ?”
แว่นตามารุตสะท้อนเล็กน้อย“จากนั้นก็อย่างที่นายท่านชลธีพูด ตอนที่คุณวารุณีไปจากตระกูลศรีสุขคํา ไม่มีแฟน และก็ไม่ได้หนีตามใครไป แต่ถูกตระกูลศรีสุขคําไล่ออกไป ตอนนั้นที่ถูกไล่ออกไปด้วย ก็ยังมีคุณหญิงวรยากับศรัณย์คุณชายแห่งตระกูลศรีสุขคํา”
“ไล่คนรักเก่ากับลูกชายลูกสาวทั้งสองคนออกไปจากตระกูล สุภัทรนี่เยี่ยมจริงๆ!”มุมปากนัทธีเยาะเย้ยขึ้นมาเบาๆ
มารุตยักไหล่“เพราะว่าในใจสุภัทร คุณวารุณีกับศรัณย์ไม่ได้เป็นที่รักใคร่ของเขา ที่สุภัทรชอบจริงๆ มีแค่พิชญาลูกสาวคนนี้เท่านั้น จึงได้พวกคุณวารุณีไป ก็เพื่อปูทางให้พิชญา!”
“ปูทาง?”นิ้วโป้งนัทธีที่ถูกเอกสารอยู่นั้นหยุดลง
มารุตพยักหน้า“ที่รู้มาจากปากของคนใช้ตระกูลศรีสุขคําที่ลาออกไปในตอนนั้น สุภัทรไล่คุณวารุณีออกไป เพื่อให้พิชญาหมั้นกับคุณแทนคุณวารุณีต่อไป แต่ก็กลัวคุณจะรู้ว่าเปลี่ยนตัวคู่หมั้นแล้วโกรธตระกูลศรีสุขคํา สุภัทรจึงแอบปล่อยข่าวลือว่าคุณวารุณีหนีไปกับคนอื่น แบบนี้……”
“ถึงผมจะรู้ว่าเปลี่ยนตัวคู่หมั้น ก็จะไม่ทำอะไรกับตระกูลศรีสุขคําจริงๆ เพราะว่าคู่หมั้นตัวจริงของผมหนีไปกับคนอื่น พวกเขาจึงชดเชยให้ผมอีกคน”นัทธีกำเอกสารไว้ในมือแน่น สายตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
มารุตก้มหน้า“ใช่ครับ นี่ก็เพราะว่าทำไม คุณวารุณีถึงไม่รู้เลยว่าตัวเองยังมีคู่หมั้นอยู่ เพราะคนใช้บอกว่า ทุกครั้งที่คุณหญิงวรยาเตรียมจะบอกคุณวารุณี สุภัทรก็ใช้เหตุผลอื่นมาหยุดไว้ทุกที ก็เพราะกลัวคุณวารุณีจะรู้จักกับคุณ”
“เขาวางแผนมาได้ครอบคลุมมาก!”นัทธีหรี่ตาลงยิ้มอย่างเย็นชา
วารุณีกับพิชญา ล้วนแต่เป็นลูกสาวของสุภัทร แต่สุภัทรกลับรักไม่เท่ากัน
เพื่อให้พิชญาแต่งเข้าตระกูลไชยรัตน์ สุภัทรสามารถไล่วารุณีออกไปจากตระกูลได้ ให้วารุณีมีมลทิน คนแบบนี้ ไม่สมควรเป็นพ่อคน!
เหมือนจะดูออกว่าในใจนัทธีกำลังคิดอะไรอยู่ มารุตถามอย่างลังเลว่า“ประธาน พวกนี้จะบอกคุณวารุณีไหมครับ?”
“อย่าเพิ่ง”นัทธีเอาเอกสารทิ้งไปที่โซฟา พูดเสียงหม่น“รอหลังจากผมแน่ใจความสัมพันธ์กับวารุณีแล้วค่อยบอกเธอ ถึงตอนนั้นเธออยากแก้แค้นสุภัทร ผมก็สามารถช่วยเธอได้อย่างจริงใจได้”
“ครับ”มารุตพยักหน้า แสดงออกว่ารู้แล้ว
แป๊บเดียว เขาก็คิดอะไรขึ้นได้อีก พูดไปว่า“ประธานครับ ยังมีอีกเอกสารหนึ่ง หลังจากคุณวารุณีถูกไล่ออกไปแล้ว คุณหญิงวรยาเคยไปหาคุณที่คฤหาสน์ไชยรัตน์”
“หาผม?”นัทธีตะลึงเล็กน้อย
มารุตก้มหน้าลง“ถูกต้องครับ น่าจะเพราะว่าเรื่องที่คุณกับคุณวารุณีหมั้นกัน แต่ตอนนั้นคุณไม่อยู่ที่คฤหาสน์ไชยรัตน์ ดังนั้นคุณหญิงวรยาเจอครอบครัวขงเบ้ง ขงเบ้งใช้ข้ออ้างว่าคุณหญิงวรยาถูกหย่า ดังนั้นจึงบอกว่าการหมั้นของประธานกับคุณวารุณีนั้นไม่มีผล จากนั้นคุณหญิงวรยาโกรธจึงกลับไป”
นัทธียืนขึ้นมาทันที แววตาคู่นั้นมีความเยือกเย็นมหาศาล“ขง เบ้ง!”
มารุตก็ไม่พอใจอย่างมาก
ตอนที่เขาสืบตรงนี้ได้ ก็โกรธแทบตาย ถ้าไม่มีขงเบ้งเสนอหน้ามาแบบนี้ ประธานกับคุณวารุณีก็อยู่ด้วยกันนานแล้ว
คุณวารุณีก็คงไม่หนีไปไกลถึงต่างประเทศ ไม่มีลูกกับชายคนอื่น คลาดกับประธานไปเปล่าๆเจ็ดปี
มองนัทธีที่เต็มไปด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อและเยือกเย็น มารุตดันแว่นแล้วถามว่า“ประธานครับ พวกเราต้องจัดการขงเบ้งไหม?”
“ไม่รีบร้อน รอคุณสืบเรื่องนี้เสร็จ ค่อยจัดการไปทีเดียวเลย”สายตานัทธีมีความเยือกเย็นออกมา จากนั้นเอาเรื่องที่วันนี้ขงเบ้งมาพูดออกไป
มารุตฟังจบ ใบหน้าก็มีความตกใจ จากนั้น ก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง“ผมเข้าใจแล้ว ผมจะไปสืบ”
พูดจบ เขาก็หันกลับแล้วออกไป
ตอนนี้เอง ป้าส้มก็กลับมา
นัทธีลูบขมับ“เธอไปแล้ว?”
ป้าส้มรู้ว่าเชาถามถึงใคร พยักหน้า“ไปแล้วค่ะ”
นัทธีตอบอือ ไม่พูดอะไร หันหน้ามองไปที่ปากทางเข้า เหมือนว่าจะมองอะไรผ่านประตูหนาๆนั่น
จนผ่านไปสักพัก เขาก็ละสายตาคืนมา เดินขึ้นไปข้างบน
วารุณีออกไปจากคฤหาสน์ของนัทธีแล้ว จึงพาอารัณกลับสตูดิโอ
ปาจรีย์เห็นเธอขับเบนท์ลีย์คันหนึ่งกลับมา ก็ตะลึงงันไปหมด ช็อกจนหัวใจแทบไปตกอยู่ที่ตาตุ่ม“รถนี่ ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ ของประธานนัทธีสินะ?”
วารุณีพยักหน้า“ใช่”
“ทำไมเธอขับรถของประธานนัทธีได้?”ปาจรีย์ชี้เธออย่างตกใจ
วารุณีหัวเราะ“เรื่องมันมีที่มาที่ไปน่ะ โอเค เธออย่าถามเลย เมื่อคืนที่ฉันเอาต้นฉบับให้เธอ ทางคุณจรณ์ตอบหรือยัง?”
“ยังเลย”ปาจรีย์ส่ายหน้า
วารุณีถอนหายใจอย่างเสียดาย“แบบนี้นี่เอง”
“อย่ารีบร้อน น่าจะไม่เห็น รอก่อนดีกว่า”ปาจรีย์ตบไหล่ของเธอ
วารุณียิ้ม ไม่พูดอะไร
“ใช่สิ บอกเธอเรื่องหนึ่ง”ปาจรีย์คิดอะไรขึ้นได้ จึงหยิบกระดาษใบหนึ่งจากโต๊ะทำงาน“นี่คือตารางรายชื่อลงทะเบียนที่ร่วมโควตาแย่งชิงการแข่งขัน ด้านบนมีเพิ่มมาคนหนึ่ง”
“ใครเหรอ?”วารุณีก้มเอวไปเติมน้ำตรงหน้าเครื่องทำน้ำ
ปาจรีย์ยื่นตารางรายชื่อลงทะเบียนให้เธอ ค่อยๆพูดออกมาว่า“พิชญา!”
มือที่วารุณีถือแก้วน้ำอยู่นั้นก็ชะงักไป รีบรับตารางรายชื่อลงทะเบียนมาดู มองเห็นด้านบนมีชื่อของพิชญา ริมฝีปากสีแดงก็อดไม่ได้ที่จะเม้มลง“เธอจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้?”
“ใช่ ขาก็หักแล้วยังจะดิ้นรนอีก ฉันนี่นับถือเธอจริงๆ”ปาจรีย์เบะปากพูด
จากนั้น เธอก็เตือนอย่างจริงจังอีกครั้ง“ดังนั้นวารุณีตอนที่คุณแข่งขันจะต้องระวังตัวนะ ฉันกลัวว่าเธอจะทำอะไรเธอ ตอนนี้เธอไม่อยู่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ไม่มีการคุ้มครองของประธานนัทธีแล้ว เธอไม่ได้เป็นอะไรกับประธานนัทธีอีก ไม่ต้องกังวลอะไรเพื่อที่จะลงมือให้เธออีก เธอ……”
“วางใจเถอะ ฉันรู้ว่าควรทำอย่างไร”วารุณีวางตารางรายชื่อลงทะเบียนลง