บทที่ 161 ความจริงในตอนนั้น

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

“ไม่ๆๆ ประธานนัทธีร่างกายคุณยังไม่ดี ฉันกลับเองก็ได้ค่ะ”วารุณีส่ายหน้าปฏิเสธ

เธอยืนหยัดแบบนี้ นัทธีจึงละสายตาลง ไม่กี่วินาทีถัดมา ก็หยิบกุญแจรถบนโต๊ะน้ำชาขึ้นมายื่นให้เธอ“ขับกลับไปเถอะ ถึงตอนนั้นค่อยมาคืนผมก็พอ”

วารุณีลังเลเล็กน้อย คิดว่าถึงออกไปก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกรถได้ เลยไม่ได้ รับกุญแจรถมา“ขอบคุณค่ะ งั้นพวกเราไปก่อนนะคะ”

พูดจบ เธอก็จูงอารัณเดินไปที่ปากทางเข้าบ้าน

ป้าส้มก็ตามไปด้วย ช่วยสองคนแม่ลูกเปิดประตู

พอเปิดประตูไป มารุตก็ยืนอยู่ด้านนอกประตู มือข้างหนึ่งยกขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเตรียมจะกดกริ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าจู่ๆประตูจะเปิด การแสดงออกจึงงุนงงเล็กน้อย

“ผู้ช่วยมารุต”วารุณีพยักหน้าทักทายเขา

มารุตดันแว่น จัดการการแสดงออกอย่างดีแล้วจึงยิ้มกลับไป“คุณวารุณีทำไมมาอยู่นี่ครับ?”

“ประธานนัทธีป่วยค่ะ ฉันเลยมาดู ตอนนี้กำลังจะกลับ”วารุณีตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

มารุตได้ยิน ก็รีบหลีกทางให้

วารุณีพูดขอบคุณ ดึงอารัณออกไปจากประตู ภายใต้การนำทางของป้าส้ม ก็เดินไปที่โรงจอดรถ

มารุตมองร่างของพวกเธอ ก็ไม่ได้ยืนอยู่ที่เดิมนานนัก ก้าวเท้าเข้าไปในคฤหาสน์

“ประธาน”มาที่ห้องรับแขก มารุตก็เห็นชายหนุ่มขมวดคิ้วบนโซฟา สีหน้าดูไม่ค่อยดีนัก

ชายหนุ่มวางมือลง เงยมองเขาแวบหนึ่ง พยักหน้าเล็กน้อย“คุณมาได้ไง?”

“ผมจะมารายงานเรื่องที่คุณให้ผมไปสืบครับ”มารุตเอาเอกสารในมือยื่นไปให้

สายตานัทธีเพ่งไป รับเข้ามา แล้วเปิดดู

ตอนที่เขาดู มารุตยืนอยู่ตรงข้ามเขาพูดว่า“ตอนที่สืบครั้งที่แล้ว ผมเริ่มจากสามคนพ่อแม่ลูกพวกสุภัทร ไม่ได้ตรวจสอบจากคนที่เกี่ยวข้องกับตระกูลศรีสุขคำ ดังนั้นผลที่สืบได้ก็คือคุณวารุณีหนีไปกับคนอื่น แต่ครั้งนี้ผมถามคนใช้ที่ออกไปจากตระกูลศรีสุขคําหลายปีก่อน รวมถึงเพื่อนบ้านที่อยู่รอบๆตระกูลศรีสุขคํา……”

นัทธีเงยมองมารุต“แล้วไงต่อ?”

แว่นตามารุตสะท้อนเล็กน้อย“จากนั้นก็อย่างที่นายท่านชลธีพูด ตอนที่คุณวารุณีไปจากตระกูลศรีสุขคํา ไม่มีแฟน และก็ไม่ได้หนีตามใครไป แต่ถูกตระกูลศรีสุขคําไล่ออกไป ตอนนั้นที่ถูกไล่ออกไปด้วย ก็ยังมีคุณหญิงวรยากับศรัณย์คุณชายแห่งตระกูลศรีสุขคํา”

“ไล่คนรักเก่ากับลูกชายลูกสาวทั้งสองคนออกไปจากตระกูล สุภัทรนี่เยี่ยมจริงๆ!”มุมปากนัทธีเยาะเย้ยขึ้นมาเบาๆ

มารุตยักไหล่“เพราะว่าในใจสุภัทร คุณวารุณีกับศรัณย์ไม่ได้เป็นที่รักใคร่ของเขา ที่สุภัทรชอบจริงๆ มีแค่พิชญาลูกสาวคนนี้เท่านั้น จึงได้พวกคุณวารุณีไป ก็เพื่อปูทางให้พิชญา!”

“ปูทาง?”นิ้วโป้งนัทธีที่ถูกเอกสารอยู่นั้นหยุดลง

มารุตพยักหน้า“ที่รู้มาจากปากของคนใช้ตระกูลศรีสุขคําที่ลาออกไปในตอนนั้น สุภัทรไล่คุณวารุณีออกไป เพื่อให้พิชญาหมั้นกับคุณแทนคุณวารุณีต่อไป แต่ก็กลัวคุณจะรู้ว่าเปลี่ยนตัวคู่หมั้นแล้วโกรธตระกูลศรีสุขคํา สุภัทรจึงแอบปล่อยข่าวลือว่าคุณวารุณีหนีไปกับคนอื่น แบบนี้……”

“ถึงผมจะรู้ว่าเปลี่ยนตัวคู่หมั้น ก็จะไม่ทำอะไรกับตระกูลศรีสุขคําจริงๆ เพราะว่าคู่หมั้นตัวจริงของผมหนีไปกับคนอื่น พวกเขาจึงชดเชยให้ผมอีกคน”นัทธีกำเอกสารไว้ในมือแน่น สายตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

มารุตก้มหน้า“ใช่ครับ นี่ก็เพราะว่าทำไม คุณวารุณีถึงไม่รู้เลยว่าตัวเองยังมีคู่หมั้นอยู่ เพราะคนใช้บอกว่า ทุกครั้งที่คุณหญิงวรยาเตรียมจะบอกคุณวารุณี สุภัทรก็ใช้เหตุผลอื่นมาหยุดไว้ทุกที ก็เพราะกลัวคุณวารุณีจะรู้จักกับคุณ”

“เขาวางแผนมาได้ครอบคลุมมาก!”นัทธีหรี่ตาลงยิ้มอย่างเย็นชา

วารุณีกับพิชญา ล้วนแต่เป็นลูกสาวของสุภัทร แต่สุภัทรกลับรักไม่เท่ากัน

เพื่อให้พิชญาแต่งเข้าตระกูลไชยรัตน์ สุภัทรสามารถไล่วารุณีออกไปจากตระกูลได้ ให้วารุณีมีมลทิน คนแบบนี้ ไม่สมควรเป็นพ่อคน!

เหมือนจะดูออกว่าในใจนัทธีกำลังคิดอะไรอยู่ มารุตถามอย่างลังเลว่า“ประธาน พวกนี้จะบอกคุณวารุณีไหมครับ?”

“อย่าเพิ่ง”นัทธีเอาเอกสารทิ้งไปที่โซฟา พูดเสียงหม่น“รอหลังจากผมแน่ใจความสัมพันธ์กับวารุณีแล้วค่อยบอกเธอ ถึงตอนนั้นเธออยากแก้แค้นสุภัทร ผมก็สามารถช่วยเธอได้อย่างจริงใจได้”

“ครับ”มารุตพยักหน้า แสดงออกว่ารู้แล้ว

แป๊บเดียว เขาก็คิดอะไรขึ้นได้อีก พูดไปว่า“ประธานครับ ยังมีอีกเอกสารหนึ่ง หลังจากคุณวารุณีถูกไล่ออกไปแล้ว คุณหญิงวรยาเคยไปหาคุณที่คฤหาสน์ไชยรัตน์”

“หาผม?”นัทธีตะลึงเล็กน้อย

มารุตก้มหน้าลง“ถูกต้องครับ น่าจะเพราะว่าเรื่องที่คุณกับคุณวารุณีหมั้นกัน แต่ตอนนั้นคุณไม่อยู่ที่คฤหาสน์ไชยรัตน์ ดังนั้นคุณหญิงวรยาเจอครอบครัวขงเบ้ง ขงเบ้งใช้ข้ออ้างว่าคุณหญิงวรยาถูกหย่า ดังนั้นจึงบอกว่าการหมั้นของประธานกับคุณวารุณีนั้นไม่มีผล จากนั้นคุณหญิงวรยาโกรธจึงกลับไป”

นัทธียืนขึ้นมาทันที แววตาคู่นั้นมีความเยือกเย็นมหาศาล“ขง เบ้ง!”

มารุตก็ไม่พอใจอย่างมาก

ตอนที่เขาสืบตรงนี้ได้ ก็โกรธแทบตาย ถ้าไม่มีขงเบ้งเสนอหน้ามาแบบนี้ ประธานกับคุณวารุณีก็อยู่ด้วยกันนานแล้ว

คุณวารุณีก็คงไม่หนีไปไกลถึงต่างประเทศ ไม่มีลูกกับชายคนอื่น คลาดกับประธานไปเปล่าๆเจ็ดปี

มองนัทธีที่เต็มไปด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อและเยือกเย็น มารุตดันแว่นแล้วถามว่า“ประธานครับ พวกเราต้องจัดการขงเบ้งไหม?”

“ไม่รีบร้อน รอคุณสืบเรื่องนี้เสร็จ ค่อยจัดการไปทีเดียวเลย”สายตานัทธีมีความเยือกเย็นออกมา จากนั้นเอาเรื่องที่วันนี้ขงเบ้งมาพูดออกไป

มารุตฟังจบ ใบหน้าก็มีความตกใจ จากนั้น ก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง“ผมเข้าใจแล้ว ผมจะไปสืบ”

พูดจบ เขาก็หันกลับแล้วออกไป

ตอนนี้เอง ป้าส้มก็กลับมา

นัทธีลูบขมับ“เธอไปแล้ว?”

ป้าส้มรู้ว่าเชาถามถึงใคร พยักหน้า“ไปแล้วค่ะ”

นัทธีตอบอือ ไม่พูดอะไร หันหน้ามองไปที่ปากทางเข้า เหมือนว่าจะมองอะไรผ่านประตูหนาๆนั่น

จนผ่านไปสักพัก เขาก็ละสายตาคืนมา เดินขึ้นไปข้างบน

วารุณีออกไปจากคฤหาสน์ของนัทธีแล้ว จึงพาอารัณกลับสตูดิโอ

ปาจรีย์เห็นเธอขับเบนท์ลีย์คันหนึ่งกลับมา ก็ตะลึงงันไปหมด ช็อกจนหัวใจแทบไปตกอยู่ที่ตาตุ่ม“รถนี่ ถ้าฉันจำไม่ผิดล่ะก็ ของประธานนัทธีสินะ?”

วารุณีพยักหน้า“ใช่”

“ทำไมเธอขับรถของประธานนัทธีได้?”ปาจรีย์ชี้เธออย่างตกใจ

วารุณีหัวเราะ“เรื่องมันมีที่มาที่ไปน่ะ โอเค เธออย่าถามเลย เมื่อคืนที่ฉันเอาต้นฉบับให้เธอ ทางคุณจรณ์ตอบหรือยัง?”

“ยังเลย”ปาจรีย์ส่ายหน้า

วารุณีถอนหายใจอย่างเสียดาย“แบบนี้นี่เอง”

“อย่ารีบร้อน น่าจะไม่เห็น รอก่อนดีกว่า”ปาจรีย์ตบไหล่ของเธอ

วารุณียิ้ม ไม่พูดอะไร

“ใช่สิ บอกเธอเรื่องหนึ่ง”ปาจรีย์คิดอะไรขึ้นได้ จึงหยิบกระดาษใบหนึ่งจากโต๊ะทำงาน“นี่คือตารางรายชื่อลงทะเบียนที่ร่วมโควตาแย่งชิงการแข่งขัน ด้านบนมีเพิ่มมาคนหนึ่ง”

“ใครเหรอ?”วารุณีก้มเอวไปเติมน้ำตรงหน้าเครื่องทำน้ำ

ปาจรีย์ยื่นตารางรายชื่อลงทะเบียนให้เธอ ค่อยๆพูดออกมาว่า“พิชญา!”

มือที่วารุณีถือแก้วน้ำอยู่นั้นก็ชะงักไป รีบรับตารางรายชื่อลงทะเบียนมาดู มองเห็นด้านบนมีชื่อของพิชญา ริมฝีปากสีแดงก็อดไม่ได้ที่จะเม้มลง“เธอจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้?”

“ใช่ ขาก็หักแล้วยังจะดิ้นรนอีก ฉันนี่นับถือเธอจริงๆ”ปาจรีย์เบะปากพูด

จากนั้น เธอก็เตือนอย่างจริงจังอีกครั้ง“ดังนั้นวารุณีตอนที่คุณแข่งขันจะต้องระวังตัวนะ ฉันกลัวว่าเธอจะทำอะไรเธอ ตอนนี้เธอไม่อยู่บริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ไม่มีการคุ้มครองของประธานนัทธีแล้ว เธอไม่ได้เป็นอะไรกับประธานนัทธีอีก ไม่ต้องกังวลอะไรเพื่อที่จะลงมือให้เธออีก เธอ……”

“วางใจเถอะ ฉันรู้ว่าควรทำอย่างไร”วารุณีวางตารางรายชื่อลงทะเบียนลง